สักพักรถก็แล่นมาจอดที่หน้าบริษัท โดยที่รอบบริษัทมีรปภ.ผู้รักษาความปลอดภัยทุกที่และจะเป็นบริษัทใครไม่ได้นอกจากของมามี๊ แต่ตอนนี้กำลังจะตกเป็นของฉัน หลังจากลงจากรถพวกเราก็เดินเข้าไปบริษัทถ้าเป็นประธานบริษัทไม่จำเป็นต้องมีบัตรก็เข้าได้ เพราะเป็นระบบอัตโนมัติสำหรับประธานบริษัทเท่านั้นส่วนคนอื่นต้องมีบัตรพนักงานถึงจะเข้าได้ ส่วนฉันกับฟีเลีย เฮียคงจัดการให้เรียบร้อยแล้วเราถึงเข้ามาได้แบบสบายๆ
“บริษัทใหญ่ดีนะนี่มึงจะได้เป็น CEO ที่นี่จริงๆใช่ไหม” ฟีเลียมันพูดขึ้นพร้อมทำหน้าตื่นเต้น
“นี่กูควรดีใจหรือเสียใจเนี่ย” ฉันพูดพร้อมทำหน้าเซ็งออกมา
“ก็ต้องดีใจสิมึงมีงานทำแล้วนะ”
“เฮ้อออ” ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจ นี่ฉันต้องทำงานจริงๆใช่ไหม
“คุณดอลลี่เชิญที่ห้องประชุมใหญ่ครับ” พลที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยบอกฉันขึ้น นี่เฮียคิดจะไม่พูดกับฉันเลยงั้นหรอ
“อืม” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ
จากนั้นพวกเราก็ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น29 ซึ่งบริษัทมีทั้งหมด30ชั้น ชั้นที่29 จะเป็นห้องประชุมใหญ่หรือประชุมรวมเรื่องสำคัญเท่านั้น ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นห้องทำงานของประธานบริษัทซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ห้องทำงานยังมีห้องนอนห้องน้ำหรือพูดง่ายๆว่ามีครบทุกอย่างที่อำนวยความสะดวก
ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เรากดไว้ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินตรงเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ทันที ภายในห้องมีคนนั่งรออยู่ก่อนหน้านี้ประมาณ 20 กว่าคนได้ ซึ่งคนพวกนี้ก็เป็นพวกผู้บริหารระดับสูงกลางถึงต่ำรวมถึงหุ้นส่วนของบริษัท ก่อนที่ทุกคนภายในห้องจะลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งคำนับประธานบริษัทซึ่งก็คือเฮียดอลล่าร์
เฮียพยักหน้าก่อนที่ทุกคนจะนั่งลงที่เดิม ส่วนเฮียก็เดินไปนั่งหัวโต๊ะซึ่งไว้สำหรับประธานบริษัทเท่านั้น ฟีเลียก็เดินไปนั่งที่ฝั่งซ้ายของเฮีย และฉันนั่งฝั่งขวา ที่ฟีเลียมีสิทธิ์เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ได้เพราะในฐานะตัวแทนหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัท
“วันนี้ผมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ น้องสาวของผมหรือดอลลี่ อคินเฟเยฟ จะมารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ และจะเริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้ทันที ทุกคนมีความคิดเห็นว่ายังไง ผมจะเคารพการตัดสินใจของทุกคน” เฮียบอกกับทุกคน แต่ที่ฉันต้องตกใจคือ ‘เริ่มงานพรุ่งนี้วันแรก’ ทำไมเฮียไม่บอกฉันก่อนล่วงหน้าเลย ฉันมองหน้าเฮียทันทีอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ทุกคนก็หันไปคุยกันและหันมามองฉันเป็นระยะๆ สักพักเสียงก็เงียบลง
“ตกลงว่ายังไงครับ” เฮียถามขึ้นอีกครั้ง
“ผมเห็นด้วยครับ เพราะยังไงสุดท้ายคุณดอลลี่ ก็ต้องมาบริหารต่อท่านประธานอยู่แล้ว ให้ตำแหน่งนี้กับคุณดอลลี่ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้วครับ อีกอย่างคุณดอลลี่ก็จบจากมหาลัยชื่อดังของรัสเซียยังไงก็ต้องเก่งอยู่แล้วครับ” ผู้ชายวัยกลางคนคนนึงพูดขึ้นซึ่งดูจากตำแหน่งที่นั่งน่าจะเป็นผู้บริหารระดับกลาง
“อืม ใช่ๆๆ” ทุกคนหันไปคุยกันอีกครั้งและเริ่มเห็นด้วยกับผู้ชายวัยกลางคนคนนั้น "พูดดี น่าให้รางวัล" แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดความดีใจนั้นไว้ทันทีที่ได้ยินประโยคของใครบางคนดังขึ้น.....
“แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ” ควับ ทุกคนเงียบแล้วหันไปมองหน้าผู้ชายคนนั้นทันที ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“ผมได้ยินมาว่าคุณดอลลี่เพิ่งเรียนจบมายังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงาน ผมว่าตำแหน่ง CEO มันสูงไป น่าจะให้ลองทำในตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปก่อนนะครับจะได้รู้ว่าขั้นตอนการทำงานเป็นยังไง ถ้าทำได้ดีก็ค่อยเลื่อนตำแหน่งก็ได้ยังไม่สายเกินไป ทุกคนคิดว่าใช่ไหมครับ”
“ใช่ๆ”
“ก็มีเหตุผลนะ ”
ทุกคนเริ่มหันไปคุยกันและเริ่มเห็นด้วยกับชายคนนั้นและถ้าให้ดูจากตำแหน่งก็น่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง
ฉันได้แต่กำหมัดแน่นอย่างทำอะไรไม่ได้ ถึงฉันจะไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานแต่ฉันก็มีความสามารถพอที่จะเป็น CEO ได้ย่ะ ’ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปงั้นหรอ‘ ดูถูกกันเกินไปแล้ว
’มันคงไม่ชอบฉันสินะ มาวันเเรกก็ได้คู่แข่งเลยหรอ มันน่าดีใจจริงๆ’ ฉันได้แต่บ่นในใจและนั่งดูสถานการณ์ต่อไป
“เอาละ มีใครเห็นด้วยกับคุณสมศักดิ์ไหม” เฮียดอลล่าร์เอ่ยขึ้น ส่วนคุณสมศักดิ์คือคนที่เห็นด้วยกับฉันสินะ
“ฉันเห็นด้วยค่ะ เพราะยังไงสุดท้ายคุณดอลลี่ก็ต้องมาบริหารบริษัทนี้อยู่ดี อีกอย่างถึงแม้คุณดอลลี่จะไม่เคยทำงานมาก่อนแต่ว่าเธอก็พอมีประสบการณ์เคยฝึกงานที่บริษัทของฉันที่รัสเซียอยู่บ้าง” ฟีเลียมึงนี่พูดได้ใจกูจริงๆเพื่อนรัก และแน่นอนว่าที่ฟีเลียพูดมันคือเรื่องจริงถึงแม้ว่าตอนฝึกงานฉันจะไม่ได้ตั้งใจก็ช่างเถอะแต่อย่างน้อยฉันก็เคยฝึกจริงๆ
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ การบริหารและการทำงานแต่ละที่ไม่เหมือนกันและการที่จะขึ้นมาเป็นCEOหรือผู้บริหารระดับสูงไม่ใช่ว่าใครๆเขาก็ทำได้” ผู้ชายที่ไม่เห็นด้วยกับฉันพูดขึ้นด้วยความมั่นใจและไม่ยอมพร้อมอธิบายเหตุผลออกมาอย่างน่าเชื่อถือ
“มีใครเห็นด้วยอีกไหม” เฮียถามขึ้นอีกครั้ง
“ผมครับ”
“ฉัน เห็นด้วยค่ะ”
มีผู้หญิงและผู้ชายแค่สองคนที่เห็นด้วยกับคุณสมศักดิ์และอีกอย่างพวกเขาน่าจะเป็นแค่ผู้บริหารระดับต่ำสุดในห้องประชุมนี้อีกด้วย
“แล้วมีใครเห็นด้วยกับคุณสมชาย” เฮียเอ่ยต่อ
’สมชาย คือคนที่แย้งฉันสินะ ชื่อก็เชย ชิ๊!!‘ ฉันได้แต่บ่นอุบอิบในใจ ก่อนจะเผลอแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างลืมตัวแต่โชคดีที่ไม่ทันมีใครสังเกตุแล้วฉันก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดิฉันเห็นด้วยค่ะ”
“ผมก็เห็นด้วยกับคุณสมชายครับ”
“ผมก็เห็นด้วย”
“ฉันด้วยค่ะ”
ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ คงมีแต่คนของมันสินะ แถมแต่ละคนยังเป็นผู้บริหารระดับกลางถึงสูงเกือบทุกคน
“งั้นก็ตกลงตามนี้ ถ้าใครมีปัญหามาคุยกับผมที่ห้องทำงานได้”
“เฮีย แต่...” ฉันกำลังจะพูดแต่โดนเฮียพูดเเทรกซะก่อน
“ผมจะให้คุณดอลลี่ไปทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป และภายในเวลา3 เดือน ถ้าคุณดอลลี่ทำผลงานได้ดี ผมจะให้เลื่อนตำแหน่งเป็นCEO ทันที ตกลงตามนี้นะครับ” เฮียพูดจบแล้วหันไปมองหน้าคนที่ชื่อสมชาย ส่วนคนที่ชื่อสมชายก็มองเฮียกลับ มันคงขัดเฮียไม่ได้สินะถึงไม่พูดอะไรออกมา ก็แหง่ล่ะเพราะเฮียเป็นถึงประธานใหญ่ แต่ก็ยังดีที่ให้แค่3 เดือน รอดูว่าใครจะแน่กว่ากัน หึ!! ฉันหันไปมองหน้ามัน ก่อนที่เฮียจะสั่งเลิกประชุม
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เลิกประชุมได้” จบประโยคทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมโค้งคำนับเฮียแล้วก็พากันเก็บของเดินออกจากห้องไปทันที ตอนนี้เหลือแค่เฮีย ฉันและฟีเลียที่อยู่ในห้อง
“เฮีย ทำไมไม่ให้ดอลลี่มันเป็นCEO เลยล่ะคะ เพราะยังไงสุดท้ายมันก็ได้เป็นอยู่ดี” ฟีเลียเอ่ยขึ้นทันทีที่ทุกคนออกไปจนหมดพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แน่นอนว่ามันต้องโมโหแทนฉันอยู่แล้วฉันเลยไม่พูดอะไร
“……” เฮียก็นั่งเงียบไม่ตอบอะไร ฉันก็พอเข้าใจในสิ่งที่เฮียทำ เพราะเฮียทำตามหน้าที่และเคารพการตัดสินใจของคนอื่น ไหงอยู่ๆฉันถึงเป็นคนดีขึ้นมาได้เนี่ย
“ช่างเถอะ แค่3 เดือนเองกูไม่ตายหรอก!” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดประชด พร้อมหันไปมองหน้าเฮีย
“ไปกันเถอะ” ก่อนที่ฉันพูดแล้วเดินออกจากห้องไปเลย ฟีเลียก็เดินตามออกมาติดๆ
“เออ คุณดอลลี่ครับ” หลังจากฉันออกมาจากห้องประชุมอยู่ๆก็มีเสียงใครบางคนเรียกฉันขึ้น ฉันก็หันไปมองตามเสียงที่แท้ก็เป็นคุณสมศักดิ์นี่เอง ยืนอยู่กับผู้ชายและผู้หญิงสองคนที่เห็นด้วยกับฉันตอนที่โหวตในห้องประชุม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันก็ถามออกไปด้วยความสงสัย
“เออออ คือว่าผมต้องขอโทษแทนพี่ชายผมด้วยนะครับที่ทำให้คุณดอลลี่ไม่ได้รับตำแหน่ง CEO” ที่แท้ก็เป็นพี่ชายคุณสมศักดิ์นี่เองถึงว่าตอนในห้องประชุมไม่เห็นคุณสมศักดิ์ตอบกลับหรือแย้งเขาเลยสักนิด
“คุณหมายถึงคุณสมชายนั่นหรอคะ” ฟีเลียมันถามกลับไป
“ใช่ครับ เขาเป็นพี่ชายผมเอง ผมต้องขอโทษแทนพี่ชายผมด้วยจริงๆนะครับ” คุณสมศักดิ์พูดพร้อมก้มหัวขอโทษฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้สนใจ ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบฉันก็เดินออกมาทันที
ฉันกับฟีเลียเดินออกมายืนรออยู่ที่รถ สักพักพลก็เดินออกมาแต่ไม่เห็นเฮีย ฉันจึงเอ่ยถามพลขึ้น
“แล้วเฮียละ”
“นายบอกว่าให้ผมไปส่งคุณดอลลี่กับคุณฟีเลียก่อนเพราะว่านายจะอยู่เคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับครับ” พลเอ่ยตอบ
“อืม” ฉันพยักหน้าเข้าใจจากนั้นฉันกับฟีเลียก็ขึ้นรถกลับบ้านทันที
ระหว่างทาง
“ดอลลี่มึงว่าคุณสมศักดิ์จะเป็นพวกเดียวกันกับไอ้คุณสมชายไหมว่ะ”ฟีเลียมันถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ว่ะ รอดูไปก่อน” ฉันก็ตอบกลับไปสั้นๆ
“ไปส่งฉันที่คอนโดเลยละกัน จากนั้นค่อยให้คนขนของฉันกับฟีเลียตามมาทีหลัง” ฉันเอ่ยบอกพล ที่ฉันจะไปคอนโดเลยเพราะช่วงนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าเฮียเท่าไหร่
สักพักรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าคอนโดหรูใหญ่กลางเมือง ฉันกับฟีเลียก็ลงจากรถและเดินเข้าไปขอคีการ์ดกับพนักงานแล้วขึ้นห้องทันที ฉันกับฟีเลียจะอยู่คนละห้องเพราะความเป็นส่วนตัว อยู่ชั้นเดียวกันห้องตรงข้ามกันแล้วเราก็แยกกันเข้าห้องใครห้องมัน
หลังจากที่เข้ามาในห้องฉันก็รู้สึกถูกใจอยู่ไม่น้อยกับขนาดของห้องที่ดูกว้างพอสมควรมีห้องนอนห้องน้ำในตัว ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำด้านนอก ห้องเดียวมีครบทุกอย่างแบบนี้สิที่ดอลลี่ชอบ ฉันก็เดินสำรวจรอบๆห้องไม่นานก็มีคนเอากระเป๋าขึ้นมาส่ง พอฉันจัดของเข้าที่เสร็จฉันก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาก่อนจะเดินไปชวนฟีเลียไปกินข้าวที่ห้าง
@ร้านอาหาร
“มึงนั่นมันเฮียคิเรย์หรือเปล่าวะ”
ในขณะที่พวกฟีเลียเรากำลังกินอาหารกันอยู่อิฟีเลียมันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปทางด้านหลังฉัน ฉันก็หันมองตามมันและแน่นอนว่ามันก็คือไอ้คิเรย์จริงๆมันมาพร้อมกับผู้หญิงคนนึงก็ดูสวยอยู่พอสมควร ‘ก็ดีมันจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน’ แล้วฉันก็ทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับหันมากินอาหารตรงหน้าต่อ
“มากับใครวะ” อิฟีเลียมันยังคงชะเง้อมองด้วยความอยากรู้
“นี่มึงจะไปเสือกเรื่องของคนอื่นเขาทำไม”
“เอ้าก็กูอยากรู้หนิ หรือมึงไม่อยาก” มันถามฉันกลับ
“ทำไมกูต้องอยากรู้ด้วย มันจะมากับใครก็เรื่องของมันสิไม่เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อย” ฉันตอบมันกลับไป พร้อมแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วทำไมมึงต้องทำหน้าหงุดหงิดด้วย” มันถามขึ้นพร้อมจ้องจับผิด
“เปล่าสักหน่อย! แค่อาหารไม่ถูกปาก” ฉันพูดแก้ตัวขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัวจนคนในร้านหันมามอง ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่จะว่าไปทำไมฉันต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วย
“เชี้ย! มึงเบาๆหน่อยคนในร้านหันมามองกันหมดแล้ว” มันพูดบอกฉันเสียงเบา
“ช่างแม่งสิ มองทำไมไม่เคยเห็นคนหรือไง!” ฉันหันไปตะโกนขึ้นเสียงดังจนคนในร้านหลบหน้าฉัน และหันไปซุบซิบกัน แม้แต่พนักงานก็ยังไม่กล้าเดินเข้ามาห้า มฉันและก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ฉันเผลอไปมองไอ้คิเรย์ซึ่งมันก็มองหน้าฉันเหมือนกัน ก่อนที่ฟีเลียมันจะเรียกฉันขึ้น
“เห้ยย มึงใจเย็นๆก่อน” ฉันไม่ตอบอะไร ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“เอ้ามึงรอกูด้วย” ฟีเลียมันได้แต่เรียกตามหลังฉัน
“เออ ขอโทษด้วยนะคะ” ฟีเลียหันไปก้มหัวขอโทษทุกคนแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะวิ่งตามหลังดอลลี่ไป
“เป็นไรของมันเนี่ย เมนส์มาหรือยังไง” ฟีเลียได้แต่บ่นพึมพำออกมาพร้อมกับวิ่งตามหลังดอลลี่
“มึงรอกูด้วย”
ฉันเดินออกมาข้างนอกก่อนจะเรียกแท็กซี่เเล้วขึ้นรถทันทีฟีเลียมันก็รีบวิ่งตามขึ้นมาแล้วรถก็ขับออกไป สักพักรถก็มาจอดอยู่หน้าคอนโดของฉัน ฉันก็เดินเข้าห้องทันทีอีฟีเลียมันก็ตามเข้ามาติดๆ
“เดี๋ยวมึงหงุดหงิดอะไรวะ” ฉันเดินมานั่งที่โซฟามันก็เดินตามมานั่งตรงข้ามกับฉัน พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่า” ฉันตอบมันกลับไปแค่นั้น ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเป็นอะไร
“อย่าบอกนะว่ามึง...”
“อะไร!”
“มึง...หึงเฮียเรย์”
ควับ พอจบประโยคของฟีเลียฉันก็หันไปมองหน้ามันทันที
“มองหน้ากูแบบนี้หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่ามึงหึงเฮียเรย์จริงๆอะ”
“มะ มึงจะบ้าหรอ กูจะไปหึงมันทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดขัดเล็กน้อยพร้อมหันหน้าไปอีกทาง
“ไม่ได้หึงแล้วมึงหลบตากูทำไม”
“ใครหลบตามึง” ฉันหันหน้ามามองตากับมัน
“มึงแน่ใจนะว่าไม่หึง”
“กูจะหึงมันทำไม ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แล้ววววว เรื่องคืนนั้นละ” มันพูดพร้อมแสดงสีหน้ามีเลสนัย
“อะไร เรื่องอะไรของมึงอีก”
“มึงแน่ใจนะ ว่าจำไม่ได้จริงๆ” มันพูดพร้อมทำหน้ากวนๆ
“เออ! มึงออกไปเลยนะกูจะนอน” ฉันพูดพร้อมเอามือไล่มันไป
“มึงแน่…” มันกำลังจะพูด ฉันจึงเอาปืนมาวางไว้บนโต๊ะทันที ปึก! และแน่นอนว่าฉันแค่เอามาแกล้งขู่มันเล่นเฉยๆ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ
“มึงเอาปืนออกมาทำไม กูแค่จะบอกว่า มึงพักผ่อนเยอะๆนะ กูไม่กวนแล้ว” มันเอ่ยยิ้มพร้อมค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
“ว่าแต่แน่ใจนะว่าไม่หึง” ก่อนที่มันจะตะโกนเข้ามาอีกครั้งแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป
“แน่ใจ!” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นฉันก็นั่งคิดเรื่องที่ร้านอาหารวันนี้ "นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำไมฉันต้องหงิดหงุดด้วย หรือว่าฉันจะหึงมันจริงๆ จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีทางอะ ฉันไม่ได้ชอบมันสักหน่อย หรือว่าฉันจะเป็นเมนส์อย่างที่อิฟีเลียมันบอก แต่ประจำเดือนฉันก็เพิ่งหมดไปไม่กี่วันก่อนเองนะ" ฉันนั่งคิดสักพัก อีฟีเลียมันก็เดินเข้ามาในห้องฉันอีกครั้ง
“ก็กูบอกว่า ไม่ได้หึงไง!” ฉันบอกมันออกไปทันทีที่มันเข้ามา
“อะไรของมึง กูแค่จะมาบอกว่า เฮียโทรหามึงไม่ติดเลยให้กูมาบอกมึงว่าคืนนี้ไปผับกัน เฮียจะเลี้ยงที่มึงมีงานทำ”
“เอ้อสงสัยแบตกูหมด ว่าแต่เฮียหายโกรธกูแล้วหรอวะ” ฉันถามมันกลับไป
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ”
“งั้นกูไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆรอว่าที่สามีกูมารับก่อนนะคะ” แล้วมันก็เดินบิดก้นออกไปอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อออ~” ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวรอเฮียมารับ