ตอนที่ 6 : ดอกจำปี

3029 คำ
พระพายรับช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาจากพนักงานของโรงแรมซึ่งได้จัด เตรียมมาให้ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ พิมพ์พลอยส่ายหน้ากับจอมวางแผนไม่คิดเหมือนกันว่าจะถึงกับสั่งช่อดอกไม้มา พระพายหันมายิ้มให้กับพิมพ์พลอยก่อนจะนำช่อดอกไม้ไปวางเอาไว้ที่ตักของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชนาจึงหันมาทำหน้าตาแปลกๆ มองดูด้วยความไม่เข้าใจนัก “พี่ไต้ฝุ่นวางผิดที่หรือเปล่า ต้องฝั่งโน้นสิ” ชนายิ้มให้พิมพ์พลอยที่หัวเราะออกมาเมื่อถูกพาดพิง “ไม่ได้มานานแล้วล่ะ พี่ชินแล้วชนา” พิมพ์พลอยอมยิ้ม “จริงดิ ฝุ่นไม่ได้ให้ดอกไม้พลอยนานแล้วหรือ ก็ตัวเองน่ะ ชอบของกินมากกว่าหรือเปล่า” พระพายอมยิ้ม เมื่อเห็นมารดาหันมามองพร้อมด้วยรอยยิ้มและทำท่าเหมือนเป็นการบอกว่าให้พูดคุยกับเบาๆ หน่อย “งี้ทำกับข้าวให้ทานทุกวันเลยสิคะ พี่พลอย” ชนาอมยิ้มมองสบตากับพระพายที่มองดูช่อดอกไม้ และพยักพเยิดไปบนเวทีขณะที่เสียงปรบมือดังขึ้น เมื่อแพรพรรณเดินนวยนาดออกมาอวดโฉม สายตาทุกคู่เหมือนจะไปจดจ้องอยู่ที่สาวเจ้า โดยเฉพาะหนุ่มๆ ชนามองดูไปรอบๆ บริเวณงาน “เป็นตัวแทนพี่สองคนกับแม่ มอบช่อดอกไม้ให้แพรที” พระพายยิ้ม ชนาทำหน้าตาแปลกๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงต้องเป็นตัวเอง “ทำไม ไม่ให้คุณป้าให้เองล่ะคะ” ชนาถามเสียงอ่อยๆ “ลุกลำบาก คนเยอะด้วย น่านะ ช่วยหน่อย” พิมพ์พลอยพูดเสริม “สวยขนาดนั้น ช่อดอกไม้คงถือไม่หวาดไม่ไหวนะคะ พี่พลอย” “แต่อาจจะอยากได้ช่อของพวกพี่ก็ได้นะ” พระพายมีรอยยิ้มแปลกๆ ชนาสังเกตเห็น แต่ต้องหยุดการสนทนาเพราะมารดา ซึ่งเป็นเจ้าของและคนจัดงานหันมาจ้องเขม็งอีกครั้ง เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้น ชนามองไปบนเวทีเห็นแพรพรรณกำลังยิ้มให้อยู่ จึงยิ้มตอบไป แต่รอยยิ้มจางลงเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เดินเอาดอกไม้ไปมอบให้แพรพรรณ ก่อนที่ชนาจะลุกไปเสียอีก คนที่ถือช่อดอกไม้และลุกขึ้นยืนกลับนั่งลงเหมือนเดิม แพรพรรณชำเลืองมองมาเล็กน้อย รอยยิ้มจางลงไปเช่นกัน เมื่อเห็นว่าท่าทางชนาคงไม่ลุกออกมา จึงทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการรับช่อดอกไม้จากหนุ่มๆ ซึ่งเหมือนที่ชนาพูดเอาไว้ว่า คงมากมายเสียจนถือไม่ไหว “ไปสิจ้ะ รออะไร” พิมพ์พลอยพูด เมื่อเห็นชนานั่งลงไม่ยอมลุกออก ไปและมองดูแพรพรรณพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “พี่พลอยหรือพี่ไต้ฝุ่นไปให้เองดีกว่า คุณนางแบบคงดีใจมากกว่า” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ แล้วขอตัวลุกออกไป เพราะต้องไปช่วยเก็บของและคอยดูแลตามที่ได้รับปากมารดาและป้าๆ ของแพรพรรณเอาไว้ พระพายส่ายหน้ามองตาม เพราะเท่าที่ดูเหมือนจะน้อยใจ แต่อันที่จริงไม่น่าจะน้อยใจเพราะว่าสาวเจ้าก็มองมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ พระพายถอนใจหันมามองสบตากับพิมพ์พลอยที่ยิ้มๆ ให้อยู่ “ขี้งอนเหมือนพี่สาวเปี๊ยบเล๊ย” พิมพ์พลอยหัวเราะ “บ้า ฝุ่นขี้งอนเสียที่ไหน” พระพายพูดยิ้มๆ มองดูช่อดอกไม้จึงชวนพิมพ์พลอยลุกออกไปเพื่อจะนำดอกไม้ไปให้แพรพรรณ ถึงแม้จะลงจากเวทีไปแล้ว แต่อีกสักครู่คงต้องออกมาพูดคุยกับผู้ใหญ่ก่อนจะกลับ โดยเฉพาะมารดาของพระพาย “งอนไม่เท่าไหร่ แต่ขี้หวงมากกว่า ฝุ่นน่ะ” พิมพ์พลอยอมยิ้มควงแขนพระพายที่หัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินเรื่องความหวงแหน แต่คนที่ว่ากลับแสดงความหวงแหนด้วยการแสดงออกถึงความสนิทสนมมากกว่าตัวคนโดนต่อว่าเสียอีก “ไม่หวงเลยเนอะ ควงซะแน่นเชียว” พระพายยิ้ม แพรพรรณยิ้มน้อยๆ มองดูชนาที่คงกำลังตั้งใจกับการขับรถ โดยไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาเลยสักคำ แต่การดูแลเอาใจยังคงเหมือนตอนที่มาช่วยหอบข้าวของจนแพรพรรณแทบจะไม่ได้ถืออะไรเลย ชนาเดินไปเดินมาสองสามรอบ ขณะที่แพรพรรณต้องพูดคุยกับคนโน้นคนนี้ในงาน ซึ่งอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้เลย เพราะให้มาเป็นเพื่อนไม่ได้ให้มาช่วยอะไรมากมายนัก แต่เจ้าตัวบอกเองว่า รับปากผู้ใหญ่มาควรจะดูแลให้ดี แพรพรรณไม่กล้าชวนพูดคุยที่เงียบไปอาจจะเป็นเพราะเหนื่อยกับการดูแลหรือเปล่าไม่แน่ใจนัก จึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆ จนหลับไปพักหนึ่งมารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงหน้าบ้านของลุงคำแล้ว “สวัสดีค่ะ ลุงคำ เอาหลานมาคืนให้ค่ะ” แพรพรรณยิ้ม เมื่อได้พูดแหย่พาดพิงไปถึงคนที่ทำหน้านิ่งเดินตามเข้ามา “ยกให้เป็นคนขับรถเอาไหมล่ะ ยายหนูแพร” ลุงคำหัวเราะ เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้างอ หลังจากได้ยินคนเป็นลุงพูดยกให้ “รู้งี้ไม่ไปเรียนให้ปวดหัวหรอก” ชนาบ่นพึมพำ “ไปทานข้าวที่บ้านกันค่ะ ลุงคำ” แพรพรรณเดินมาจับแขนและช่วยพยุง แต่ลุงคำขืนตัวแล้วหัวเราะ “อย่าเลย ยายหนูแพร เย็นย่ำแล้ว รีบกลับบ้านเถอะ ป่านนี้แม่กับป้ารออยู่แล้วล่ะ” ลุงคำบอกกับแพรพรรณที่ทำหน้างอเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำปฏิเสธ “โห ซื้อของอร่อยมาเผื่อเต็มเลย” แพรพรรณออกอาการงอแง “ไอ้ชา ไปกินข้าวบ้านโน้นแทนข้าไป” ลุงคำหันมาทางชนาที่ยังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่ “ไม่เอาล่ะค่ะ กินเป็นเพื่อนลุงดีกว่า” ชนามองสบตากับแพรพรรณที่แกล้งด้วยการแลบลิ้นให้ “ใจร้ายทั้งลุง ทั้งหลานเลย งั้นลุงรอด้วยนะ เดี๋ยวแบ่งกับข้าวมาให้” แพรพรรณยิ้มมองสบตากับลุงคำ และมองเลยไปยังคนที่ทำเป็นหันไปมองทางอื่น “ไม่ต้องลำบากหรอก ยายหนูแพร” “ไม่ลำบากเลยค่ะ คนไปเป็นเพื่อนลำบากกว่าเยอะ เหนื่อยแย่” “มิน่า หน้าบูดกลับมา เหนื่อยมากขนาดนั้นเลยหรือ” ลุงคำหันไปถามชนาที่ยังคงทำหน้างออยู่ “เปล่าค่ะ ขอไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาทานข้าวด้วย” ชนาบอกแล้วยิ้มน้อยๆ ให้แพรพรรณที่ยังคงแกล้งแลบลิ้นให้อีก “หลานลุงคำเหมือนงอนเลย แต่ไม่รู้เรื่องอะไร ต้องง้อยังไงอะคะ” แพรพรรณทำเป็นกระซิบกระซาบถามทำเอาลุงคำหัวเราะ “มันโกรธใครเป็นเสียทีไหน จิตใจดีออก ยายหนูแพรออกจะน่ารักใครจะไปโกรธลง ไอ้ชามันคงเหนื่อยนั่นแหละ” ลุงคำยิ้มให้แพรพรรณ “ห้ามกินข้าวก่อนนะคะ รอด้วย เดี๋ยวเอาของอร่อยมาส่ง ของชอบของป้าพริ้งรับรองอร่อยแน่ค่ะ ลุงคำ” แพรพรรณยิ้มสวยๆ ให้ลุงคำที่มีรอย ยิ้มสดใส เมื่อได้ยินการพูดถึงป้าพริ้ง “ขอบใจจ้ะ ยายหนูแพร” ลุงคำยิ้มมองดูแพรพรรณที่รีบวิ่งไปขึ้นรถและขับเข้าบ้านไป ชนามองดูจนกระทั่งแพรพรรณขับรถเข้าบ้าน ถึงได้ไปล้างหน้าล้างตา ลุงคำมองดูหลานสาวแล้วกลับนึกถึงตัวเองในช่วงแรกๆ ที่ได้มารู้จักกับสาวๆ บ้านเรือนไทยหลังนั้น แพรพรรณกลับมาในเวลาไม่นานนัก พร้อมกับปิ่นโตที่มีอาหารและขนม มารดาเตรียมขนมเอาไว้ให้ชนาหลายอย่าง ส่งปิ่นโตให้คนที่ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย ลุงคำยิ้มพยักหน้าให้แพรพรรณตามชนาเข้าไปในครัว “หายงอนได้แล้ว ง้อก็ได้” แพรพรรณบอกขณะเดินเข้าไปสวมกอดที่เอวจากทางด้านหลังของชนา ซึ่งรู้สึกตกใจกับการโดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้ด้วยว่า แพรพรรณคิดอย่างไร ถึงได้แสดงออกด้วยการโอบกอดเอาไว้แบบนี้ “ปล่อยนะ แพร” ชนาพูดดุ “ไม่ปล่อย ทำไมถึงไม่เอาดอกไม้ให้แพร ทำท่าเหมือนจะมาให้จู่ๆ ก็นั่งลงเหมือนเดิม เปลี่ยนใจง่ายจัง” แพรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ “ได้ตั้งเยอะ ตั้งแยะแล้วนี่ พี่พลอยก็เอาช่อนั้นไปให้แล้วไม่ใช่หรือ” ชนาถามและพยายามแกะมือของแพรพรรณออก แต่เจ้าตัวกลับรัดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม จนคนถูกกอดอยู่เกิดอาการใจอ่อน “แพรอยากได้ดอกไม้ของชนานะ” แพรพรรณยิ้ม ถึงแม้ชนาจะไม่เห็น แต่เชื่อว่าคงรู้สึกได้ เพราะเงียบไปและไม่ได้ผลักไสเหมือนตอนแรก “ปล่อยเถอะ เดี๋ยวลุงคำมาเห็นเข้า ถ้าใครที่บ้านแพรเดินเข้ามาในครัวก็จะเห็นนะว่า แพรยืนกอดเราอยู่” ชนามองไปทางบ้านของแพรพรรณ “ไม่จนกว่าจะหายงอน ถ้าไม่หายจะกอดอยู่แบบนี้แหละ” “ทำไมต้องหาย เราไม่ได้งอนสักหน่อย” ชนารีบพูดแก้ตัว “ดอกไม้ของคนอื่น โดยเฉพาะพี่พฤกษ์น่ะ จำเป็นต้องรับไว้ แขกผู้ใหญ่เต็มงาน ไม่รับก็ไม่ได้นี่ ไอ้ช่อที่อยากได้ คนให้ก็ไม่สนใจใยดียังจะมางอนใส่อีก” แพรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ ระคนอ้อน ชนายิ้มน้อยๆ แต่ยังคงทำหน้านิ่งแล้วค่อยๆ หันมา คิดว่าแพรพรรณจะคลายอ้อมกอดออก แต่กลับกระชับให้แน่นขึ้นอีกทำให้ชนาต้องขยับเข้าใกล้มากขึ้น “จะรู้ไหมล่ะ ว่าอยากได้น่ะ” ชนาพูดแก้เก้อ ไม่กล้ามองสบตากับคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า “บอกอยู่นี่ไง รู้หรือยังล่ะ หายงอนได้แล้วนะ ขี้เกียจจะง้อ ไปกินข้าวกินขนมด้วย แม่ฝากขนมมาเพียบเลย” แพรพรรณยิ้มสวยๆ ให้ชนาที่รู้สึกโล่งใจ เมื่อแพรพรรณค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก ยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดและไม่ได้มองสบตาด้วยทำให้สายตาไปจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเรียวบางไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่า ริมฝีปากของผู้หญิงคนนี้สวยงามมากทีเดียว “ฝากขอบคุณ น้าเพ็ญด้วยนะ” ชนาบอก “แม่กับป้าๆ ฝากมาขอบคุณด้วยที่ดูแลแพรและพากลับบ้านตามเวลา ไม่พาไปเถลไถลที่ไหนไว้ไปดูแพรถ่ายละครไหมล่ะ” “โห ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะ” ชนาพูดยิ้มๆ “แต่จะน่าเบื่อเกินไปเหมือนกันนะ เพราะถ่ายละครทีเป็นวันเลยไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวหน้าตูมกลับบ้านอีก ต้องมาง้อแบบนี้” แพรพรรณอมยิ้ม “จะให้ไปวันไหนก็บอก เราหาหนังสือไปอ่าน มีคอมพิวเตอร์หิ้วไปเราอยู่ได้ทั้งวันสบายมาก” ชนาไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ไม่ดีก่อนหน้านี้ “จ้ะ ขอบคุณนะ ไปล่ะ” แพรพรรณเดินออกมาร่ำลาลุงคำ ซึ่งยิ้มๆ มองดูหลานสาวที่กำลังรีบวิ่งไปทางด้านหลังบ้านและรีบวิ่งตามแพรพรรณ ซึ่งเพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่ รอยยิ้มอันสดใสนั้นทำให้คนเป็นลุงอดที่จะขำไม่ได้ ถึงแม้จะโตเรียนจบถึงเมืองนอกเมืองนา แต่สุดท้ายก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาผู้ใหญ่อย่างลุงคำเสมอ “ไม่รู้จักโตสินะ ไอ้ชาเอ๊ย” ลุงคำหัวเราะและเริ่มลงมือรับประทานอาหารก่อน เพราะอีกสักครู่ชนาคงกลับมา “รอเดี๋ยวสิ” ชนาวิ่งกระหืดกระหอบตามแพรพรรณมาทันที่หน้าบ้านพอดิบพอดี ยืนหอบด้วยอาการเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง “มีอะไรจ้ะ” แพรพรรณยิ้มมองดูท่าทางเขินอาย แถมยังเอามือทั้งสองข้างแอบเอาไว้ข้างหลังดูมีพิรุธ “แบมือมาสิจ้ะ” ชนายิ้มอายๆ เมื่อพูดจ้ะจ๋าเลียนแบบแพรพรรณ “จบจากเมืองนอก หรือบ้านนอกมาจ๊ะ” แพรพรรณอมยิ้มแต่ก็ยอมแบมือไปตรงหน้า อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ยิ้มอย่างน่ารักกับท่าทีเขินอายมีอะไรมาให้ ดอกจำปีส่งกลิ่นหอมในทันที เมื่อถูกวางลงที่กลางฝ่ามือของแพรพรรณ ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่ามีรอยยิ้มกว้างมากขนาดไหน “ยังไม่มีงานทำ มีให้แค่นี้ก่อน ช่อใหญ่ๆ รอเราทำงานก่อนนะ” ชนาบอก ยิ้มอายๆ ยืนบิดไปมาเล็กน้อยทำเอาคนที่ยืนอยู่อดที่จะขำไม่ได้กับท่าทางน่ารักที่ได้เห็น “ขอบคุณอีกครั้ง ชาดำเย็นน่ารักดีนะ เวลาไม่พูดจากวนๆ แพรจะเอาไปวางไว้ข้างหมอน เผื่อจะฝันถึงคนให้ ฝันดีนะ ถ้าได้บ่อยๆ คงจะดี” แพรพรรณเดินยิ้มเข้าบ้านไปและยังคงหันมาโบกไม้โบกมือให้กับชนาที่ยิ้มๆ มองดูจนสาวเจ้าเข้าบ้านไปเรียบร้อย “แปลกๆ ปะว๊ะ ชนาเอ๊ย วิ่งเอาดอกไม้มาให้สาวเจ้า แล้วมายืนบิดไปบิดมาอายเค้าอยู่น่ะ” ชนาหัวเราะ แต่หัวใจรู้สึกดีเหมือนดอกจำปีดอกนั้นเข้ามาส่งกลิ่นหอมอยู่ในหัวใจคนให้ด้วย ลุงคำมองดูหลานสาวที่เดินกลับมาและกำลังนั่งลงร่วมรับประทานอาหาร รอยยิ้มสดใสได้สร้างความสุขให้ชายสูงวัยไปด้วย เพราะหวังอยู่เหมือนกันว่า เด็กรุ่นหลานจะมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะชนาที่เป็นหลานคนสนิท “หายห่วงได้สิข้า” ลุงคำพูดขึ้น “เรื่องอะไรคะ” ชนาถาม “เรื่องดูแลสาวๆ บ้านโน้นไง เห็นเอ็งกับยายหนูแพรเข้ากันได้ดี เป็นมิตรที่ดีต่อกัน ข้าก็สบายใจ ตายตาหลับล่ะทีนี้” ลุงคำหัวเราะ “อยู่รอดูยายหนูแพรของลุงคำมีความสุขก่อนสิ แต่งงานแต่งการไปจะได้มีเหลนให้อุ้มไง” ชนาพูดเอง แต่กลับรู้สึกเจ็บแปลบชอบกลหวนไปนึกถึงหนุ่มที่เคยเจอ ซึ่งเป็นลูกชายนายอำเภอ แถมวันนี้ยังไปเจอที่งานเดินแบบการกุศลอีก ชนามองลุงคำที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองอยู่ “แม่พริ้งคงยอมหรอกนะ” ลุงคำหัวเราะ “อ้าว ไหงงั้นล่ะคะ” ชนามองด้วยความไม่เข้าใจ “อยู่ๆ ไปก็เห็นเองแหละ ไอ้หนุ่มเมื่อวันก่อนน่ะ มาตั้งหลายครั้งหลายหน เคยได้เข้าบ้านเสียที่ไหน แม่พลับจะเอาปืนส่องจากชั้นบนเข้าให้” ลุงคำเล่าไปขำไป ชนาหัวเราะ เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องเล่าขำๆ แต่จะว่าไปสาวสวยอย่างแพรพรรณ หากจะมีหนุ่มๆ มาวอแวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร “หนูเลยหวั่นๆ ไปด้วยเลย ลุงก็นะเล่าซะน่ากลัว” ชนาพูด โดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่สายตาของลุงคำที่จ้องมองแปลกๆ พร้อมด้วยยิ้มน้อยๆ นั่นทำให้ต้องมานึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูด “จะหวั่นทำไม ในเมื่อเอ็งน่ะ เป็นผู้หญิง” ลุงคำพูดแล้วก็หัวเราะ “นั่นสิ เป็นผู้หญิง ท่องไว้ว่าเป็นผู้หญิง” ชนารำพึงเบาๆ แต่แอบถอนใจมองไปทางบ้านเรือนไทยหลังงามที่คงกำลังตรึงตัวเองเอาไว้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกจำปีที่กำลังโชยมาทำให้ชนาแอบนึกถึงรอยยิ้มสวยๆ ของแพรพรรณที่ป่านนี้คงป่วนบรรดาป้าๆ และมารดาของตัวเองอยู่ “ลุงคำฝากบอกว่า หายเร็วๆ นะ แม่พริ้งคนงาม” เพ็ญเอื้อมมื้อไปหยิกแขนลูกสาวที่พูดจาหยอกล้อป้าพริ้งที่ยิ้มน้อยๆ และส่ายหน้าให้ เพราะความอ่อนแรงจากอาการปวดท้องทำให้ไม่อยากต่อปากต่อคำกับหลานสาว “เชียร์เข้าบ่อยๆ ป้าสุดที่รักจะได้ใจอ่อน” ป้าพลับบอกกับหลาน สาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมีกองหนุน “ยายพลับก็พูดไป ใครได้ยินเข้าจะมาถอนหงอกเอานะ แก่เฒ่าปูนนี้แล้วไม่รู้จักอายหรืออย่างไรกัน” ป้าพริ้งพูดคล้ายดุป้าพลับที่ยิ้มๆ ให้อยู่ “เออ ยายชนาทำไมไม่มากินข้าวด้วยกันล่ะ อุตส่าห์อาสาไปเป็นเพื่อนเราน่ะ ยายแพร” ป้าพรถาม “ทานข้าวเป็นเพื่อนลุงคำค่ะ คงเหนื่อยด้วยแหละ อ้อยังขันอาสาต่อนะคะ ถ้าป้าพริ้งยังไม่หายจะไปเป็นเพื่อนแพรวันถ่ายละคร” แพรพรรณพูดรายงานและรู้สึกดีกับรอยยิ้มของป้าพริ้ง “ลุงหลานท่าจะเหมือนกันนะ” ป้าพริ้งพูดขึ้น เรื่องคุณงามความดีของชายหนุ่มเพื่อนบ้าน สาวๆ ของบ้านนี้รู้ดี จนน้องๆ ของพริ้งเคารพนับถือคำรณเหมือนดั่งเป็นพี่ชายคนหนึ่งเลยทีเดียว “ไปช่วยเพ็ญขายขนมที่ตลาด ตั้งแต่เช้ายันบ่าย ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเลยค่ะ ไล่ให้กลับมาพัก ก็ไม่ยอม บอกว่าสนุกดี” เพ็ญบอกเล่าเรื่องราวของชนา ซึ่งเมื่อมองมาทางลูกสาวเห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตักอาหารใส่จานให้กับป้าพริ้ง “เป็นน้องคนสนิทของพี่พระพายเจ้าของโรงแรมด้วยนะคะ ป้าพริ้ง” แพรพรรณบอก “นักเรียนนอกเหมือนกันล่ะสิ” ป้าพลับถาม “ค่ะ ท่าทางพี่พระพายออกจะเอ็นดูอยู่มาก แพรเลยได้ทานอาหารหรูๆ ในโรงแรมไปด้วย ลาภปากจริงๆ” แพรพรรณหัวเราะ “เราก็นะ เห็นแก่กินจริงๆ เชียว” ป้าพรพูดคล้ายดุแล้วหัวเราะมองดูหลานสาวอย่างแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ค่อยจะพูดเล่าถึงใครในลักษณะชื่นชมมากนัก จะมาเล่าเล็กๆ น้อยๆ แต่กับชนาคงจะเป็นเพราะเป็นหลานของลุงคำ ซึ่งตอนเด็กๆ แพรพรรณถึงกับแอบเรียกว่า พ่อคำ เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม