ตอนที่ 13 : เจ้าเล่ห์

2234 คำ
แพรพรรณแอบยิ้ม เมื่อเห็นยางรถยนต์ของตัวเองแบนซึ่งทำเอาคนเป็นป้าถึงกับหัวเสีย เพราะหากต้องรอช่างมาจัดการให้คงใช้เวลานานเอาเรื่องอยู่ มองดูรถยนต์ที่ยางแบนทั้งสี่ล้อทำให้แอบคิดไปได้ว่า คงถูกมือดีกลั่นแกล้งแน่ “ผมไปส่งให้ไหมครับ” ป้าพริ้งจ้องเขม็ง เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่แสดงความมีน้ำใจ “ไม่ล่ะ ขอบใจ” เสียงเข้มๆ ของป้าพริ้งทำให้จอมทัพหน้าจ๋อยไปทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเริงร่าคิดว่าจะได้หน้าหากขันอาสาขับรถไปส่งสองป้าหลาน “หนูขับรถมาค่ะ เอารถของแพรฝากไว้ที่นี่ ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ” ชนาบอกแล้วยิ้มให้กับแพรพรรณที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ ชนามองด้วยความแปลกใจทำไมเจ้าตัวถึงได้ยืนยิ้มตั้งแต่ออกมาเห็นว่า ยางรถของตัวเองแบนครบทั้งสี่ล้อ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแพรให้เจ้าหน้าที่กองถ่ายช่วยจัดการเรื่องหาช่างให้นะคะ พรุ่งนี้ค่อยมาขับกลับ วันนี้กลับรถของชนาก่อน” แพรพรรณขยิบตาให้กับชนาที่ส่ายหน้ากับความทะเล้นของสาวเจ้า ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปภายใน เพื่อบอกฝากรถยนต์เอาไว้ “น่าจะโดนปล่อยลมนะครับ ผมว่า” จอมทัพพูดแสดงความคิดเห็น “อย่าให้รู้ก็แล้วกันนะว่าเป็น” ป้าพริ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่คนได้ยินคงหนาวๆ ร้อนๆ จอมทัพจึงรีบขอตัวกลับทันที “ผมขอตัวก่อนนะครับ” จอมทัพยิ้มๆ พนมมือไหว้ป้าพริ้งและเดินมากระซิบบอกลาชนาพร้อมกับขยิบตาทำท่าแปลกๆ ชนาส่ายหน้า และแอบถอนใจไม่อยากจะคิดเลยว่า จะเป็นฝีมือของชายหนุ่มที่ชื่อจอมทัพ “ไปรอที่รถดีกว่าค่ะ” ชนาเดินนำไปที่รถของตัวเอง ซึ่งเมื่อป้าพริ้งเห็นถึงกับหยุดชะงักในทันที “แน่ใจนะ ว่าจะพาฉันกับหลานกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพน่ะ” “ป้าพริ้งพูดซะ รถกระป๋องของหนูเครื่องรวนเลย รับรองได้เลยค่ะ ปลอดภัยแน่นอน ถึงแม้จะนั่งไม่สบายเท่ารถของแพร” ชนาหัวเราะเล็กๆ ผายมือและเปิดประตูพร้อมกับทำท่าโค้งให้ป้าพริ้ง ซึ่งชนาคาดเดาว่าคงจะนั่งข้างหน้าคู่กับตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า ป้าพริ้งเดินไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหลัง แพรพรรณยืนหัวเราะมองดูอยู่ “ได้หน้าไปเลยล่ะสิ มาพอดีรถแพรล้อแบนน่ะ” แพรพรรณบอกกับชนาที่ยิ้มน้อยๆ มองสบตากับคนที่มีรอยยิ้มแสนน่ารัก “ต้องขอบใจเจ้ารถยนต์ราคาแพงเนอะ” ชนาบอก “จ่ายค่าช่างมาด้วยล่ะ” แพรพรรณบ่นพึมพำ “เดี๋ยว แม่คนเจ้าเล่ห์ อย่าบอกนะว่าปล่อยลมยางรถตัวเองน่ะ” “ทำไม จะฟ้องป้าพริ้งหรือไง ก็อยากอยู่ใกล้ๆ ตัวเองนี่นา ไม่ทำแบบนี้จะได้นั่งรถกลับด้วยกันไหมล่ะ” แพรพรรณบ่นงึมงำ ชนาหัวเราะกับความเจ้าเล่ห์ของสาวเจ้า หากป้าพริ้งรู้เข้าไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน “ขอบคุณนะ พรุ่งนี้ปล่อยอีกนะ จะได้มารอรับ” ชนาหัวเราะ “ไอ้ชาดำเย็นบ้า ล้อเค้านะ” แพรพรรณเอื้อมมือไปบิดเข้าที่เอวของชนาซึ่งร้องลั่นทำเอาผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ หันมามอง สองสาวจึงรีบจ้ำอ้าวเดินขึ้นรถและขับออกไป ชนามองดูป้าพริ้ง ซึ่งผล็อยหลับไปหลังจากรถยนต์เคลื่อนที่ออก มาแค่เพียงครู่ด้วยคงเหนื่อยล้าจากการมาดูแลหลานสาวตั้งแต่เช้าจนเกือบพลบค่ะ อันที่จริงแล้วการมาดูแลแพรพรรณออกจะหนักหนาอยู่พอสมควรสำหรับคนที่อายุอานามค่อนข้างมากอย่างป้าพริ้ง ชนายิ้มจางๆ หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเริ่มหาวให้เห็น “นอนพักก็ได้นะ เราขับคนเดียวได้” ชนาบอก “ไม่ดีกว่า นั่งเป็นเพื่อนคุยดีแล้ว ชาดำเย็นจอดแวะซื้ออะไรเย็นๆ ให้ดื่มหน่อยก็ดีนะ จะได้หายง่วง” แพรพรรณยิ้มหันมามองชนาซึ่งเริ่มมองไปด้านข้างถนน “หิวไหม” ชนาถาม “นิดหน่อย” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ เพราะเมื่อได้ยินชนาถามปุ๊บความหิวก็เหมือนจะเกิดขึ้นทันที “เสียงท้องร้องนั่นไม่หน่อยมั้ง” ชนาหันมายิ้มให้แพรพรรณ ซึ่งยิ้มอายๆ ทำปากขมุบขมิบมองที่ท้องของตัวเอง “อายเค้าไหมล่ะ ร้องซะดังเชียว” แพรพรรณพูดบ่น “เรื่องธรรมชาติ ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหนเลย” ชนาหัวเราะ “ยังจะมาหัวเราะอีกนะ” แพรพรรณทำหน้างอ “ป้าพริ้งคะ” ชนาหันไปมองดูป้าพริ้งซึ่งยังคงหลับอยู่ “ป้าคะ” แพรพรรณเอามือแตะไปที่แขนเบาๆ “ถึงบ้านแล้วหรือ” ป้าพริ้งพูดงึมงำและเพ่งมองไปบริเวณรอบๆ “ยังค่ะ แวะทานก๋วยเตี๋ยวก่อน” แพรพรรณบอก “ไม่ล่ะ ป้าไม่หิว สองสาวไปทานกัน ร้านอยู่ตรงนี้ใช่ไหม ป้ารอในรถนี่แหละ แง้มหน้าต่างไว้นิดหน่อย ไม่ต้องติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ทิ้งไว้นะยายชนามันเปลืองน้ำมัน ควันรถจะทำให้คนอื่นป่วยด้วย” ป้าพริ้งบอก “ดื่มอะไรร้อนไหมคะ เดี๋ยวหนูซื้อมาฝาก” ชนาถาม แต่ดูเหมือนว่าป้าพริ้งไม่ได้สนใจเพราะหลับไปอย่างรวดเร็ว แพรพรรณยิ้มจางๆ “แพรสงสารป้าพริ้งมากเลย แต่ห้ามอย่างไรก็ไม่ยอม จะขับรถเองป้าพริ้งบอกว่า แพรเหนื่อยจากงานอยู่แล้ว นั่งสบายๆ ดีกว่า ดูสิพอนั่งรถที่ชาดำเย็นขับ หลับเอาๆ เลย แล้วบอกไม่เหนื่อย” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ มองดูชนาที่ยิ้มน้อยๆ ให้ ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างทาบทับไปที่แก้มอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา “ความเป็นห่วงมีมากกว่าความเหนื่อยล้าอีกนะ ถ้าอยู่ที่บ้านคงได้ชะเง้อคอยาวรอแพรกลับ เหนื่อยบ้างแต่ป้าพริ้งคงสบายใจกว่าที่ได้มาเป็นเพื่อนแพร” ชนายิ้มมองสบตากับแพรพรรณที่มีน้ำตารื้นเล็กน้อย เพราะน้ำ เสียงและแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย ทั้งยังคำพูดที่บอกออกมาซึ่งแสดงถึงความเข้าใจทำให้หัวใจของแพรพรรณรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก “ชาดำเย็นเป็นห่วงแพรเหมือนป้าพริ้งไหม” แพรพรรณยิ้มอายๆ “ไม่เหมือน” ชนาพูดยิ้มๆ เดินนำหน้าแพรพรรณไปนั่งที่เก้าอี้บริเวณร้านขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งแพรพรรณเดินตามมานั่งอยู่ข้างๆ “ใจร้าย” แพรพรรณบ่นงึมงำอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งคนขายเดินเข้ามาเพื่อรับรายการอาหารจากสองสาว “คุณนางแบบนี่นา หนูขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ” ชนายิ้มมองดูสาวน้อยซึ่งคงเป็นลูกสาวเจ้าของร้านรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ แพรพรรณยิ้มรีบลุกไปยืนข้างๆ หยิบโทรศัพท์จากมือสาวน้อยส่งให้ชนา เพื่อทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็นให้กับสองสาวทันที “ขอบคุณนะคะ” แพรพรรณบอกกับสาวน้อยที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และจดรายการอาหารตามที่แพรพรรณกับชนาบอก “พี่น่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลย รอแป๊บนะคะ เดี๋ยวหนูเป็นคนทำให้เองเลยค่ะ” สาวน้อยรีบวิ่งกลับไปจัดการตามที่บอก ชนารีบหันไปทันที เมื่อมีคนเอามือมาทาบทับที่ไหล่ เพราะไม่คิดว่าจะพบใคร โดยเฉพาะคนรู้จักเพราะไม่มีใครรู้ว่า ชนาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้ว “พี่โอบ” ชนารีบลุกขึ้นพนมมือไหว้ “ไงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เรา” โอบบุญยิ้มให้ชนาที่รอยยิ้มจางลงใน ทันที “มาทำอะไรแถวนี้คะ” ชนาชวนพูดคุยเปลี่ยนเรื่อง “บ้านพี่อยู่แถวนี้” โอบบุญหันไปยิ้มให้กับแพรพรรณ ซึ่งหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จักที่ไหนมาก่อน “แพรนี่พี่โอบเป็นญาติกับเรา พี่โอบคะ นี่แพรค่ะ อยู่บ้านติดกับบ้านของลุงคำ” แพรพรรณรีบพนมมือไหว้ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” แพรพรรณยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่ได้เห็นทำเอาโอบบุญไม่อยากละสายตาไปจากสาวเจ้าเอาเสียเลย “พี่ขอตัวก่อนนะ ฝากกราบลุงคำด้วยล่ะ แอบไปหลบอยู่ที่นั่นล่ะสิเราน่ะ” โอบบุญยิ้มเอามือทาบทับไปที่ศีรษะของชนา “รู้ทันอีกแล้ว” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่า โอบบุญจะไปบอกมารดาหรือไม่ว่าพบกัน “ขอตัวก่อนนะครับ” โอบบุญยิ้มให้แพรพรรณ ซึ่งพนมมือไว้อีกครั้ง ชนานั่งเงียบๆ รับประทานอาหารหันไปมองดูที่รถอยู่บ้าง แต่ยังคงเห็นป้าพริ้งหลับอยู่ที่เบาะด้านหลังเหมือนเดิม แพรพรรณยิ้มน้อยๆ มองดูความห่วงใยที่ชนามีให้กับคนในครอบครัว “กลัวแม่จะรู้หรือว่า กลับมาแล้ว” แพรพรรณถาม “เปล่า” ชนาพูดเพียงสั้นๆ น้ำเสียงแปร่งๆ “มีอะไรว่ามา น้ำเสียงเหมือนประชดเลยนะ” แพรพรรณพูดต่อว่า “ประชดตรงไหน แค่พูดว่า เปล่า” ชนาบอก “นี่ก็พูดประชดอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า” แพรพรรณวางตะเกียบและช้อนทำท่าพร้อมต่อปากต่อคำกับชนา “เบื่อคนหน้าตาดี” ชนาพูดบ่นพึมพำ “หวงล่ะสิ” แพรพรรณยิ้มๆ ทำเป็นแลบลิ้นล้อ “หวงได้ด้วย” ชนาหันมามองสบตา แววตาทะเล้นนั้นทำให้ความ รู้สึกขุ่นเคืองที่แอบซ่อนเอาไว้ครู่หนึ่งจางไป “ได้อนุญาต โกรธแพรได้ไง พี่เขามองแพรเองนะ แพรไม่ได้ไปจิกลูกกะตาเขาให้มามองแพรสักหน่อย ไอ้คนขี้หวงเอ๊ยทำเป็นเก๊ก” แพรพรรณอมยิ้มมองดูชนาที่ยิ้มเจื่อนๆ ไป “มีเงินเยอะๆ จะจ้างให้อยู่บ้าน ไม่ต้องไปไหน” ชนาพูดขึ้น “จริงดิ ไปให้ลุงคำสอนทำนาปลูกต้นไม้ดีกว่า จะได้อยู่ให้คนแถวนี้รำคาญกันไปข้าง คนที่บ้านบ่นรำคาญแพรจะแย่” แพรพรรณ หัวเราะคิกคัก “ต้องจ่ายค่าจ้างเดือนล่ะเท่าไร ถ้าต้องจ่ายแบบค่านางแบบ นาง เอกเราหาเงินไม่ไหวแน่” ชนาถาม “เอาจริงดิ แค่ใจก็พอแล้ว” แพรพรรณยิ้มอายๆ ที่พูดจาออกจะน้ำเน่า แต่รอยยิ้มของชนาทำให้รู้สึกมีความสุข “เอาไปเลย เรายกให้ แต่ของแพรก็ต้องให้เราเหมือนกันนะ” “น้ำเน่านะ เราน่ะ ไปรีบกินรีบกลับ แพรง่วงแล้ว” แพรพรรณพูดอ้อนซึ่งอันที่จริงออกจะเขินอายเสียมากกว่า ยิ้มๆ แอบมองดูชนาบ้างทำไมคนเราถึงได้น่ารักไปในทุกๆ อากัปกิริยาได้นะ แพรพรรณคิดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว “ยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดอะไรไม่ดีกับเราอยู่หรือเปล่าเนี่ย” “คิด เยอะด้วย” แพรพรรณพูดจบรีบเดินกลับไปที่รถก่อน ชนายิ้มมองดูสาวน้อยที่เดินกระมิดกระเมียนมาเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยว “จีบเลยพี่ รับรองได้ว่า พี่แพรชอบพี่แน่ๆ” “จริงดิ ขอบใจนะจ้ะ ไว้จะมาอุดหนุนใหม่” ชนาบอก “คราวหน้าถ้าเป็นแฟน หนูให้พี่กับพี่แพรกินฟรีเลย” “ไว้จะมากินฟรีนะ ขอบใจมากจ้ะสาวน้อย” ชนายิ้มๆ เอามือทาบทับไปที่ศีรษะของสาวน้อยที่พูดถึงตัวเองกับแพรพรรณ แปลกใจที่เด็กคนนั้นพูดเหมือนดูออกว่าชนารู้สึกอย่างไรกับแพรพรรณ ทำให้หวนนึกถึงท่าทีของมารดาของแพรพรรณขึ้นมา “ผ่านน้าเพ็ญไม่ได้ ป้าๆ คงไม่ต้องคิดเลย ไอ้ชนาเอ๊ย” ชนาถอนใจรีบเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไปในทันที แพรพรรณวิ่งเข้าไปสวมกอดมารดา ขณะที่ท่านออกมาเปิดประตูเพื่อชนาจะได้เคลื่อนรถเข้าไปจอดภายใน ใบหน้าเปื้อนยิ้มจางลง เมื่อชนาเดินเข้ามาพนมมื้อไหว้ “ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้เรา ป้าคงต้องนั่งรอเปลี่ยนยางป่านนี้คงยังไม่ ได้ออกจากกองถ่าย” ป้าพริ้งบอกเอามือทาบทับไปที่ไหล่ของชนา “นัดแนะกันหรืออย่างไร” มารดาถามลูกสาว “ชนาคุยงานเสร็จเลยแวะไปดูแพรถ่ายละครค่ะ มีขนมทานไหมคะ อ้อป้าพริ้งยังไม่ได้ทานอะไรมาเลยค่ะ” แพรพรรณสาธยาย “ท่าทางสนิทสนมกันเร็วเชียวนะ ยายแพร” มารดาพูดเสียงเรียบ “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ชนาบอก “มากินขนมก่อนสิ” แพรพรรณยิ้มให้มองดูมารดาที่ยังคงนิ่งอยู่ “ไม่ดีกว่า มืดค่ำแล้ว” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ “มากินขนมแป๊บเดียว ตาคำคงไม่ว่าอะไรหรอก เมื่อกี้เห็นแล้วนี่ว่าเราน่ะมาแล้ว” ป้าพริ้งพูดขึ้นและเดินนำเข้าไปในบ้าน แพรพรรณยิ้มแป้นเมื่อได้ยินป้าพริ้งพูดเอ่ยชวนชนา จึงเดินไปจับที่ข้อมือเพื่อพาชนาเข้าบ้าน แต่ถูกมารดาหยิกเข้าให้ที่แขนและแกะมือแพรพรรณ ออกจากการเกาะกุมที่แขนของชนา “ด่านแรกจะตายเสียก่อนไหมล่ะ เรา” ชนาคิดอยู่ในใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม