บทที่ 14 เข้าอำเภอหาเงิน

1598 คำ
หลี่อิงอิงเข้ามาในอำเภอ เธอก็เดินหาตลาดมืดตามที่เสี่ยวหลินบอกเมื่อหาเจอก็เดินเข้าไปโดยที่บอกรหัสผ่านตรงหน้าทางเข้า พอเข้ามาแล้ว เธอมองว่าที่นี่ไม่ต่างจากตลาดนัดรถไฟที่เธอเคยไปเดิน ที่นี่มีของขายแทบจะทุกอย่าง แต่สิ่งที่ไม่มีคืออาหาร เธอยืนมองสักพัก เห็นชาวบ้านมากมายมาจับจ่ายซื้อของที่ต้องการกัน ที่นี่มีทั้งยืนขาย และมีร้านที่เปิดเป็นร้านที่จัดสรรเป็นห้องๆ แม้แต่ปูผ้าขายตามทางเดินก็มี จนเธอเจอเป้าหมายจึงได้เดินเข้าไปถามเหมือนคนขายคนอื่นๆที่ไม่มีหน้าร้าน “พี่สาวมีอะไรให้ฉันช่วยไหม” “เธอมีอะไรขายบ้างล่ะ” “ฉันมีอาหารทุกอย่างค่ะ พี่สาวรอตรงนี้สักครู่นะคะ ฉันจะไปหยิบของมาให้ดู” หลี่อิงอิงเดินเข้าทางซอกตึก เธอหยิบเนื้อหมู เนื้อไก่ ข้าวสาร และแป้งต่างๆ ออกมาใส่ในตะกร้า และยังมีลังกระดาษที่เธอเอาออกมาจากมิติที่เธอใส่ของมามากมาย เธอมีหยิบบะหมี่เป็ดย่างออกมาด้วย เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครซื้อ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วเธอจึงเดินออกมาอย่างทุลักทุเล ก่อนด่าตัวเองในใจว่าลืมไปหรือเปล่าตัวเธอนั้นเล็กนิดเดียวหลังไม่หักก็บุญแค่ไหนแล้ว “มาแล้วค่ะพี่สาว ลองเลือกดูนะคะว่ามีสิ่งที่พี่ต้องการบ้างไหม” หลี่อิงอิงวางตะกร้าและลังกระดาษลง เธอไม่สนใจว่าจะต้องหาผ้าหรืออะไรมารอง หญิงสาวคนแรกตาลุกวาวเมื่อเห็นของที่เด็กสาวคนนี้เอามา เธอรีบหยิบในสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมดยื่นให้กับหลี่อิงอิง เมื่อลูกค้าเลือกของได้แล้วเธอก็เอาเนื้อหมูมาห่อกระดาษให้ ดีที่เธอสั่งกระดาษมาเยอะ ลูกค้าคนแรกยังไม่ทันได้จ่ายเงินชาวบ้านคนอื่นๆก็เดินมาดูจากนั้นกลายเป็นคนมารุมล้อมเธอเพื่อที่จะซื้อของ ไม่นานของในตะกร้าและในลังก็หมดลง มีบางคนที่ซื้อไม่ได้ก็มี แต่หลี่อิงอิงไม่คิดที่จะไปเอาเพิ่ม เพราะไม่อยากให้ใครสงสัย “หมดแล้วเหรอหนู เสียดายจัง ป้ายืนดูอยู่สินค้าของหนูมีแต่ของดีๆทั้งนั้น” ป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม วันนี้วันหยุดของเธอจึงหวังจะมาหาอาหารให้กับครอบครัวกิน “อย่างอื่นหมดแล้วค่ะ ตอนนี้มีแค่บะหมี่เป็ดย่างอยู่ยี่สิบ กล่อง เดี๋ยวหนูลองให้ป้าชิมดูนะคะ” หลี่อิงอิงไม่ใช่คนหวงของ ในเมื่ออยากขายก็ต้องกล้าให้ชิม ดีที่เธอเปลี่ยนมาใส่กล่องกระดาษ หากเป็นกล่องพลาสติกตามที่ร้านให้มาเธอขี้เกียจตอบคำถาม เพราะยุคนี้กล่องพลาสติกแทบจะไม่มี “แต่ว่ามันน่าเสียดายนะ ให้ป้าชิมฟรีๆได้ยังไง” “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าลองชิมดูหากว่าไม่อร่อยก็ไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าอร่อยป้าต้องซื้อนะคะ” หลี่อิงอิงจึงคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนจะยื่นให้ป้าคนนี้ชิม คำแรกที่ได้กินไปทำให้เธอตาลุกวาว “อร่อย อร่อยมากเลย หนูขายกล่องเท่าไหร่” เธอคิดว่าต้องแพงแน่ๆ ถึงแพงเธอก็จะซื้อไปให้ครอบครัวกิน ทุกคนต้องชอบแน่ๆ “กล่องละหนึ่งหยวนค่ะ” “อืม ไม่แพงเลย บะหมี่นี่อร่อยมาก เนื้อเป็ดก็นุ่มไม่เหนียวเลย ป้าเหมาหมด คิดกล่องนี้มาด้วยนะไม่เป็นไร” “ทั้งหมดยี่สิบหยวนค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะคุณป้า” หลี่อิงอิงยิ้มรับ ตอนนี้เธอแทบจะกระโดดตัวลอย เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าวันนี้ “หนูจ๊ะ ป้าได้ยินว่าหนูสามารถหาของได้ จริงไหม” “ป้าต้องการอะไรคะ” หลี่อิงอิงไม่ตอบแต่เธอเลือกที่จะถามกลับ “หนูไม่ต้องระแวงป้าขนาดนั้น ป้าจะหาซื้อจักรยานให้ลูก แต่ยังหาไม่ได้ ตอนนี้หากไม่มีคูปองจะหาซื้อยากมาก หนูพอหาได้ไหม ป้าแซ่ฉิงชื่อเหมย ป้าทำงานอยู่ที่โรงงานเย็บผ้าของรัฐ” เธอกลัวว่าแม่ค้าคนนี้จะระแวงจึงได้บอกชื่อแซ่ของตัวเองไป “พอหาได้ค่ะ แต่ต้องอีกสามวันนะคะ หนูต้องไปบอกเขาก่อน” หลี่อิงอิงไม่อยากบอกว่าตอนนี้ก็มี แต่เธอห่วงความปลอดภัยของตัวเองเพราะเธอเพิ่งจะมาตลาดมืดครั้งแรก “จริงนะ ขอบใจมากนะหนูอีกสามวันป้าจะมาหาหนูที่นี่นะ หนูจะเก็บเงินไปก่อนไหม” ฉิงเหมยหยิบเงินยื่นให้หลี่อิงอิง แต่เธอไม่รับ “อีกสามวันป้าค่อยมาจ่ายดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูเอาเงินจ่ายไปก่อน” หลี่อิงอิงยิ้มตอบ เธอมองว่าป้าฉิงเหมยคนนี้น่าสนใจดี ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยม อาจจะทำธุรกิจกับเธอได้ แต่รอรอบหน้าดีกว่า “ได้จ๊ะ วันนี้ป้าไปก่อน ขอบใจนะหนู” “หนูชื่ออิงอิงค่ะ อีกสามวันเจอกันนะคะป้าฉิงเหมย” เมื่อปิดการขายคนสุดท้ายได้ หลี่อิงอิงจึงเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนหลบเข้าซอกตึกเหมือนเดิม เธอเอาลังกระดาษเข้าไปเก็บในมิติ จากนั้นจึงเดินออกมาจากตลาดมืด ก่อนจะออกมาเธอเหลือบเห็นร้านขายหนังสือเลยเดินเข้าไปดู เธอได้ยินมีคนถามหานิยายมากมาย หลี่อิงอิงจึงคิดวิธีหาเงินได้ขึ้นมาแบบเฉียบพลัน “จริงด้วย ในคฤหาสน์มีนิยายจีนมากมายที่เธอชอบซื้อเก็บไว้ เธอต้องกลับไปเลือกดูแล้ว นิยายจีนโบราณนั้นมามากเลยล่ะ ลองเข้าไปถามดูดีกว่า” หลี่อิงอิงไม่รอช้าเดินเข้าไปหาคุณลุงเจ้าของร้าน “คุณลุงพอจะมีนิยายขายบ้างไหม” “ช่วงนี้ไม่มีเลย คนเขียนเหมือนจะย้ายไปอยู่อีกมณฑลหนึ่ง