ตอนที่ 14 : ชอบผู้หญิง

2642 คำ
ชนารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของน้าเพ็ญมารดาของแพรพรรณที่ดูนิ่งเฉยกับตัวเองไม่เหมือนวันแรกที่มาถึง แต่ยังคงปฏิบัติกับลุงคำเฉกเช่นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนลุงคำเองแอบสังเกตเห็นการเปลี่ยน แปลงด้วยเช่นกันจากสายตาเรียบนิ่งเมื่อเพ็ญมองดูชนา “เด็กน่ะ ตักเตือนได้ ถึงจะโตจนหมาเลียตู๊ดไม่ถึงก็เถอะ” คำรณพูด ขณะแวะซื้อขนมที่ร้านของเพ็ญ “โตเกินจะเตือน ก็ไม่ไหวนะ พี่คำ” ชนายิ้มจางๆ เมื่อได้ยินคำพูดของน้าเพ็ญ “เตือนได้ค่ะ เพราะคำเตือนคือความหวังดีสำหรับหนูค่ะ น้าเพ็ญ” ลุงคำยิ้มกับสิ่งที่ได้ยินจากหลานรัก “ด่าได้ ตีได้ ฉันยกให้เป็นลูกเป็นหลานแม่เพ็ญอีกคน ฝากช่วยตักเตือนมันด้วย อยากให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนกับเขาบ้าง วันหนึ่งเผื่อ มีเย้ามีเรือนจะได้ดูแลคนที่มันรักได้เป็นอย่างดี จะได้ไม่ต้องเลิกราหรือแยกย้ายจากคนที่มันรัก” คำรณพูดเรียบเคียงซึ่งเพ็ญสัมผัสได้กับการบอกฝากฝัง “ไม่มีก็ดีนะ ชนา ดูอย่างน้า อย่างลุงคำก็มีความสุขดี” “หนูไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่นะคะ แต่ถ้ามีหนูจะดูแลอย่างดี หนูอยากให้น้าเพ็ญได้รับทราบเอาไว้ค่ะ” เสียงแว่วๆ ของแพรพรรณทำให้ลุงคำหันไปยิ้ม เพราะเสียงหัวร่อต่อกระซิกจากการพูดคุยกับเด็กๆ ได้ทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มด้วยเช่นกัน “นั่นล่ะ ความสุขของทุกคน ในเมื่อยายหนูแพรสร้างความสุขให้ได้ ก็ควรได้รับความสุขเช่นกันไม่ใช่หรือ” ลุงคำหันมาทางน้าเพ็ญ ชนาเห็นคนเป็นมารดาของแพรพรรณแล้วแอบถอนใจ “เวลาทุกข์จะรับไม่ไหวล่ะสิ พี่คำ” “อย่าทิ้งกันนะ ไอ้ชา” ลุงคำหันมาทางชนาที่ยิ้มให้ลุงคำในทันที “หนูอาจจะดูแลได้แค่ที่ลุงคำทำอยู่ก็ได้นะคะ” ชนายิ้มจางๆ มองสบตากับแพรพรรณที่ขมวดคิ้วจ้องมองอยู่ “ความสุขอาจไม่ถึงกับต้องได้มาครอบครอง ถ้าเอ็งคิดได้ตั้งแต่ต้นเอ็งจะไม่ทุกข์ใจมากนัก แต่วัยอย่างเอ็ง ข้าว่าจะคิดไม่ได้เอาสิ” ลุงคำพูดกระซิบกับหลานรัก แพรพรรณแอบเห็น แต่สายตาดุๆ ของมารดาทำให้ต้องเข้าอ้อนก่อน ไม่รู้ว่าก่อนหน้าสามคนที่ยืนอยู่พูดคุย เรื่องอะไรกันบ้าง “แพรอยู่ขายขนมให้เอาไหมคะ แม่จะได้กลับไปงีบบ้าง ตื่นก่อนนอนที่หลังมาตั้งแต่แพรจำความได้แล้ว” แพรพรรณพูดอ้อนมารดา “ไม่ล่ะ หวงลูกสาว” มารดาบอก ซึ่งชนารู้ว่าบอกกับตัวเธอมาก กว่าลูกสาวของท่านเอง “ลุงเฝ้าให้เอาไหมล่ะ ยายหนูแพร” ลุงคำหัวเราะ เมื่อแพรพรรณทำหน้ามุ่ยมองสบตากับชนา “คนหวงเยอะจริงๆ เลย แค่ขายขนมเองนะคะ แม่ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ “กลับบ้านไปเลย เรานั่นแหละต้องพัก ดูสิหน้าน่ะ ง่วงมากรู้ตัวบ้างไหม ไปกลับบ้านไปได้แล้ว ยืนกันเต็มร้านของไม่ได้ขายพอดี” เพ็ญพูดบ่น “เพราะเอ็งเลยไอ้ชา ยืนเกะกะหน้าร้านเขาน่ะ” ลุงคำหัวเราะ “อ้าวไหงงั้นล่ะลุง หนูขายให้ก็ได้นะคะ น้าเพ็ญ” ชนาบอก “ไม่ล่ะ ขอบใจ ยายแพรกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวป้าๆ บ่นตายกันพอดี” เพ็ญพูดเอ็ดลูกสาว “ชาดำเย็นปั่นจักรยานให้ซ้อนหน่อยนะ” แพรพรรณพูดอ้อนชนาที่รีบหันไปมองดูมารดาของสาวเจ้าที่มองตาเขียวปัดอยู่ “เราขี่จักรยานไม่ค่อยแข็ง เดี๋ยวพากันตกข้างทางพอดี” ชนายังคงชำเลืองมองไปทางน้าเพ็ญ “แพรปั่นให้ชนาซ้อนไปเป็นเพื่อนนะคะ แม่” แพรพรรณยิ้ม “ก็ได้ แต่อย่าพาชนาเข้าไปในบ้านล่ะ จะไปรบกวนป้าๆ เข้า ได้โดนเอ็ดกันทั้งคู่” เพ็ญถอนใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เหมือนกันที่ทำกิริยาไม่ ค่อยดีกับชนา ลุงคำพูดคุยกับคนขับรถตักดิน ซึ่งมาขุดบ่อปลาเพิ่มให้ เพราะชนาต้องการดินเพื่อนำมาสร้างบ้านใกล้ๆ กับบ้านเรือนไทย แพรพรรณยืนยิ้มมองดูอยู่จากหน้าบ้านของตัวเอง เพราะเคยพูดคุยกันเอาไว้ว่า อยากให้ชนาปลูกบ้านอยู่ทางด้านข้างใกล้กับห้องนอนของแพรพรรณ ซึ่งถึงแม้จะอยู่ชั้นบน แต่หากเมื่อเดินออกมาที่ระเบียงสามารถมองเห็นบ้านของชนาได้อย่างชัดเจน ซึ่งอันที่จริงแล้วอยากเห็นเจ้าของบ้านเสียมากกว่า แพรพรรณคิด หญิงสาวที่กำลังลงมาจากรถยนต์ ซึ่งเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าบ้านของลุงคำทำเอาแพรพรรณถึงกับชะเง้อมอง เพราะมองเห็นสาวสวยที่เดินเข้าไปสวมกอดชนาทำให้รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก ไม่รู้ตัวเลยว่า ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แถมยังบ่นพึมพำต่อว่าชนา โดยเจ้าตัวไม่รู้อะไรด้วยเลย “บ้านหลังโน้นหรือ” ชนายิ้มๆ เมื่อเห็นไอรดาชะเง้อชะแง้มองไปทางบ้านเรือนไทยหลังงาม ซึ่งคงเดาไม่ยากนักเพราะมีเพียงหลังเดียวที่เป็นเพื่อนบ้านกัน “ถามจริงๆ ค่ะ พี่เอ๋ย จะมาพักที่นี่จริงๆ หรือ” ชนาถามยิ้มๆ และยิ้มเลยไปยังคนที่เพิ่งถือกระเป๋าเดินตามเข้ามา “พี่ไม่ใช่คุณหนูนะจ้ะ น่าสนุกออก มีคนไปโม้เรื่องบ้านดินให้ฟัง” ไอรดาหันมายิ้มให้ธารใจ “โน่นค่ะ บ้านพักของพี่ๆ อีกวันสองวันพี่ไต้ฝุ่นกับพี่พลอยจะตาม มาค่ะ ลุงคำบอกว่า ถ้าเป็นหนุ่มสาวล่ะก็คงได้เจ้าตัวน้อยกลับไปนะ” ชนาหัวเราะ เมื่อเห็นรอยยิ้มน่ารักๆ ของไอรดาที่ยิ้มๆ มองดูสาวสวยที่ทำหน้านิ่งจ้องมองมา ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่า คงจะเป็นสาวคนที่ธารใจเล่าให้ฟัง “ท่าจะขี้หึงนะ” ไอรดาอมยิ้ม แอบเอื้อมมือไปโอบไหล่ชนาเอาไว้ทำให้สาวเจ้าเดินปึงปังเข้าบ้านไปทันที “เอ๋ยก็นะ ไปแกล้งน้อง เข้าบ้านก็ลำบาก เวลางอนจะง้ออย่างไรล่ะเราน่ะ คิดไว้บ้างหรือยัง” ธารใจหัวเราะ มองสบตากับไอรดาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นชนาทำหน้าจ๋อย “พี่เอ๋ย เล่นงานหนูเข้าให้แล้วสิเนี่ย” ชนาบ่นพึมพำ แต่ไม่ได้พูดอะไรช่วยหอบหิ้วกระเป๋าพาสองสาวที่มาถึงไปยังบ้านที่ปลูกเอาไว้กลางทุ่งนา จะเรียกว่าบ้านคงไม่ได้ น่าจะเรียกกระต๊อบมากกว่า ชนารู้สึกดีกับความเรียบง่ายของสองสาว ซึ่งลักษณะท่าทางการเดินอยู่บริเวณคันนาที่เป็นทางเล็กๆ สองสาวเดินนำหน้าไปก่อนดูคล่องแคล้ว ชนาหันไปยิ้มให้กับลุงคำที่กำลังตะโกนโหวกเหวกทักทาย ธารใจกับไอรดาพนมมือไหว้และโบกมือไหวๆ เป็นการทักทายลุงคำด้วยเช่นกัน “หล่อนะ ลุงคำเนี่ย” ธารใจยิ้มให้ไอรดา “ยอมใจเลย เป็นเอ๋ยทนไม่ได้แน่ ถ้าต้องมานั่งมองบ้านดร.น้ำอยู่ที่บ้านตัวเอง ได้แต่มอง อกแตกตายแน่” ไอรดาหัวเราะ ชนาก็เช่นกัน “แต่ลุงคำมีความสุขดีนะคะ ไม่เคยเปลี่ยนและดูมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้พูดคุยถึงป้าพริ้ง โดยเฉพาะเวลาพรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฮัมเพลงบ้าง โดยเฉพาะไอ้เจ้าผลไม้หรือผักที่เป็นของโปรดของป้าพริ้งด้วยแล้ว ยิ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ” ชนาบอกเล่าเรื่องราวของลุงคำ และกำลังมองไปทางชายสูงวัยที่กำลังตะโกนบอกกับคนงานที่มาจัด การเรื่องขุดดินทำบ่อปลา “แหมถ้าไม่ได้รักป้าพริ้งล่ะก็ จะยกแม่ให้ลุงคำเลย” ธารใจหัวเราะ “ไว้พาแม่มาเที่ยวบ้างก็ดีนะ คราวหน้า” ไอรดาบอก ชนามองเห็นแพรพรรณนั่งทำหน้าบูดบึ้ง จึงเดินยิ้มๆ เข้าไปหาก่อนจะมองไปทางบ้านเรือนไทยหลังงาม เพราะเห็นว่าป้าพริ้งกับป้าพลับอยู่ หากออกมาเห็นทำลุ่มล่ามกับหลานสาวเข้าจะไม่ดี “กินข้าวหมากมาหรือไง หน้าถึงได้บูดขนาดนี้” ชนาถามยิ้มๆ “ไปเปลี่ยนเสื้อเลย” แพรพรรณพูดเสียงเข้ม “ทำไมล่ะ เสื้อเราเหม็นเหงื่อหรือ” ชนายกแขนขึ้นมาและดมไปยังแขนเสื้อของตัวเอง “จะไปเปลี่ยนดีๆ หรือจะให้แพรเปลี่ยนให้” แพรพรรณพูดดุ “ขี้หึงนะเราน่ะ พี่เอ๋ยเขาแกล้ง แพรก็ทำหน้าบูดบึ้งหนีเข้าบ้านไปก่อนนี่นา ไม่รอจนพี่น้ำเดินเข้ามา โอบไหล่นิดเดียวเอง ต้องไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆ หรือ” ชนาถามเสียงอ่อยๆ “พี่เอ๋ย” แพรพรรณทำท่าคิด “แฟนพี่น้ำ พี่สองคนมาเที่ยวพักผ่อนนอนที่กระต๊อบโน่น บอกจะมาช่วยสร้างบ้านของเรา” ชนาอมยิ้ม แต่รู้ว่าตัวเองออกอาการเขินอายอยู่บ้างเมื่อนึกถึงคำที่พูดออกไปว่าบ้านของเรา “บ้านใคร บ้านเราน่ะ” แพรพรรณถาม “บ้านเราคนเดียวก็ได้ กลับบ้านไปเลยไป” ชนาบ่นพึมพำ พูดด้วยน้ำเสียงแสดงอาการน้อยใจ “โอ๋ๆ อย่างอแงนะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ชาดำเย็นพาเราไปรู้จักกับ พี่เอ๋ยหน่อยสิ น่าอายเนอะ ไปชักสีหน้าใส่พี่เขาน่ะ” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ ยิ้มอายๆ มองสบตากับชนา “ยายแพร” เสียงเข้มๆ ที่ดังขึ้นทำให้สองสาวรีบหันไปมองทันที “แม่ทำไมกลับเร็วนักคะ เงียบเชียวไม่ได้ยินเสียงรถเลย” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ เพราะรู้ดีว่า เดี๋ยวคงโดนดุที่มารบกวนลุงคำกับชนา “กลับบ้าน เราต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ” เพ็ญบอกกับลูกสาวก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถและขับเข้าบ้านไป “ไปทำอะไรผิดไว้นะ” แพรพรรณทำท่าคิดและรำพึงออกมาเบาๆ แต่ชนารอยยิ้มจางหายไปในทันที เพราะคาดเดาเอาเองว่า บางทีความใกล้ชิดสนิทสนมที่เริ่มก่อตัวคงไปสร้างความไม่สบายใจให้กับคนเป็นมารดา “บอกเราได้ทุกเรื่องนะ แพร” ชนาพูดขึ้นและจับมือแพรพรรณเอา ไว้ค่อยๆ กระชับอยากให้เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มีให้ “โหย ไม่ได้เรียกไปตีสักหน่อยนะ เรียกไปคุย แต่แพรไม่รู้ว่าเรื่องอะไร คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แม่น่ะใจดีจะตายไป” แพรพรรณยิ้ม กว้างเมื่อนึกถึงความใจเย็นและใจดีของมารดา “ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร เราจะค่อยๆ แก้ปัญหาไปด้วยกัน แม่คงเป็นห่วงแพรนั่นแหละ” ชนาบอก “ชาดำเย็นพูดเหมือนรู้เลยว่า แม่จะคุยเรื่องอะไร” แพรพรรณถามแต่ชนาไม่ได้บอกอะไร “รีบไปได้แล้ว เด็ดก้านมะยมรอหวดลูกสาวแล้วล่ะมั้ง” ชนายิ้ม “ถ้าโดนดุ วิ่งมาหาชาดำเย็นจะช่วยปลอบใช่ไหม” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ แต่แอบยิ้ม “จ้ะ แม่คนช่างอ้อน อย่าดื้อกับแม่ล่ะ” ชนายังไม่รู้ว่ามารดาจะพูดอะไรกับลูกสาวหรือจะพูดอย่างไรหากเป็นเรื่องที่คิดเอาไว้ “ไอ้บ้าชาดำเย็น แพรเคยดื้อเสียที่ไหนล่ะ” แพรพรรณทำท่างอน “ไอ้ที่ไปเป็นนางแบบ นางเอก ไม่ได้ดื้อเลยนะ ป้าๆ กับแม่คงเห็นดีเห็นงามด้วย ถึงได้ส่งป้าพริ้งประกบติดขนาดนั้น ไม่ดื้อเลยสักนิด” “ทำงาน ไม่ได้ทำผิดกฎหมายสักหน่อย เชอะ แทนที่จะเข้าข้างกลับไปเข้าข้างป้ากับแม่ งอนแล้ว กลับบ้านแล้วนะ” แพรพรรณพูดจบแล้วเข้าสวมกอดชนาเอาไว้แนบแน่น ชนาเอามือทาบทับไปที่แผ่นหลังอย่างแผ่วเบาและค่อยๆ กอดกระชับเล็กน้อย “ห้ามดื้อกับเรานะ มีอะไรที่เกี่ยวกับเรา แพรมาบอกนะ” “เจ้าค่ะ คุณท่าน บ่นเป็นคนแก่เลย ไปแล้ว ว่าแต่ชวนพี่ๆ กินข้าวเย็นที่บ้านดีกว่า เผื่อลุงคำจะใจอ่อนตามไปกินข้าวด้วย ป้าพริ้งคงดีใจ” “ดีใจหรือไล่ตะเพิดกันแน่” ชนาหัวเราะเล็กๆ “ความรักเข้าใจยากเหมือนกันนะ อยู่กันแค่นี้เองทั้งๆ ที่รักกัน แต่ทำไมถึงเลือกที่จะดูแลกันเพียงแค่เป็นเพื่อนบ้าน ถ้าได้ลุงคำเป็นลุงเขย แพรเชื่อนะว่า ป้าพริ้งคงได้ยิ้ม ได้หัวเราะทุกวันแน่” แพรพรรณถอนใจมองดู ลุงคำที่ยังคงตะโกนสั่งคนงานเสียงดังลั่น “ไม่เห็นต้องเข้าใจเลย ไม่มีใครเข้าใจหรอกนะ เราว่า แต่ลุงคำกับป้าพริ้งก็มีความสุขกับสิ่งที่ตัดสินใจนี่นา หรือพาหนีดี” ชนาหัวเราะ “ลุงคำคงจะเอาด้วยหรอก ไปแล้ว ชาดำเย็นไปดูแลพี่ๆ ได้แล้ว ฝากสวัสดีด้วยนะ เดี๋ยวคุยกับแม่แล้วจะแว๊บมาสวัสดีด้วยตัวเองอีกที” “จ้ะ” ชนายิ้มให้แพรพรรณ แล้วหันไปยิ้มให้น้าเพ็ญ ซึ่งเดินออกมายืนรอลูกสาวอยู่หน้าบ้าน ไอรดากับธารใจยิ้มจางๆ มองชนา ซึ่งกำลังมองตามแพรพรรณ กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่บ้านและโดนมารดาหยิกเข้าให้ที่แขน คงเพราะมัวแต่ร่ำไรพูดคุยอยู่กับชนาเสียนานสองนาน “ตอนแรกนึกว่าจะแค่ป้านะ ชนาเอ๊ย แม่ด้วย” ธารใจหัวเราะเล็กๆ มองชนาที่ทำหน้าเจื่อนๆ เมื่อได้ยิน “ให้กำลังใจมากเลยนะคะ พี่น้ำ หนูก็รู้สึกเหมือนกันว่า น้าเพ็ญเปลี่ยนไป แต่หนูกับแพรยังไม่ได้พูดคุยกันเลยนะคะ เรื่องคบหาหรือเรื่องความสัมพันธ์ แค่เพิ่งเริ่มด่านแรกก็ปรากฎเสียแล้วอย่างนั้นหรือ” ชนาถอนใจ ไอรดาเดินมาตบที่ไหล่เบาๆ “ค่อยๆ แก้กันไป พี่น้ำช่วยได้” ไอรดาหันไปยิ้มกับธารใจคนรัก “พี่เอ๋ยก็น่าจะช่วยได้นะ” ชนาบอก “ดร.น้ำช่วยได้ เพราะจีบพี่ก่อน” ไอรดาหัวเราะ “จริงหรือ น้ำไปจีบเอ๋ยก่อนเหรอ ทำไมจำไม่ได้” ธารใจอมยิ้ม “ทำเป็นไปทำความรู้จักเอ๋ยถึงบ้าน โดยเอาแม่มาอ้าง ลูกไม้เยอะมากเลยคนนี้” ไอรดายิ้มอายๆ มองสบตากับธารใจ ชนาทำตาโต และทำท่าคิดพร้อมกับขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม “กราบค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ด็อกเตอร์ นอกจากเรื่องของการศึกษาแล้ว รบกวนเรื่องหัวใจด้วยนะคะ” ชนาหัวเราะ เพราะธารใจเขกเข้าให้ที่ศีรษะ “ยายแพร เริ่มก่อนล่ะสิท่า” “ถ้าแพรไม่เริ่ม หนูก็คงเริ่มก่อนค่ะ” ชนายิ้มอายๆ “เอ๋ยเคยสงสัย เคยถามตัวเองตอนเจอกับน้ำ ว่าชอบน้ำแบบคนรักจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่รู้สึกดี แต่เวลาสามารถพิสูจน์ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะความรู้สึกของตัวเราเอง” ไอรดาหันมายิ้มให้ชนา “หนูรู้ว่า หนูน่ะ ชอบผู้หญิง” ชนายิ้มอายๆ เมื่อเห็นสองสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อได้ยิน “เคยมีมาก่อน ยายแพร ว่างั้น” ธารใจทิ้งคำถามเอาไว้ โดยไม่ได้รอฟังคำตอบเดินดุ่ยๆ และจับมือไอรดาให้เดินตามไปคุยกับลุงคำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม