ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากอายออกไปแล้ว
ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเรียนบัญชีปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยเดียวกับฉันเลย เดี๋ยวคงต้องพาไปทำความรู้จักกับสีเพลิงซะหน่อยแล้ว
ฉันไม่ซีเรียสที่เธอเป็นน้องสาวแอล ขอแค่คบได้ ไม่เลวร้ายเหมือนพี่ชายของเธอ... ฉันก็โอเค
“ฉันต้องไปมอ” หลังจากปล่อยให้ความเงียบเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่มาร่วมหลายนาที ในที่สุดฉันก็เป็นฝ่ายทำลายความอึดอัดเหล่านั้นซะเอง ส่วนแอลนั่งเอาขาพาดโต๊ะพลางคาบบุหรี่ด้วยท่าทางห่ามๆ
นัยน์ตาคมกริบเคลื่อนมาทางฉันซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา พอไม่มีน้องสาวที่น่ารักอยู่ด้วยก็มีกลิ่นอายชั่วร้ายทันทีเลยนะ
“อย่ามาโกหก คิดว่าฉันไม่รู้ตารางเรียนของเธอเหรอพลัม” ฉันซ่อนหมัดไว้ด้านหลังอย่างโมโห นอกจากขังฉันไว้ที่นี่ทั้งคืนแล้ว ยังถือวิสาสะสืบเรื่องตารางเรียนฉันอีกเหรอ
บัดซบไม่มีใครเกิน!
“งั้นนายก็ให้ฉันออกไปจากที่นี่สักที่สิ จะรั้งไว้เพื่อ?” ฉันเริ่มฉุน จังหวะนั้นสายตาหลุบมองแจกันดอกไม้บนโต๊ะด้านหน้าพอดี ถ้าแอลยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก ฉันคงได้มือลั่นคว้ามันมาทุบเขาจนเลือดไหลแน่
“ก็มาอยู่ด้วยกันซะสิ” แอลพ่นควันบุหรี่ออกมาในจังหวะที่เอ่ยเชิญชวนฉัน เขามองหน้าฉันผ่านกลุ่มควันสีเทาขุ่น แววตาคู่นั้นแสดงออกว่าไม่ได้ล้อเล่น “ถ้าไม่อยากถูกขังหรือถูกรั้งให้น่ารำคาญ อยู่ด้วยกันก็จบ”
“คิดว่าฉันอยากอยู่กับคนแบบนายเหรอแอล พิจารณาตัวเองหน่อยไหม” ฉันยืนขึ้น “อย่ามาพูดเหมือนอะไรมันได้มาง่ายๆ” ยิ่งมองหน้าเขามันยิ่งทำให้ฉันโกรธตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยให้ไปทั้งหัวใจ
โกรธที่เคยทนกับทุกๆ อย่างในตัวเขาและต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดซะเอง
“อ๋อเหรอ?”
“นาย...”
ติ๊งต่อง!
ก่อนที่ฉันจะทันได้ด่าเขาให้สาสมกับความโกรธ อยู่ๆ เสียงออดก็ดังขึ้นจนแอลต้องเดินเฉียดไหล่ฉันไปเปิดให้ ฉันหันไปมองตามสัญชาตญาณจนพบว่ามีผู้ชายท่าทางแข็งแรงจำนวนสามคนกำลังขนข้าวของและสัมภาระคุ้นตาเข้ามาในห้องอย่างขะมักเขม้น
หัวใจฉันหล่นวูบทันทีเมื่อรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นของตัวเอง!
“ก็พูดไปงั้น ฉันจัดการเองดีกว่า ง่ายดี” แอลเดินมากระซิบข้างหูฉัน ก่อนใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวฝังแน่นที่ผิวแก้มข้างนั้นแบบเน้นๆ มันเป็นการหอมแก้มที่... รุนแรงจนฉันเซไปอีกทาง “อยู่กับฉัน... ขอให้มีความสุขละกัน”
รอยยิ้มอาบยาพิษถูกส่งตรงมาที่ฉัน
จากนั้นคนเผด็จการก็เดินกลับไปนั่งกระดิกเท้าบนโซฟาตัวเดิม มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันโกรธจนจนร้อนระอุไปทั้งอกเหมือนถูกไฟสุม กำปั้นของฉันสั่นระริกจนควบคุมไว้แทบไม่อยู่
ถ้าต่อยเขาแรงๆ สักที ไอ้ความรู้สึกพวกนี้มันจะหายไปไหมนะ
หรือต้องฆ่าเขาให้ตายคามือ... ฉันถึงจะสาแก่ใจ
สองชั่วโมงต่อมา...
เช้านี้นอกจากเรื่องความเอาแต่ใจของแอล ฉันค้นพบว่ายังมีเรื่องน่าปวดหัวอีกหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือฉันประจำเดือนมาแบบกะทันหัน!
แม้เมื่อคืนจะมีอาการหน่วงๆ ที่ท้องบ้าง แต่เพราะมันยังไม่ถึงช่วงเวลาของรอบเดือนไงฉันเลยคิดว่าไม่มีอะไร จนกระทั่งเข้าห้องน้ำนั่นแหละจึงได้คำตอบ
ก็นะ เวลาฉันเครียดหรือมีเรื่องให้คิด ฮอร์โมนมักเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทุกที หนักสุดคือประจำเดือนไม่มาสองเดือนติดจนต้องไปหาหมอ ถึงได้รู้ว่าความเครียดมีผลกระทบต่อเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน
เมื่อเช้าตอนตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา โชคดีที่ฉันไม่เห็นรอยเปื้อน แต่ก็โชคร้ายที่ผ้าอนามัยซึ่งซื้อมาตุนไว้เพิ่งหมดไปเมื่อเดือนก่อน ทึ่มจริงๆ เลยไอ้พลัมเอ๊ย!
“ฮึ่ย!” ฉันกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียวในห้องน้ำของแอล กะว่าจะวางแผนพาตัวเองออกไปจากที่นี่สักหน่อย
แต่ก็นะ...
เสียเวลานั่งอยู่ในนี้ให้ตายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ฉันจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นแอลนั่งเล่นเกมเพลย์อยู่ที่ห้องรับแขก ฉันยืนเยื้องเขาไม่ไกลนัก ทำให้เขาเห็นและกดปุ่มPause ทันที ก่อนหันมาทางฉันในท่าขัดสมาธิ เพิ่งเห็นว่าเขาเอาหน้าม้าขึ้นแล้วใช้หนังยางมัดจุกเหมือนเด็ก
แอลเป็นคนขี้ร้อน เขามักรำคาญเวลาผมแยงตา
“มีอะไร?” เขาเป็นฝ่ายถามในขณะที่ฉันยืนเม้มริมฝีปากอยู่จุดเดิม ผ่านไปหลายวินาทีฉันจึงพูดมันออกไป
“ฉันอยากออกไปข้างนอก”
หนึ่ง... ฉันต้องรีบไปซื้อผ้าอนามัยก่อนที่มันจะซึมจนเลอะมากไปกว่านี้ และสอง... ถ้าออกไปข้างนอกฉันอาจหาทางหนีไปจากเขาได้ หลังจากนั้นค่อยโทรเรียกตำรวจ ครั้งนี้ฉันจะฟ้องหนักๆ เอาแบบไม่ให้ออกมาลอยหน้าลอยตาได้อีก
คิดว่าลุงตัวเองมีอิทธิผลแล้วไง ในเมื่อเขาทำผิดจริงก็ต้องได้รับโทษ!
จงไปนอนเล่นในคุกซะ
“จะไปไหน” แอลลดโทนเสียงจนต่ำลง “ฉันอยากฟังเหตุผลดีๆ ของเธอ”
“ฉันเป็นเมนส์!” อดไม่ได้ที่จะตะเบ็งเสียงใส่ ทำตัวมีอำนาจอยู่ได้ น่าโมโหจริงๆ
แอลชะงักไปเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆ เคลื่อนลงต่ำจนหยุดที่ช่วงสะโพกฉัน เป็นสายตาอ่านยาก “นั่งบื้ออยู่ได้ เลือดจะหมดตัวอยู่แล้ว ฉันต้องไปซื้อผ้าอนามัยเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ต้อง” แอลลุกขึ้นยืนในที่สุด เขาบิดขี้เกียจสองสามครั้งก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อดังเตรียมออกไปข้างนอก “เดี๋ยวไปซื้อให้ ลอรีเอะมีปีก ใช้แบบของกลางคืนยี่สิบเก้าเซนฯ” เขารัวแบบไม่ติดขัด
ขะ เขา ไอ้...
ฉันช็อก ไม่ได้ช็อกที่เขารู้ แต่ช็อกที่เขาจำได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง
เอ่ยจบแอลก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือของฉัน แฟรชไดรฟ์ที่ฉันเก็บงานไว้กว่า 60% รวมถึงกระเป๋าสตางค์ฉันติดตัวไปด้วย นั่นเพราะเขารู้ว่าสามสิ่งนี้เป็นของสำคัญที่ฉันขาดไม่ได้
ฉันยืนหายใจฟึดฟัดขณะมองแอลที่ออกจากห้องไปในสภาพ...
เสื้อกล้าม กางเกงบ๊อกเซอร์ มัดจุก รองเท้าแตะ
ทุเรศจริงๆ
[บทบรรยาย :: แอล]
ผมใช้เวลาซื้อของที่ลูกพลัมต้องการไม่นานก็กลับเข้าห้องมา ก่อนพบว่ามันเงียบสงบจนเหมือนไม่มีใครอยู่ จังหวะนั้นผมกวาดสายตาไปรอบๆ มองข้าวของเครื่องใช้ของเธอ จนเห็นว่ามันไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายหรือมีอะไรผิดปกติ จึงมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอต้องอยู่ในห้องน้ำ
ก๊อกๆ
ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนเคาะประตูเรียกสองครั้ง ประมาณสิบวินาทีประตูห้องน้ำจึงถูกเปิดจากคนด้านใน เราสบตากันแวบแรก ก่อนลูกพลัมจะหลุบตามองถุงขนาดใหญ่ในมืออีกข้างของผม
“เอามา” เธอแบมือมาตรงหน้าพร้อมกับน้ำเสียงห้วนๆ เหมือนไม่อยากคุย นั่นสั่งให้ผมชักมือกลับ
“ทำไง?” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนประสาท เข้าใจสภาพอารมณ์ตอนนี้ของลูกพลัมดี แต่... “ตรงนี้”
ผมใช้นิ้วจิ้มแก้มด้านขวาที่จงใจทำให้พองลม ระหว่างนั้นผมไม่ได้ละสายตาไปจากเธอเลย จึงเห็นว่าเธอกำลังสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น
“นายมันไม่หน้าไม่อาย” ลูกพลัมต่อว่าผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์จริงๆ แต่สุดท้ายเธอก็ขยับเข้ามาใกล้จนระยะห่างของเราลดลง เธอเงยหน้าขึ้นมา... ส่วนผมหลุบตาลงมองเธอ
เกิดความเงียบชั่วขณะหนึ่ง และความเงียบนั้นถูกทำลายด้วยเสียง ‘เพียะ!!’ พร้อมๆ กับใบหน้าของผมที่หันเหไปตามแรงตบ...
ลูกพลัมใช้มือฟาดแก้มข้างที่ผมพองลมเอาไว้ ร้ายกาจชะมัด...
ผมกระตุกยิ้มและแค่นหัวเราะ ในจังหวะที่หันกลับมาก็เห็นว่าเธอฉวยเอาผ้าอนามัยจากมือผมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังจะปิดประตูห้องน้ำใส่ผมด้วย โชคดีที่ผมยันไว้ทัน
ลูกพลัมถลึงตามอง ตบผมจนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวขนาดนี้ยังไม่หายเกรี้ยวกราดอีกเหรอ
ถ้าไม่เห็นว่าเป็นมนุษย์เมนส์ล่ะก็...
“รีบๆ จะได้มากินข้า...ว”
ปึง!!
ลูกพลัมไม่รอให้ผมพูดจบก็เหวี่ยงประตูด้วยเรี่ยวแรงที่มากขึ้น ผลสุดท้ายผมจึงทำได้แค่ปล่อยให้มันปิดใส่หน้าตัวเองอย่างนั้น ไม่กี่วินาทีต่อมาผมตัดสินใจเดินกลับไปหยิบข้าวกล่องที่แวะซื้อก่อนกลับมาเพราะกลัวว่าลูกพลัมจะหิวตายซะก่อน สิ่งที่ผมทำต่อจากนั้นคือเทมันทิ้งลงขยะ
อย่ากินมันเลย
ผมมองเศษอาหารในถังขยะเล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินกลับมานั่งเล่นเกมเพลย์ต่อ กินไปเวลาหลายนาทีลูกพลัมจึงออกมาจากห้องน้ำ เสียงฝีเท้าของเธอดังกระทบโสตประสาทผม ทว่าผมเลือกที่จะไม่ยี่หระ
มันเป็นแบบนั้นร่วมชั่วโมง จนผมต้องละความสนใจจากเกมเพลย์แล้วหันไปหาลูกพลัมซึ่งนั่งอยู่อีกฟากอย่างเบื่อหน่าย เธอเลื่อนสายตามาทางนี้พอดี ทำให้เราสบตากันอย่างช่วยไม่ได้
เธอชักสีหน้าใส่ผมโดยอัตโนมัติ ส่วนผมทำได้แค่เบือนสายตาไปอีกทาง หาโน่นนี่ทำไปเรื่อยเพื่อฆ่าเวลา บ้างก็ต่อเลโก บ้างก็ถ่ายรูป ผมทำแบบนี้ทั้งวันจนตกเย็น...
หลังจากออกไปสูบบุหรี่และถ่ายรูปทิวทัศน์ที่นอกระเบียง ผมก็กลับเข้ามาด้านในอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ผมเห็นลูกพลัมนอนหลับบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตอนแรกกะจะอุ้มไปนอนในห้องดีๆ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อผิวหนังเราสัมผัสกัน... ร่างกายเธอร้อนผ่าวจนผมเริ่มตระหนักบางสิ่งได้
“พลัม” ผมเรียกชื่อเธอทันที
“...” แต่ลูกพลัมไม่ตอบสนอง ลมหายใจเธอถี่กระชั้นและร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่เมื่อคืน... ผมลากเธอขึ้นบิ๊กไบค์มาที่นี่โดยไม่สนใจสายฝนที่กำลังตกลงมา
เรามีปากเสียงกันอย่างยาวนานจนเธอเหนื่อยและสลบไปบนเตียงของผม และใช่ ตอนนั้นเธอยังอยู่ในชุดเดิม ไม่ได้กินยา ไม่ได้อาบน้ำ หรือเช็ดตัว ตอนผมสัมผัสเธอในตอนเช้า ไออุ่นเล็กๆ ไม่ได้ทำให้ผมเฉลียวใจสักนิด
ตอนสายเธอบอกว่าประจำเดือนมา แถมผมยังเทอาหารที่ซื้อมาลงถังขยะหมดแล้วด้วย
ไม่สบายในช่วงเวลาที่ประจำเดือนมา แล้วยังไม่ได้กินข้าวอีก แบบนี้มัน...
“แม่งเอ๊ย” ผมสบถ พลางกระชับเธอไว้ในอ้อมแขน ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือผมต้องพาเธอไปหาหมอก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที
“เธอเป็นไข้ทับระดูค่ะ ในกรณีของเธอไข้ไม่สูงมากจนเป็นอันตราย หมอแนะนำให้เธอนอนพักผ่อนเยอะๆ หมั่นดื่มน้ำอุ่น รับประทานอาหารให้เพียงพอนะคะ”
“ครับ”
“อย่าคิดว่าหมอไม่รู้นะคะว่าแฟนของคุณไม่ได้ทานอะไรเลยในวันนี้ ถ้าไม่อยากให้เธออาการแย่จนเป็นลมอย่างวันนี้อีกก็ดูแลเธอดีๆ ด้วยนะคะ เข้าใจหรือเปล่า?”
หมอดุฉิบหาย!
ผมหน้าบูดมาตลอดทางเพราะถูกคุณหมอผู้หญิงท่าทางใจดีแต่ดุยิ่งกว่าแม่เฉ่งมาจนหูชา ดูเหมือนคุณหมอจะดูออกว่าผมและลูกพลัมมีเรื่องระหองระแหงกันจนทำให้เธอไม่ได้กินข้าว คุณหมอคนสวยเลยโทษผมเต็มๆ นั่งสั่งสอนผมชุดใหญ่จนไม่กล้าเถียง
“ฉันหิวข้าว!!” แล้วก็นะ ลูกพลัมน่ะมีสติตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้ว คุณหมอให้เธอนอนพักและให้น้ำเกลืออยู่เป็นชั่วโมง เนี่ย พอตื่นขึ้นมาก็ทำตาขวางใส่ ยิ่งใหญ่ใส่ผมตลอดทาง
“เออ เดี๋ยวซื้อให้” ผมตอบและแอบมองลูกพลัมผ่านกระจกรถ เธอนั่งซ้อนท้ายผม แทบจะไม่อยากกอดผมเลย “อยากกินไร”
“เอาอะไรมาก็ได้ ซื้อมาให้หมดเท่าที่เงินในกระเป๋านายมี”