ในขณะที่เอลิซ่ากำลังพรมจูบที่ใบหน้าของบาร์ตัน ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามา
"ไม่ได้..จะมาขัดจังหวะแต่เอลิซ่าข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเจ้า..ให้ได้!"
"จิ๊! ข้าควรจะสอนเจ้าเรียนเรื่องมารยาทใหม่นะ"
คาเมลส่งยิ้มเศร้าๆให้กับเอลิซ่าและองค์จักรพรรดิ สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติซึ่งมันก็ถูกแล้วที่มันไม่ปกติเพราะสตรีที่เข้ามาใหม่คือองค์จักรพรรดินี
นี่มันราวกับภรรยาที่จับได้ว่าสามี มีชู้เลยไม่ใช่เรอะ!
"ข้าแค่อยากคุยกับเอลิ หุบปากไปเลยบาร์ตัน!"
เอลิซ่าส่งยิ้มให้กับนาโอมิ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังเหมือนเดิมเลยนะ ยังคงดีต่อกันเหมือนเดิม ดีที่ไม่ฆ่ากัน..
"ท่านพี่รอข้าอยู่ที่นี่นะคะ"
"แล้วข้ามีสิทธิ์รั้งเจ้ารึไง นี่!นาโอมิ เจ้ากำลังแย่งเอลิไปจากข้าเพราะฉะนั้นงานบนโต๊ะนั่นกรุณาเอาไปทำด้วย"
"ได้ที่ไหนกันไอ้คนขี้เกียจสันหลังยาว ข้าทำมาเกินครึ่งทิ้งไว้ให้เจ้าทำครึ่งหนึ่งยังเจ้ายังไม่ทำเลย เอลิซ่าเจ้าได้โปรดมองเขาใหม่เถอะนะ ชายผู้นี้นอกจากปากดีแล้วเขาไม่มีอะไรที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าเลย!"
เอลิซ่าหัวเราะเบาๆ เธอหันไปมองใบหน้าที่โกรธจัดของท่านพี่บาร์ตันก่อนจะเดินตามนาโอมิออกไป นางพาเธอมายังสวนดอกไม้หน้าพระราชวังของจักรพรรดินี
"มีเรื่องด่วนอย่างนั้นหรือ?"
"ด่วนสิ ด่วนมากเลยล่ะ ข้าน่ะ..หลงรักบุรุษผู้หนึ่งมาหนึ่งปีเต็มๆแล้วเอลิซ่า ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรดีเพราะข้ามิได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะสามารถสารภาพรักเขาได้..อีกหนึ่งปีกว่าจะครบสัญญา กว่าข้าและบาร์ตันจะหย่ากันข้าต้องรออีกหนึ่งปีแต่ในใจมันร่ำร้องอย่างหนัก ข้าไม่รู้ว่าจะต้องรอคอยยังไงเพราะความรู้สึกที่เอ่อล้นนี้มันพร้อมจะระเบิดออกมาตลอดเวลาเลย!"
ใบหน้าของนาโอมิตอนนี้ มันราวกับว่านางจะร้องไห้ออกมาเลย ซึ่งเธอไม่เคยเห็นสตรีผู้นี้เป็นเช่นนี้มาก่อนเพราะเดิมทีนาโอมิคือท่านหญิงผู้เก่งกาจในเรื่องการรบ สตรีผู้นี้ถนัดถือดาบมากกว่าแก้วน้ำชาและแน่นอนเธอคิดว่านาโอมิจะรักใครไม่เป็นซะแล้ว เพราะการออกรบตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อเริ่มขี่ม้าได้ชีวิตของนางก็อาศัยอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยบุรุษมากมาย นางไม่หวั่นไหวให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น
แล้วนาโอมิที่แข็งแกร่งคนนั้น ในตอนนี้กำลังตกหลุมรักอย่างนั้นหรือ? ใครกันนะที่สามารถทำให้หัวใจที่ปิดตายของเธอมันเปิดออกมา
"ใจเย็นๆก่อน เจ้าลองหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆเล่าให้ข้าฟังดีไหมว่าชายหนุ่มผู้โชคดีผู้นั้นคือใคร?"
นาโอมิส่ายหน้าเบาๆ
"เขาไม่ใช่ชายหนุ่มเอลิ.."
"อ่า..เรื่องความแตกต่างของอายุเจ้าไม่ต้องกังวลเพราะว่าความรักมันมิได้มีข้อจำกัดในเรื่องนี้อยู่แล้ว"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เขามีลูกสาวอยู่ด้วยหนึ่งคน..."
มีลูกแล้วอย่างนั้นหรือ?
"เรื่องนี้หากว่าเขาไม่มีภรรยาอยู่ ข้ามองว่ามันไม่น่าจะผิดนะ เพราะว่าเขายังโสดและเมื่อเจ้าหย่ากับท่านพี่บาร์ตันเจ้าก็จะโสดเช่นเดียวกัน ลูกสาวของเขาคงอยู่ในช่วยวัยเด็กเจ้าก็จะได้เลี้ยงนาง พอนางเติบโตขึ้นมาก็จะผูกพันกับเจ้า..."
เอลิซ่ากล่าวพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม
นาโอมิส่ายหน้าอีกครั้ง
"ลูกสาวของเขา..อายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าเลย"
"แค่ก! แค่ก!"
เธอสำลักน้ำชาจนแสบจมูกแสบคอไปหมด เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้แต่อายุที่ห่างกันมากขนาดนั้นจะคุยกันรู้เรื่องอย่างนั้นหรือ(ลืมไปว่าตัวเองกับท่านอีวานห่างกันสองร้อยกว่าปี)
"นาโอมิ เจ้าคิดดีแล้วอย่างนั้นหรือ เขาคงไม่ใช่เ*******ูที่มาคอยหลอกลวงเจ้าหรอกใช่ไหม?"
"ไม่เลยเอลิ ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากข้าสารภาพความในใจกับเขาไป เขาจะชายตามองข้ารึเปล่า?"
"อ่า..ตาแก่ที่เล่นตัวขนาดนั้นเป็นใครกันนาโอมิ"
เอาตามความจริง นาโอมินั้นถึงแม้ว่าผิวของนางจะมิได้ขาวนวลเพราะว่านางนั้นตากแดดจากหนักจากการออกรบ แต่ทว่าการมีผิวสีแทนและใบหน้าเช่นนั้นมันงดงามในแบบที่ต้องยอมรับเลยว่าไม่มีใครที่จะมองผ่านนางไปได้อย่างแน่นอน
ความสวยงามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันมากล้น..
"เจ้าฟังดีๆนะเอลิซ่า ชายผู้นั้นคือท่านแกรนด์ดยุคคามิล พ่อของเจ้ายังไงล่ะ!"
ห๊ะ! ท่านพ่ออย่างนั้นเรอะ!! เอลิซ่ายกมือขึ้นมากุมขมับเบาๆ
"หนีไปนาโอมิ ท่านพ่อน่ะไม่มีทางที่จะมีความรักหรอก เรื่องนี้ยากเย็นพอๆกับจะทำให้ดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกเลย"
ดวงตาของนาโอมินั้นฉายแววเศร้าสร้อยขึ้นมา เรื่องนั้นเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ เธอไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบมาก่อนเลย เพราะว่าเธออยู่กับบุรุษมาโดยตลอด ออกรบถือดาบฟาดฟันลงไปยังศัตรู
แต่แล้ววันนั้น..
บาร์ตันหายตัวไปพร้อมกับเอลิซ่า งานในพระราชวังจึงมากจนล้นมือของเธอ บาร์ตันเดิมทีเขาก็ไม่ค่อยชอบทำงานพวกนี้สักเท่าไหร่เราทั้งสองคนจึงตกลงกันว่าเราจะช่วยกันทำงานคนละครึ่งแลกกับเขาจะต้องหย่ากับเธอภายในสองปีเพราะว่าสัญญาในครั้งแรกคือสี่ปี กว่าจะทำให้เขาตอบตกลงได้ก็ยากเย็นอยู่เหมือนกัน
และหลังจากนั้นนาโอมิก็ทำงานในนามขององค์จักรพรรดิมาโดยตลอด เมื่อเขาหายตัวไปมันก็เลยกลับกลายเป็นว่าเธอจะต้องทำงานเพียงผู้เดียวเท่านั้น งานมันมากขึ้นจทำให้เธอไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย
และในตอนที่ดวงตาของเธอกำลังจะปิดลงมา เธอก็เห็นเงาร่างของชายผู้หนึ่งที่วิ่งเข้ามารับเธอตอนที่เธอกำลังจะหงายหลังเอาไว้ กลิ่นกายของเขาเป็นเอกลักษณ์มากๆเพราะมันเป็นกลิ่นที่ทำให้เธอสบายใจ เหมือนกลิ่นดินในยามที่ฝนตกใหม่ๆเลย
เธอหลับไปสองวันเต็มๆหลังจากตื่นมาก็รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานขององค์จักรพรรดิ ท่ามกลางกองเอกสารมากมาย เขานั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับใบหน้าที่หล่อแบบตะโกน
เขาปรายตามองหน้าของเธอชั่วขณะหนึ่ง
"จักรพรรดินีไปพักผ่อนเถอะ งานเหล่านี้...ต่อจากนี้เป็นต้นไปจนกว่าไอ้เวรนั่นจะกลับมาข้าจะจัดการเอง"
นี่เขา..กล้าด่าองค์จักรพรรดิว่าไอ้เวรอย่างนั้นหรือ? ในช่วงเวลานั้นนาโอมิรู้ได้ในทันทีเลยว่าเธอตกหลุมรักความป่าเถื่อนของชายเบื้องหน้านี้เสียแล้ว!
เธออยากจะให้เขาลองด่าเธอออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นบ้าง..
"คาเมล ไปส่งจักรพรรดินีเถอะ"
"มะ..ไปเป็นไรค่ะ ให้ข้าได้ช่วย.."
"ช่วยมองตัวเองก่อนเถอะ ยืนยังจะไม่ไหว แค่งานบนโต๊ะนี่ข้าก็วุ่นวายมากพอแล้วไม่มีเวลาไปดูแลเด็กน้อยที่ไหนหรอกนะ!"
หากว่าการกร่นด่าในครั้งแรกเปรียบเป็นการตกหลุมรักแล้วล่ะก็ การที่เขากล่าวออกมาเมื่อครู่คงเป็นการฝังกลบเธอลงไปในหลบให้ไม่ต้องปีนขึ้นมาอีกเลยชั่วชีวิตนี้
เขาเป็นห่วงเธอด้วยล่ะ!!