ทันทีที่จ่ายค่าเกวียน หลี่อิงอิงจึงสะพายตะกร้ากลับมาที่บ้านคัง มาถึงก็เจอหัวหน้าหมู่บ้านหย่งหัวและลูกชายหย่งฮ่าวมายืนรออยู่
“อิงอิงมานี่ มาพี่ช่วยยก หนักไหม” หลี่ฮุ่ยหมินเห็นน้องสาวเดินกลับมาจึงรีบเดินเข้าไปหา ก่อนจะกระซิบบอกน้องสาวให้ได้ยินกันสองคน
“ตอนเราไม่อยู่พี่ได้ข่าวว่าหัวหน้าหมู่บ้านโดนปลด แต่ไม่รู้ทำไมทั้งสองคนบอกว่าจะมาหาน้อง อิงอิงระวังด้วยนะ” พูดจบหลี่ฮุ่ยหมินก็ยกตะกร้ามาถือไว้ก่อนจะเดินตามน้องสาวเข้ามาในลานบ้าน
“กลับมาแล้วเหรออิงอิง”
หย่งหัวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง เมื่อเช้าเขาได้รับคำสั่งปลดแบบฟ้าผ่า ใครจะคิดว่ามีเรื่องกับอดีตคู่หมั้นลูกชายเพียงแค่วันเดียวจะทำให้เขาต้องหลุดจากตำแหน่งที่เขาถือครองมาหลายสิบปี
“ใช่ค่ะ ลุงหย่งหัวมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” หลี่อิงอิงถามกลับโดยไม่มองหน้าอดีตคู่หมั้นของตัวเอง
“คือลุงจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวาน ลุงไม่คิดว่าบ้านรองหลี่จะเอาเปรียบเราขนาดนั้น หากลุงรู้ลุงไม่ช่วยเด็ดขาด อีกอย่างลุงพาหย่งฮ่าวมาหาเราด้วย พี่เขาอยากจะมาขอโทษและขอโอกาสจากเรา”
หย่งหัวพูดถึงความต้องการทั้งหมดออกมา หลี่อิงอิงเมื่อได้ยินก็ยิ้มมุมปาก เหอะคิดจะมาขอโทษตอนนี้เนี่ยนะ แก่กะโหลกกะลาจริงๆ คิดจะจับลูกชายล้างน้ำใส่ตะกร้าให้เธอเหรอ ฝันไปเถอะ
“เรื่องเมื่อวานช่างมันเถอะค่ะ ยังไงลุงหย่งหัวก็ได้ชดใช้มาให้ฉันแล้ว ส่วนเรื่องลูกชายของลุงฉันไม่มีความคิดเห็นใดๆ”
“แต่ว่าหย่งฮ่าวอยากจะขอโทษและขอโอกาสจากหนูอีกครั้ง” หย่งหัวพยายามอธิบายให้กับลูกชายตัวดีของเขา
“จริงด้วยอิงอิง พี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม ต่อไปพี่จะไม่หน้ามืดตามัวหลงกลหญิงสาวคนไหนอีก”
หย่งฮ่าวรีบพูด ก่อนจะเดินเข้ามาหาหลี่อิงอิง เขารู้แล้วว่าหลี่เหยานั้นโกหกมาตลอด ตอนนี้พ่อแม่ของหลี่เหยาเองก็ถูกจับไปที่อำเภอ ไม่รู้ว่าจะโดนตัดสินยังไงบ้าง เขาคิดว่าเขาควรจะกลับมาหาอดีตคู่หมั้น ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขามาก เขาจะทำให้เธอกลับมารักเขาให้ได้
“หยุดนะคุณหย่งฮ่าว ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ฉันถีบคุณจริงๆ ด้วย ขอบคุณที่คิดจะกลับมา แต่ว่าฉันไม่ต้องการ คุณควรกลับไปหาหลี่เหยาคนรักของคุณ ก่อนหน้านี้คุณทั้งสองคนรักกันหวานชื่นไม่ใช่เหรอ”
“อิงอิงพี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่นะ พี่สัญญาจะไม่ยุ่งกับหลี่เหยาอีก”
“หยุดพูด! ฉันขยะแขยง คุณจะยุ่งไม่ยุ่งนั้นมันเรื่องของคุณ แต่ฉันไม่นิยมของมือสอง ถ้าหากว่าของชิ้นนั้นไม่มีค่าหรือว่าน่าสนใจพอ อีกอย่างของที่ฉันทิ้งไปแล้ว ฉันไม่นิยมเอากลับมาใช้ พอดีฉันผิวแพ้ง่าย กลัวคัน!”
“หมายความว่ายังไงอิงอิง” หย่งฮ่าวโกรธหน้าดำหน้าแดงถามเสียงดัง
“ก็หมายความว่าคุณไม่มีค่าพอที่ฉันจะหยิบขึ้นมาใช้นะสิ คุณอย่าคิดว่าถึงแม้คุณจะจับตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำจนสะอาด แล้วฉันจะกลับมานั้นคุณคิดผิด แล้วก็อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีอะไรกับหลี่เหยา คุณสองคนมีความสัมพันธ์กันก่อนจะถอนหมั้นกับฉันอีก
และอย่าเถียงหรืออย่าพูดว่ามันไม่จริง หรือต้องการจะให้ฉันบอกว่าคุณสองคนส่งเสียงครวญครางแบบไหน และชอบมีความสัมพันธ์กันเวลาใด ฉันบอกได้หมดนะ”
แม้ว่าหลี่อิงอิงคนเก่าจะรักหย่งฮ่าวมากแต่ไม่ใช่กับหลี่อิงอิงคนนี้ คนที่เกลียดผู้ชายที่ชอบหักหลังคนรักมากที่สุดเช่นเธอ
“มันจะมากไปแล้วนะอิงอิง เป็นผู้หญิงประสาอะไรพูดเรื่องนี้แบบไม่อายปาก”
“แล้วยังไง ฉันพูดเรื่องจริง คุณควรกลับไปได้แล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเหตุผลที่คุณและลุงหย่งหัวมาที่นี่ทำไม แต่ฉันบอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณกลับไปเถอะ อย่าให้ฉันร้ายไปกว่านี้เลย คนอย่างหลี่อิงอิงสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสบายใจไม่ต้องมีใครเข้ามาวุ่นวาย ต่อให้ต้องทำลายคนๆ นั้นฉันก็จะทำ!”
ระหว่างพูดเธอก็จ้องหน้าสองพ่อลูกบ้านหย่งไม่หลบ หย่งหัวและหย่งฮ่าวนั้นแค้นใจมากที่โดนหักหน้าและดูถูกแบบนี้ เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้เดินจากไปด้วยความโกรธ
เพี้ยะ! “เรานี่นะเป็นสาวเป็นแซ่ พูดแบบนี้ได้ยังไง”
กุ้ยฮวาตีแขนหลานสาวไปหนึ่งที เด็กอะไรก๋ากั่นซะไม่มี เธอฟังเองยังอายเลย แล้วหลานสาวคนนี้กลับพูดได้หน้าตาเฉย
“ก็มันจริงนี่คะป้าสะใภ้ ตอนนั้นหนูอยู่ในครัวกำลังทำอาหาร ใครจะคิดล่ะคะว่ามีคนไม่อายผีสาง เล่นกิจกรรมกลางห้องโถงแบบนั้น หนูแทบจะเอาน้ำร้อนล้างตา ถ้าไม่คิดว่าตัวเองจะตาบอดคงทำไปแล้ว” เธอบอกจากความทรงจำที่ร่างเดิมมี
“มันน่าอายมาก อารองสอนลูกสาวยังไง ถึงได้ทำตัวแบบนี้” หลี่ฮุ่ยหมินพูดอย่างไม่พอใจ แถมยังทำเรื่องไม่ดีให้น้องน้อยเขาเห็นอีก
“เอาละ ลุงว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ แต่อิงอิงต้องระวังตัวหน่อยนะไปไหนมาไหนอย่าไปคนเดียว ดูท่าทางสองพ่อลูกนั่นจะไม่พอใจมาก ไม่รู้ว่ามีแผนร้ายยังไง ถึงแม้ว่าเขาจะโดนปลดแล้วก็เถอะ เราไม่ควรที่จะวางใจ” หลี่คงพูดเตือนหลานสาว
“รับทราบค่ะลุงใหญ่ จริงสิทุกคนเราเข้าบ้านกันเถอะ หนูมีเรื่องจะบอกด้วย”
หลี่อิงอิงไม่อยากให้ทุกคนคิดมาก เธอไม่กลัวหรอก ในมิติมีทั้งเครื่องช็อตไฟฟ้า สเปรย์พริกไทย ไม้เบสบอล แม้แต่ปืนเธอก็มี เมื่อทุกคนเข้ามาในบ้านหลี่อิงอิงจึงได้เอาของออกมาจากตะกร้าทำให้ทุกคนที่เห็นว่ามีอะไรบ้างนั่งตาค้าง ไม่คิดว่าหลี่อิงอิงจะซื้อของมามากมายขนาดนี้
“อิงอิงลูก ซื้อมาทำไมเยอะแยะ” เซี่ยเหมยถามอย่างตกใจ เธอนั้นไม่อยากให้สหายของลูกสาวต้องมาเสียเงินมากมายเพราะต้องซื้ออาหารและเนื้อมาให้ทุกคนกิน
“หนูเอามาเลี้ยงฉลองค่ะ วันนี้หนูได้งานมาด้วยคะป้า พี่ใหญ่ พี่รอง เสี่ยวหลิน เรามาทำงานหาเงินกันดีกว่า จะได้ไปสอบเลื่อนระดับชั้นได้”
“หมายความว่ายังไงอิงอิง” หลี่ฮุ่ยหมินถามขึ้นอย่างดีใจ เขาเป็นคนรักเรียนไม่ต่างกับน้องชายแต่ไม่มีโอกาสที่จะเรียนต่อเพราะปู่กับย่าไม่ยินยอม
“วันนี้ฉันเข้าไปร้านหนังสือที่อยู่ตรงทางเข้าตลาดมืดมา ฉันมองดูอยู่ตั้งนาน คนมักจะมาหานิยายกันมากมาย เลยคิดวิธีหาเงินได้ ฉันจะเขียนนิยายแล้วให้พี่ทั้งสองคนรวมถึงเสี่ยวหลินด้วยช่วยกันคัดลอก แล้วเรามาแบ่งเงินกัน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แถมยังหาเงินเข้ากระเป๋าได้ด้วย ฉันเคยอ่านนิยายสมัยก่อนมาบ้างและคิดว่าไม่ยากหากจะทำมันเพื่อหารายได้ ทุกคนจะร่วมมือกับฉันไหม”
“จริงเหรอ แล้วจะขายได้หรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าหนังสือพวกนี้ถูกกวาดล้างมานานแล้ว” หลี่ฮุ่ยหยางยินดีมากเพราะเขาเองก็อยากสอบเทียบเลื่อนชั้นเหมือนกัน
“ลุงเชียงบอกว่าตอนนี้เป็นที่ต้องการมาก แต่คนที่เคยเขียนส่งที่ร้านเขาย้ายไปอยู่ที่อื่นจึงไม่มีของออกมาขาย หากว่าเราทำได้ลุงเชียงยินดีมาก”
“ตกลงพี่เอาด้วย” หลี่ฮุ่ยหมินบอกคนแรก
“พี่ด้วย”
“ฉันด้วย”
เมื่อทั้งสี่คนตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเขียนนิยาย ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนมองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับน้ำตาปริ่ม ในที่สุดลูกๆและหลานสาวของพวกเขาจะได้มีโอกาสกลับมาเรียนเสียที แบบนี้จะไม่ให้คนเป็นพ่อแม่อย่างพวกเขายินดีได้ยังไง
“นี่ค่ะบะหมี่เป็ดย่าง หนูเห็นเขาขายในตลาดมืดคนต่อคิวกันเป็นแถวยาว หนูเลยซื้อมา ยังมีซาลาเปาเนื้อด้วยนะ ส่วนเนื้อและอย่างอื่นเราค่อยมาทำมื้อเย็นกินกัน เราต้องมาฉลองให้กับความสำเร็จที่จะมาถึง แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นก็ตาม”
หลี่อิงอิงไม่อยากให้จมกับอดีตเธอรู้ดีว่าทุกคนคิดถึงอะไรอยู่ แล้วยังไง อดีตก็คืออดีต สู้ทำและอยู่กับปัจจุบันและอนาคตดีกว่า ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปจะต้องดีกว่านี้อีกมาก หลี่อิงอิงคนนี้ขอสัญญาด้วยเกียรติของนางร้ายสุดสวย