จางเฟยอีลอบตกใจขึ้นมาเช่นกัน นางพลาดไปเองที่ลืมว่าท่านลุงรองจางต้าหลางเคยเป็นช่างไม้มาก่อน งานซ่อมแซมบ้านเขาย่อมทำได้อยู่แล้ว
"แล้วท่านลุงรองว่างหรือไม่เจ้าคะ ข้าเห็นว่างานในที่นายังไม่มีคนช่วย ท่านลุงใหญ่กับพวกพี่ชายก็ต้องหยุดงานมาช่วยบ้านสามอีก เลยรู้สึกเกรงใจเท่านั้นเจ้าค่ะ"
"หึ.. อย่างไรเจ้ามันก็เป็นเด็กสาวโง่งม งานในไร่นาระยะนี้ก็มีแค่แบกน้ำจากแม่น้ำไปรดต้นข้าวเท่านั้นล่ะ จ้างคนในหมู่บ้านวันละ 10 อีแปะก็ได้แล้ว แต่ช่างไม้น่ะเจ้าต้องจ่ายถึงวันละ 30 อีแปะ ให้ลุงรองเจ้าไปซ่อมบ้านแล้วจ้างคนไปแบกน้ำแทน ข้ายังเหลือกำไรอยู่เลย" ไป๋หยูอี้เอานิ้วออกมากางนับให้หลานสาวดูอย่างอวดฉลาด
จางเฟยอีกลอกตามองบนรอบหนึ่ง เรื่องผลประโยชน์ของตนเองล่ะก็ป้าสะใภ้รองฉลาดขึ้นมาทันทีเลยเชียว
นางอ่านนิยายน้ำเน่าที่ครอบครัวยากจน แล้วตัวเอกต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว ครอบครัวสกุลจางยังไม่ได้เลวร้ายจนเกินจะเยียวยา นางจะลองเอาความดีมาเอาชนะดูสักตั้ง อย่างไรก็จะแยกกันอยู่ อยู่แล้วถ้าไม่ไหวค่อยตัวใครตัวมัน
"เช่นนั้นก็ดีเลยเจ้าค่ะ ค่าจ่ายค่าแรงท่านลุงรองกับท่านลุงใหญ่ คนละ 30 อีแปะ พี่จื่อฉี จื่อเจี้ยน และพี่ลี่จิ่นข้าให้คนละ 20 อีแปะ ตกลงไหมเจ้าคะ"
"ไอหยา..หลานสาวเจ้าให้ค่าแรงบ้านรองไปเถอะ แต่กับบ้านใหญ่ข้า เจ้าไม่ต้องจ่ายหรอก"
"ไม่ได้เจ้าค่ะท่านลุงใหญ่ แยกบ้านกันแล้วเงินของข้า ที่ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งไว้ให้ก็ยังมีอยู่อีก เราควรแยกเรื่องเงินกันให้ชัดเจน หากต้องจ้างผู้อื่นข้าก็ต้องจ่ายค่าแรงเช่นกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ"
จางต้าฉวนมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย หากปฎิเสธไม่รับเงินจากหลานสาวก็จะทำให้น้องชายคนรองลำบากใจ บ้านรองมีบุตรสี่คนจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ แต่หากเขารับเงินไว้ก็ดูเหมือนเป็นคนใจคับแคบ ช่วยเหลือบ้านสามนิดหน่อยก็จะเรียกเอาเงินทอง จึงได้แต่ทำท่าทางกระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น
“ท่านลุงใหญ่เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเรารีบไปกันดีกว่าเจ้าค่ะ หากพวกท่านไม่สบายใจก็ออกแรงทำงานให้มากหน่อยจะได้เสร็จเร็วๆ ข้าก็ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างหลายวันดีหรือไม่เจ้าคะ”
นางไม่คิดจะสร้างความลำบากใจให้กับผู้ใด นางอยากจะช่วยครอบครัวสกุลจาง แต่จะให้เอาของจากมิติออกมาแจกจ่าย ก็คงจะทำไม่ได้ การจ้างแรงงานท่านลุง และพี่น้องจึงเป็นทางเดียวที่นางคิดออกในเวลานี้
จางต้าฉวนคิดตามแล้วก็เห็นว่าหลานสาวของเขาพูดถูก แม้เขาจะได้รับค่าแรงแต่หากทำงานให้มากขึ้นอีกหน่อย เลิกงานให้ช้าลงอีกนิดก็นับว่าได้ช่วยเหลือครอบครัวบ้านสามแล้ว จึงรู้สึกสบายใจขึ้น
“ก็ได้ๆ เอาตามเจ้าว่านี่ล่ะ รีบไปกันเถิด”
"ไปๆๆ รีบไปกันเลยเดี๋ยวข้าจะไปหาคนมาช่วยงานในที่นาเอง เฟยอีเจ้าก็เอาค่าแรงของต้าหลางกับลี่จิ่นมาให้ข้าเสียเลย ข้าจะได้ไปจ่ายผู้อื่นเขาอีกทอด"
ไป๋ซื่อแบมือกระดิกนิ้วไปทางจางเฟยอีอย่างสำราญใจ ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง หลายบ้านต้องซ่อมแซมบ้านเรือนให้ดีเพื่อป้องกันความหนาวเย็น
นางจะใช้โอกาสนี้ประกาศกับชาวบ้านว่าสามีและลูกชายรับจ้างซ่อมแซมและทำงานช่างไม้ได้ งานในที่นาก็อาศัยจ้างชาวบ้านคนอื่นมาทำแทน นางก็จะได้กินกำไรค่าส่วนต่างได้อีกหลายอีแปะเลยทีเดียว
จางเฟยอีก็ไม่ได้อิดออดให้มากความอันใด นับเงิน 70 อีแปะส่งให้ป้าสะใภ้รองทันที
..........
บ้านเดิมของท่านย่าอยู่บริเวณท้ายสุดของหมู่บ้าน ด้านหลังติดกับลำธารสายเล็กๆ ซึ่งเวลานี้น้ำแห้งขอดจากการที่ฝนไม่ตก จนพื้นดินด้านล่างแตกระแหง ข้ามลำธารไปก็เป็นภูเขาหัวโล้นเตี้ยๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่มากนัก ต้องข้ามภูเขาเตี้ยลูกนี้ไปจึงจะเข้าสู่ป่าทึบที่ชาวบ้านมักจะไปล่าสัตว์ กันที่นั่น ส่วนภูเขาที่ชาวบ้านขึ้นไปเก็บของป่ากันบ่อยๆนั้น อยู่ทางตะวันตกอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้าน เวลานี้ใบไม้บนภูเขาต่างก็ร่วงโรยเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานฤดูหนาวก็กำลังจะมาถึง
จางเฟยอีมองเห็นรั้วไม้เก่าๆ ผุพัง ที่สร้างล้อมรอบบริเวณบ้านเอาไว้แต่ไกล ที่ดินเจ็ดหมู่ที่บ้านสามได้มานั้น เฉพาะบริเวณบ้านที่ล้อมรั้วเอาไว้ก็มีเนื้อที่ราวหนึ่งหมู่แล้ว ที่เหลืออีกหกหมู่เวลานี้บ้านสกุลจางได้ใช้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวสาลีเอาไว้ทั้งหมด ภายนอกรั้วทั้งหมดจึงยังดูสะอาดไม่มีหญ้ารกขึ้นสูงให้รำคาญตา
"พี่ใหญ่ข้าวิ่งเข้าไปดูข้างในก่อนได้หรือไม่ขอรับ" จางเฟนเทียนกระโดดโลดเต้น ตื่นเต้นกับการจะได้มาอยู่ที่บ้านใหม่
จางเฟยอีคิดจะห้ามน้องชาย แต่ก็ไม่ทัน เจ้าเด็กตัวเล็กวิ่งนำหน้านางไปหน่อยแล้ว
"อ๋าาาา" เสียงจางเฟยเทียนร้องตกใจ เพราะจางจื่อฉีคว้าหมับเข้าที่หลังคอเสื้อเขา ยกเขาขึ้นสูงแล้วปล่อยให้แขนขาห้อยลงมาราวกับลูกสุนัขตัวจ้อย
"ในบ้านไม่เคยมีใครเข้าไปนานแล้ว จะมีสัตว์มีพิษอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ้าดูแลน้องสาวสองคนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างนอกนี่ก่อน อีกเดี๋ยวจะให้พี่สาวเจ้าออกมาเรียก"
ไหนเลยที่จางเฟยเทียนจะสลดกับการที่ถูกพี่ชายหยุดร่างเอาไว้ เขากลับหัวเราะเอิ้กอ้าก ขอให้จางจื่อฉี ยกเขาขึ้นลงอีกสองสามครั้งอย่างชอบใจ
"พอหรือยัง ได้เล่นแล้วทีนี้ก็ดูแลน้องสาวนะ" จางจื่อฉีขยี้ผมเด็กชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
"ได้ขอรับ พวกท่านไปทำงานกันได้เลย ไม่ต้องห่วงพวกเราสามคน"
จางเฟยเทียนจูงมือจางลี่เจี๋ยและจางลี่หลินไปทางต้นไม้ใหญ่ หาที่นั่งให้น้องสาวสองคนดี แล้วก็ล้วงเอาถั่วแระต้มสุกที่แกะเปลือกเรียบร้อยแล้ว ที่พี่สาวให้เขามาตอนเช้า มายัดใส่ในมือน้องสาวคนละ 1 กำ
"ขอบคุณพี่เฟยเทียน" สองเด็กหญิงโผเข้ากอดพี่ชายวัยเดียวกันอย่างดีใจ อยู่กับพี่ชายตัวเล็กดีที่สุด มีอาหารให้นางทั้งสองคนได้กินหลายครั้งแล้ว
จางเฟยเทียนแก้มแดงแปร๊ดขึ้นมาทั้งสองข้าง เขาเขินอายเหลือเกินแล้ว แต่ยังแสร้งทำหน้านิ่งราวกับเป็นผู้ใหญ่ต่อไป วันนี้พี่รองจางเฟยหรงอาสาจะไปทำงานในนาก่อน ไม่ได้มาทำความสะอาดบ้านใหม่ด้วยกัน เขาต้องดูแลน้องสาวให้ดี
..........
บุรุษทั้งห้าคนจากบ้านสกุลจางเปิดประตูรั้วไม้เข้าไปในบริเวณลานบ้าน พบว่าด้านในที่ไม่มีใครเข้ามานานมากแล้ว มีหญ้าสูงและไม้เลื้อยเกี่ยวพันไปทั่วบริเวณ พวกเขาต้องใช้มีดและจอบที่นำมาด้วยถากถางหญ้าสูงด้านในเป็นทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
จางต้าฉวนและจางต้าหลางเข้าไปสำรวจในตัวบ้านก่อน เมื่อไม่พบว่ามีงูหรือสัตว์อื่นมาอาศัยอยู่แน่แล้วถึงได้เริ่มเปิดประตูหน้าต่างสำรวจข้างในเรือนไปทีละห้อง
"ตัวบ้านมีหลังคาที่ต้องเปลี่ยนกระเบื้องราว 20 แผ่น พื้นไม้ตรงบริเวณที่หลังคารั่วเสียหายต้องเปลี่ยนเป็นบางส่วน ขอบประตูหน้าบ้านผุพังไปหนึ่งบาน และก็มีเตาในครัวที่ใกล้จะพังเต็มที่แล้วต้องสร้างขึ้นมาใหม่ โครงสร้างบ้านค่อนข้างจะแข็งแรงดีอยู่ นอกจากนี้ก็เหลือเพียงรั้วรอบนอกเท่านั้นที่ผุพังไป" จางต้าหลางอธิบายให้หลานสาวของเขาฟัง
"ต้องใช้เงินเท่าใดหรือเจ้าคะท่านลุงรอง"
"มีกระเบื้องเท่านั้นที่ต้องซื้อ ราคาราว 500 อีแปะ พวกไม้ข้าจะไปตัดบนเขามาใช้ทำเองก็ได้แล้วไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน ตัวบ้านและเตาในครัวทั้งหมดนี่ทำสามวันก็เสร็จ แต่หากจะซ่อมรั้วด้านนอกทั้งหมดคงต้องจ้างคนไปช่วยตัดไม้มาเพิ่ม"
"ค่ากระเบื้อง 500 อีแปะ ค่าแรงวันละ 120 อีแปะ สามวันเป็นเงิน 360 อีแปะ เผื่อค่าเกวียนที่ต้องไปรับกระเบื้อง กับเผื่อขาดเหลือไว้อีก รวมแล้วก็คงไม่เกิน 900 อีแปะ ข้าคงซ่อมแซมได้แค่เพียงตัวบ้านเท่านั้นเจ้าค่ะ รั้วบ้านค่อยทำทีหลังแล้วกัน"
จางต้าหลางคิ้วกระตุกขึ้นมาทีหนึ่ง หลานสาวเหตุใดถึงคิดอ่านได้รอบคอบ นางบอกกับทุกคนแล้วว่านางมีเงินเก็บสองตำลึงเศษ นางเสนอให้บิดาของเขาจางอู่เกินหยิบยืมไว้ซื้อเสบียงอาหาร แต่ทุกคนต่างก็ปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน เพราะนางแยกบ้านสามออกมายังต้องมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายในภายหน้า
ไม่คิดว่าหลานสาวที่ถือเงินจำนวนมากอยู่กลับรู้จักใช้ ลำดับเรื่องสำคัญก่อนหลังได้เป็นอย่างดีเขาก็รู้สึกสบายใจกับบ้านสามมากยิ่งขึ้น
“เช่นนั้นวันนี้ก็รื้อหลังคากับส่วนที่พังลงมาก่อน ทำความสะอาดห้องที่ใช้พักได้ กับถางหญ้ารอบบ้านนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้ไปซื้อกระเบื้องกับตัดไม้ วันมะรืนก็มุงหลังคากับทำเตาในครัวเสียใหม่ก็เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว” จางต้าหลางหันไปกล่าวกับทุกคน