พรหมลิขิต
ทิวเขาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา มีแต่โอโซนบริสุทธิ์ให้สูดหายใจจนชุ่มปอด สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกไม้นานาพันธุ์ในเวลาเย็นย่ำเช่นนี้ หญิงสาวขับรถมาที่นี่เพราะได้รับโทรศัพท์จากมารดาให้เธอมาช่วยงานของพ่อเลี้ยงในไร่
หวันยิหวา จารุวิเศษภักดี มองรั้วไม้โปร่งยาวเหยียดตามแนวถนน หญิงสาวชะลอรถที่ป้ายไม้ข้างหน้าสะดุดตาถูกแกะสลักใต้ซุ้มป้ายถูกล้อมรอบด้วยพันธุ์ไม้เมืองหนาวออกดอกสะพรั่ง “ไร่ชาภูตะวัน” ดวงตากลมโตคู่สวยอ่านไม่ผิดแน่
ภูดิศควบม้ามาหยุดตรงหน้ารถด้วยความสงสัย และเพราะอยู่ในฐานะเจ้าของไร่จึงกระโดดลงจากหลังเจ้าวายุเพื่อทักทายแขกผู้มาเยือน ท่วงท่าสง่างามในยามอยู่บนหลังม้ายังไม่สวยงามเท่าท่าที่ชายหนุ่มสปริงตัวลงจากหลังม้า ในมุมนี้แสงสว่างเพียงพอจนเห็นโครงหน้าของเขาชัดเจนถนัดตา ชายหนุ่มมีผิวสีแทน ผมสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ปากได้รูปงาม ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นเทพบุตรแน่ ๆ เอ๊ะ! หรือว่าเป็นพยามารเขาดูคมเข้มจนตาพร่า แต่ในขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัว เขาเปล่งพลังทางเพศอันแรงกล้าออกมาใน แบบที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน นี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความฝัน ในเมื่อเธอไม่เคยรู้สึกถึงแรงดึงดูดใจเช่นนี้เลยเมื่อเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะปุ่มลดกระจกลง
“โทษนะครับ ตอนนี้ไร่ของเราปิดแล้วครับ?”
“ดิฉันมาหาคนที่ไร่นี้ค่ะ” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวและพยายามนึกหน้าของใครคนหนึ่ง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเขาคุ้นเคยกับตากลมโตคู่นั้นที่ไหน
“คุณมาใหม่พรุ่งนี้ละกัน คนงานกลับที่พักหมดแล้ว?” นึกจะกวนอะไรขึ้นตอนนี้ละพ่อคุณ! นี่ถ้าไม่ติดว่าหลงทาง คงจะมาถึงเร็วกว่านี้ GPS ทำเธอหลงไปเรื่อย ๆ เกือบทั้งวันแล้ว ยังต้องมีเจอคนยั่วโมโหอีก
“ฉันมาหาเจ้าของไร่ที่นี่ค่ะ” เป็นแค่ลูกน้องพ่อเลี้ยงก็ต้องเกรงใจแขกของพ่อเลี้ยงบ้างแหละ’ หญิงสาวบอกความจำนงไปต่อชายหนุ่มที่ยืนสำรวจเธออยู่ด้านหน้า
“ผมนี่แหละเจ้าของไร่คุณมีอะไร?” ชายหนุ่มยักไหล่ท่าท่ายียวนต่อหญิงสาวตรงหน้า ‘เดี๋ยวถ้าเจอพ่อเลี้ยงก่อนเถอะ นายได้เห็นดีแน่!’
“นี่คุณ... เป็นเจ้าของไร่งั้นเหรอ?” หล่อนแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละเพราะไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นพ่อเลี้ยงไปได้ เธอจำหน้าพ่อเลี้ยงแสนคำได้เพราะมารดาเคยส่งรูปคู่กับพ่อเลี้ยงมาให้ดูเมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ร่างระหงรีบผุดลุกขึ้นยืนเทียบความสูงแล้วเชิดหน้าขึ้นให้มากพอจะได้ประจันหน้ากับเขา สิ่งที่เขาทําเมื่อหญิงสาวยืนขึ้นตรงหน้าก็คือกวาดตามองบนเรือนร่างของเธอ...เนินอกที่ขาวเนียนตัดกับชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสีแดงสด เขาผ่านผู้หญิงสวยๆ มาตั้งเท่าไหร่ไม่น่าจะมาใบ้เอาตอนนี้ชุดที่เธอใส่มันช่างรัดรูปจริง ๆ ชายหนุ่มอึ้งไปกับสัดส่วนของเธอ ผิวขาวเนียน หัวไหล่กลมสวย ‘ใส่มาสั้นขนาดนี้จะไปอ่อยใครไม่ทราบ’
“เอางี้!..ก็แล้วกัน ตอนนี้พ่อเลี้ยงไม่อยู่ เดี๋ยวคุณไปพักที่บ้านพ่อเลี้ยงก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงกลับมาเดี๋ยวคุณก็จะได้เจอกับพ่อเลี้ยงเอง” เขาไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงมาหาพ่อเลี้ยงในเวลานี้ คนตรงหน้าคงยังไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงแสนคำได้เสียไปแล้ว และถ้าเธอรู้จักเขาจะถามหาพ่อเลี้ยงไปทำไมกัน หล่อนไม่ใช่คนแถวนี้อย่างแน่นอน
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” เธอแอบกัดฟันตอบเมื่อเห็นสายตาช่างสํารวจของเขาที่มองมายังเรือนร่างของเธอโดยไม่ละสายตา
“แต่คุณเอารถจอดไว้ที่นี่นะ”
“อ่าว! ..ทำไมละคะ?”
“ทางที่ผมจะไป รถคุณไปไม่ได้หรอก และอีกอย่างมันเป็นทางลัด” คนที่รู้ตัวว่ารูปงามราวพระเอกหนัง มั่นใจเต็มที่ว่าจะไม่มีสาวใดปฏิเสธสินน้ำใจจากเขา
“คุณบอกทางฉันมา เดี๋ยวฉันขับรถไปเองก็ได้”
“ผมบอกไปคุณก็ไม่รู้หรอก”
“แล้วจะให้ฉันไปกับคุณยังไง?”
“ก็ขี้ม้าไปกับผมไง”
“ห๊า!….ตลกล่ะ!..ฉันใส่กระโปรงนะ คงไปกับคุณไม่ได้หรอก”
“ผมถามจริง ๆ คุณเคยนั่งมอเตอร์ไซด์มั้ย?” ภูดิศยื่นหน้ามาถามด้วยท่าทางยียวน เพราะถ้าเธอไม่ยอมไปกับเขาก็เท่ากับว่าวันนี้หล่อนมาเสียเที่ยว
“ก็เคยสิ”
“ก็เหมือนกันแหละ ก็นั่งข้าง ๆไปยังไงล่ะ” ว่าแล้วเขาถือวิสาสะอุ้มเธอขึ้นบนหลังม้า
“ว้าย! ..ปล่อยฉันนะ!” ผู้ชายอะไรถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ หญิงสาวนึกถึงสเปรย์พริกไทยขึ้นมาทันที เมื่ออยู่บนม้ากระโปรงที่คับแคบถอยร่นไปถึงโคนขา เธอนั่งในลักษณะนั่งข้าง หวันยิหวารีบหนีบขาตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวเปิดหวอให้เขาเห็น
จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปนั่งกับเธอบนหลังม้า ตอนนี้เธอรู้สึกว่าใกล้ชิดกับชายหนุ่มมาก แผ่นอกกว้างที่ติดอยู่ด้านหลังถ้าจะพิงหลับเสียแต่ตอนนี้คงสบายไม่น้อย หล่อนได้ยินเสียงหายใจของเขาชัดเจน และลมหายใจก็พ่นอยู่บริเวณต้นคอด้านหลังเธอ หญิงสาวใจเต้นโครมคราม ไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้ชายมากขนาดนี้ เขาโอบแขนแกร่งมาประคองเธอไว้ด้านหน้า แล้วกระตุกเชือกม้าทันที แสงสว่างตามทางเริ่มลดลง เรื่อย ๆ หวันยิหวาจึงเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้น เพราะตั้งแต่เดินทางมาด้วยกัน เขายังไม่ปริปากพูดสักคำ
“ไปอีกไกลมั้ยคะ?”
“อีกนิดเดียวเองครับ คุณเมื่อยเหรอ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเพราะเห็นหญิงสาวข้างหน้านั่งเกร็งมาตลอดทาง ‘แน่นไปทุกส่วนสัดจริง ๆ แม่เจ้าโว้ย!!’ ที่ภูดิศไม่พูดอะไรเพราะมัวแต่ชำเลืองมองเนินอกตูมที่ลอยเด่นและโคนขาขาวเนียนของสาวเจ้าอยู่ นี่ถ้าเดินทางด้วยรถ มีหวังต้องขับลงข้างทางไปแล้วแน่ ๆ
“เปล่าค่ะ” ท้องฟ้าที่มืดลงเรื่อย ๆ กับชายแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ คนตัวโตที่โอบอยู่ข้างหลังจะพาเธอไปไหนกันแน่!
“คุณบอกผมว่าจะมาหาพ่อเลี้ยงที่ไร่นี้” ภูดิศเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ ฉันมาหาพ่อเลี้ยงแสนคำ?”
“ตอนนี้พ่อเลี้ยงไม่อยู่ที่ไร่ครับ” พ่อเลี้ยงแสนคำได้ชีวิตไปแล้วนี่เธอไม่รู้เลยเหรอ? จะมาหาคนตายไปแล้วเนี่ยนะ! ภูดิศจะยังไม่ถามเหตุผลของผู้มาเยือนในตอนนี้ รอดูให้แน่ใจก่อนว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ชายหนุ่มใจลอยไปไกล และสติกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงหวานของคนข้างหน้าเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วพ่อเลี้ยงจะกลับวันไหนคะ?”
“ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ พ่อเลี้ยงไม่ได้สั่งไว้”
“แล้วคุณดวงใจล่ะ เขาอยู่มั้ยค่ะ?” เธอคนนี้รู้จักพ่อเลี้ยงและก็รู้จักดวงใจเมียพ่อเลี้ยง จะมีความเกี่ยวข้องกันยังไงหรือเปล่า เขาไม่อยากคิดต่อเพราะเริ่มสับสนจึงถามออกไป
“ถามถึงคุณดวงใจ คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ?”
“คุณดวงใจเป็นแม่ของดิฉันเองค่ะ” มือที่กำเชือกอยู่บีบแน่นขึ้น เขารู้สึกเหมือนอยากแก้แค้นขึ้นมา เพราะตอนนี้ลูกสาวของดวงใจอยู่ในอ้อมกอดเข้าแล้ว ก่อนหน้านี้พ่อเลี้ยงแสนคำได้เขียนพินัยกรรมไว้ ถ้าเมื่อไหร่ที่ภูดิศแต่งงานกับลูกของดวงใจ ไร่และทรัพย์สินทั้งหมดถึงจะตกเป็นของเขา แต่ถ้าไม่มีการแต่งงานให้แบ่งทรัพย์สินทุกอย่างคนละครึ่งกับดวงใจ ภูดิศคิดว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเพราะดวงใจไม่ควรได้ทรัพย์สินแม้แต่นิดเดียว
เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพินัยกรรมได้เปิดออกตามวันและเวลาที่พ่อเลี้ยงแสนคำได้กำหนดไว้หลังจากที่เขาเสียชีวิต ภูดิศก็เริ่มหัวเสียและอาละวาด ดวงใจคิดมากเลยเจ็บป่วย และเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอก็ตัดสินใจโทรบอกให้หวันยิหามาที่นี่ เพราะได้รับปากเอาไว้กับพ่อเลี้ยงแสนคำว่าจะต้องพาลูกสาวมาที่นี่ให้ได้
ดวงใจได้ทำตามคำสัญญาแล้ว จากนี้ต่อไปก็แล้วแต่พรหมลิขิต เธอพร้อมเสมอหากภูดิศไม่ได้รักชอบพอกับหวันยิหวาก็จะพาลูกสาวไปจากที่นี่ทันที
“อ๋อ..ตอนนี้แม่คุณป่วย แต่อาการดีขึ้นแล้ว ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล” หวันยิหวายังไม่รู้เรื่องราวต่าง ๆ ในไร่นี้สักเท่าไหร่ แม่ของเธอบอกเพียงแค่ให้เธอมาดูแลกิจการแทนในส่วนงานที่แม่ของเธอรับผิดชอบก็แค่นั้น แต่เรื่องนี้หวันยิหวายังไม่ได้บอกชายหนุ่มเพราะเธอคิดว่าจะต้องได้เจอพ่อเลี้ยงหรือแม่ของเธอเสียก่อน
“แม่ฉันป่วยเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมแม่ไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย”
“แม่คุณก็คงกลัวคุณจะเป็นห่วงไงครับ แต่คุณไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ แม่คุณไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ท่านพักผ่อนน้อยก็เลยล้มป่วย อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเยี่ยมคุณแม่ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะคะ”
วงแขนที่โอบกระชับตัวเธอไว้ขยับไปมาอยู่บนหลังม้าทําให้หวันยิหวาเผลอหลังมอง ใบหน้าของเขา ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ หล่อ ดูดีมีเสน่ห์ไปทุกสัดส่วน ใบหน้าหล่อเข้ม ดวงตาพราวระยับ รูปร่างสูงใหญ่แต่ดูปราดเปรียว สัดส่วนเรือนกายไร้ไขมันส่วนเกินแบบคนออกกําลังกายสมํ่าเสมอ ไม่ว่าจะมองมุมไหนหรือส่วนใดก็ดูอิ่มตาอิ่มใจไปเสียหมด