ตอนนี้ลุงเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ลุงเชียงเจ้าของร้านส่ายศีรษะทำหน้าเศร้าหมอง เพราะการขายนิยายนั้นเป็นรายได้สูงสุดของร้านเลยเชียวล่ะ “ถ้าฉันมีมานำเสนอให้ล่ะคะ คุณลุงสนใจไหม แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณลุงขายยังไง แบบรายตอนหรือว่าเล่มเดียวจบ” “ขายได้ทั้งสองอย่าง แต่ว่าเล่มเดียวจบนั้นจะขายง่ายกว่า เพราะแบบรายตอนที่ต้องติดตามลูกค้ากลัวว่าคนเขียนจะไม่เขียนต่อ” “ถ้าอย่างนั้น อีกสามวันฉันจะเอามาให้คุณลุงดูนะคะว่าพอจะขายได้ไหม” “ได้สิ ลุงชื่อเชียง แล้วเราล่ะ” “ฉันชื่ออิงอิง อีกสามวันฉันจะเอามาให้ดูนะคะ คุณลุงมีพู่กันกับหมึกขายไหม ฉันขออย่างละสี่ชุด ปากกาด้วยนะคะ” หลี่อิงอิงยิ้มร่าเมื่อคิดวิธีหาเงินให้ตัวเองและคนอื่นๆได้แล้ว เธอจำไม่ได้ว่าในมิตินั้นมีหรือเปล่า เพราะของที่ซื้อมานั้นมันมากมายเหลือเกิน นอกจากปัจจัยทั้งสี่ที่ซื้อมายังมีของทั่วไปอีกมากมาย วันนี้เธอยังเห็นคนเดินถามหาของกันมากมายครั้งหน้าต้องไปเลือกดูของที่มีราคามาขายบ้างแล้ว จะได้มีทุนรอนเรียนต่อ “มี รอเดี๋ยวนะลุงจะไปเอามาให้” ไม่นานลุงเชียงก็ออกมาก่อนจะยื่นของให้พร้อมกับบอกยอดเงิน “ทั้งหมดยี่สิบหยวน ลุงเอาแต่ของดีมาให้นะ ใช้ทนที่สุด” “ขอบคุณมากนะคะ ฉันไปก่อนนะ” หลี่อิงอิงยื่นเงินให้ จากนั้นจึงขอตัวกลับ ก่อนจะเดินมาขึ้นเกวียนหลี่อิงอิงหลบมุมที่ไม่มีคน เอาเนื้อหมู ไก่ ข้าวสาร แป้ง และเครื่องปรุงต่างๆออกมาเตรียมไว้ จากนั้นก็เอาบะหมี่เป็ดออกมายี่สิบกล่อง ซาลาเปาไส้หมูสับอีกยี่สิบลูก ยังมีเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวอีกสองถึงสามชุดมาด้วย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันสำหรับทุกคน เมื่อตรวจดูว่าไม่ขาดอะไรแล้วก็เดินอย่างสบายใจมาขึ้นเกวียนเพื่อจะกลับเข้าหมู่บ้าน วันนี้หลี่อิงอิงคิดว่าขายของน่าจะได้เยอะอยู่ ค่อยเข้าไปนับในมิติวันหลัง ตอนนี้บ้านยังไม่เสร็จจึงไม่สะดวกที่จะเข้ามิติ ตลอดทางที่นั่งมา มีชาวบ้านคอยมองอยู่ตลอดเวลา แต่หลี่อิงอิงไม่คิดที่จะสนใจ เธอสนใจเพียงแค่ครอบครัวลุงใหญ่และครอบครัวของสหายเท่านั้น เธอใช้เวลานั่งเกวียนกลับมาถึงหมู่บ้านเกือบสี่สิบนาที หลี่อิงอิงคิดว่าถ้าเป็นรถจักรยานคงเร็วกว่านี้ ทำให้เธอนึกถึงรถจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในมิติ หากเอามาใช้ได้ก็คงดี ครั้งหน้าเธอคิดว่าควรเอาจักรยานมาใช้ได้แล้ว จะได้สะดวกในการเอานิยายมาส่งลุงเชียงที่ร้านหนังสือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม