หล่อนถามเขา แต่คนตัวโตกลับไม่คิดจะเสวนากับหล่อนเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเดินกลับไปยังร่างของพี่ชายหล่อนที่นอนแน่นิ่งทันที หญิงสาวตัดสินใจในนาทีนั้นที่จะวิ่งตามเขาไป แต่แขนของหล่อนก็ถูกเจ้าการ์ดคนหนึ่งคว้าเอาไว้ได้ซะก่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนต้องใช้มืออีกข้างฟาดใส่หน้าของมัน
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ...”
เมื่อสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของพวกการ์ดนั้นได้ หญิงสาวก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเข้าไปประคองร่างของพี่ชายตัวเองทันที เฟเบียนหรี่ตามองเขม็ง
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว... ก็ไปซะ”
ลัลนาเงยหน้ามองคนตัวโตที่ยืนตระหง่านค้ำศีรษะอยู่ด้วยสายตาแค้นเคือง
“เขาเป็นพี่ชายของฉัน... ห้ามทำอะไรเขาเด็ดขาด...”
เฟเบียนแสยะยิ้มหยัน ยกมือห้ามลูกน้องตัวเองที่กำลังจะเข้ามาลากลัลนาเอาไว้ ก่อนจะหันมาพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชาน่ากลัว
“พี่ชายของเธอทำผิด... และเขาจะต้องได้รับโทษ”
“แต่คุณก็ซ้อมเข้าจนปานตายแล้วนี่ ยังจะเอาอะไรอีก”
“เธอยังไม่รู้จักพี่ชายของตัวเองดี... ออกไปซะเถอะ อย่าให้ฉันต้องให้ลูกน้องโยนเธอออกไปเลย” เขาพูดอย่างเลือดเย็น สายตาของเขาไม่มีแววผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย
ลัลนามองพี่ชายด้วยความสงสาร ยกมือขึ้นซับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากให้เบาๆ แม้ลิขิตจะทำตัวไม่ดี จะก่อเรื่องให้หล่อนเสมอ แต่หล่อนก็รักเขา เขาเป็นพี่ชายของหล่อน และแน่นอนว่าหล่อนจะไม่มีทางปล่อยให้เขาต้องตายเพราะถูกพวกนักเลงบาปพวกนี้ซ้อมแน่
“แต่ฉันไม่ยอม... ฉันจะพาพี่ชายของฉันกลับไปด้วย”
“ออกไปอีหนู...” เสียงของการ์ดคนหนึ่งแทรกขึ้นมา
ลัลนาหันขวับไปมองตาเขียว ก่อนจะตวาดออกไปเสียงขุ่น “ฉันไม่ใช่อีหนู หรืออีตัวของใครทั้งนั้น และฉันบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่าฉันจะสู้ตาย หากพวกคุณจะทำร้ายพี่ชายของฉันอีก”
เฟเบียนส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเบื่อหน่าย และในที่สุดเขาก็หันไปสั่งลูกน้องของตัวเองเสียงทรงอำนาจ “เอาเธอออกไป...”
“ครับ คุณเฟเบียน...”
และร่างของหล่อนก็ถูกหิ้วปีกอีกครั้ง แต่หล่อนไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ หรอก หญิงสาวต่อสู้กับการ์ดจำนวนหลายคนด้วยชั้นเชิงของนักสู้ผู้จนตรอก เฟเบียนยืนมองจนเห็นหญิงสาวเหนื่อยและทำท่าทางจะเพลี่ยงพล้ำนั้นแหละถึงได้ส่งสัญญาณให้ลูกน้องหยุดมือ
“พอ...”
ยังกับว่าเสียงของเฟเบียนคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะเสียงทรงอำนาจนั้นดังขึ้น ทุกคนก็หยุดชะงักในทันที การ์ดคนที่กำลงจะยกมือขึ้นตบหน้าหล่อนก็พลอยหยุดมือไปด้วย และนั่นก็ทำให้หล่อนได้โอกาสใช้เท้าถีบเข้าไปที่กล่องดวงใจของคู่ต่อสู้เต็มแรง จากนั้นหล่อนก็วิ่งเข้าไปกอดร่างของพี่ชายอีกครั้ง
“ในเมื่อเธออยากได้เรื่อง...”
ทั้งสายตาและน้ำเสียงของเฟเบียนน่ากลัวเหลือเกิน แต่ด้วยความห่วงใยที่มีต่อพี่ชายก็ทำให้ลัลนายังคงนั่งนิ่งไม่ไปไหน แถมยังเพิ่มแรงกอดร่างของลิขิตมากขึ้นอีกด้วย
“ฉันก็จะจัดให้... และอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะเวลาที่ฉันจัดการกับเธอน่ะ”
“คุณจะทำอะไรฉัน?” ถามออกไปหน้าตาตื่น แต่คนถูกถามกลับหัวเราะเลือดเย็นซะงั้น
“ก็ปกติผู้ชายเขาทำยังไงกับอีตัวกันล่ะ ฉันก็จะทำแบบนั้นกับเธอนั้นแหละ”
แล้วร่างของหล่อนก็ถูกกระชากให้ลุกขึ้นด้วยมือหนาใหญ่และทรงพลังของเฟเบียน คราวนี้ไม่ว่าหล่อนจะใช้หมัด ใช้ศอก หรือใช้เท้าก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการเถื่อนเหมือนกับที่หล่อนเคยทำกับลูกน้องของเขาได้เลย เพราะผู้ชายคนนี้รู้ทันหล่อนทุกอย่าง เขาแสยะยิ้มร้ายกาจ มองหล่อนด้วยสายตาดูแคลน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเข้ามาภายในนี้ได้ยังไง... แต่เธอจะไม่มีวันได้ออกไปโดยที่เหงื่อไม่ออกแน่”
“นี่ปล่อยฉันนะ! อย่ามาแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด”
หญิงสาวออกแรงดิ้นรนสุดกำลังเมื่อพ่อคนตัวโตใช้เพียงแค่มือข้างเดียวจับที่เอวคอดของหล่อน เท่านั้นเองเขาก็สามารถยกร่างของหล่อนให้ลอยขึ้นและตามเขาไปในทุกๆ ที่ที่เขาต้องการจะไป เขาแข็งแรงมาก ทรงพละกำลังมากเหลือเกิน หญิงสาวดิ้นรนแต่ทุกอย่างก็ไร้ผล เฟเบียน บราวน์ไม่สะทกสะท้านต่อการขัดขืนของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
ทางเดินที่ถูกปูด้วยพรมหนาสีเดียวกับด้านนอกถูกเท้าใหญ่ย่ำหนักๆ เขาเดินเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะถึงบันไดวนที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างน่ามองด้วยกระเบื้องเคลือบสี และเมื่อขึ้นมายังชั้นที่สอง ใช่... มันคือชั้นที่สองนั่นแหละ หากหล่อนนับไม่ผิดนะ
“คุณจะพาฉันไปไหน?”
ในที่สุดความเหนื่อยล้าก็พัดเข้าใส่กายสาวจนทั่วทุกรูขุมขน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเลิกดิ้นรน เลิกขัดขืน และเริ่มต้นใช้สมองอีกครั้ง
“เตียง...”
คำตอบสั้นๆ แต่มีความหมายมากมายเหลือเกิน ทำให้หล่อนถึงกับเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเติ่งด้วยความตื่นตกใจ นี่หล่อนหูฝาดไปหรือเปล่านะ ใช่... หล่อนอาจจะหูฝาด ดังนั้นหล่อนต้องถามเขาใหม่อีกครั้ง
“เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ถนัดนัก... คุณจะพาฉัน...”
ยังถามไม่ทันจบประโยคเลย พอคนตัวโตที่กำยำทรงพละกำลังไปทั่วทั้งเรือนกายก็เค้นเสียงตอบออกมา แม้มันจะแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่ทำไมนะ ทำไมมันถึงได้ดังกึกก้องในโสตประสาทของหล่อนนัก
เตียง...
เขาบอกว่าจะพาหล่อนไปที่เตียง...
ตอนนี้ความรู้สึกของลัลนายิ่งกว่าตกลงไปในขุมนรกเสียอีก คลื่นความหวาดกลัวซัดเข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรง สมองทำงานได้ไร้ประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่หล่อลากไส้อย่างเฟเบียน บราวน์คนนี้
“เตียง...?” หญิงสาวทวนคำพูดของเขาเบาๆ ทำราวกับว่าพจนานุกรมในหัวของหล่อนไม่มีคำว่าเตียงอยู่ในนั้น
“ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าเธอจะทำเป็นไม่รู้จักความหมายของเตียงน่ะ” เขาพูดขึ้นคล้ายกับรำคาญเต็มทน
“แต่เวลาอยู่บนเตียงด้วยกัน ฉันหวังว่าเธอจะแสดงความสามารถทั้งหมดที่มีออกมาโดยไม่กั๊กเอาไว้” จบคำพูดที่ทำให้สมองและทุกส่วนในร่างกายของหล่อนตายดับ ประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถูกเฟเบียนเปิดออก จากนั้นเขาก็ใช้ส้นเท้าดันให้มันปิดลงอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เพราะฉันไม่ชอบสอนเรื่องบนเตียงให้กับใคร...”
“ว๊าย...!”
หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนที่หิ้วปีกหล่อนด้วยมือข้างเดียวนั้นก็จับร่างบอบบางเล็กกะทัดรัดของหล่อนโยนลงบนเตียงสี่เสาขนาดยิ่งกว่าคิงไซส์ตรงหน้าอย่างไร้ความปรานี ไม่... อย่างนี้ต้องเรียกว่าป่าเถื่อนถึงจะถูก ผู้ชายคนนี้ป่าเถื่อนสุดขีดจริงๆ
“ไอ้บ้า! อย่ามาทำอะไรบ้าๆ กับฉันนะ”
ความตื่นกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจอย่างรุนแรง ลัลนาพยายามร้องบอกตัวเองให้ต่อสู้ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าได้กลัวผู้ชายคนนี้ แต่หล่อนทำไม่ได้... เฟเบียน บราวน์เป็นผู้ชายที่อยู่เหนือความคาดหมายของหล่อนจริงๆ เขาแข็งแกร่ง โหดเหี้ยม และแสนอันตราย แค่สบตากับดวงตาสีเข้มจัดของเขาเท่านั้น หล่อนก็แทบจะเข่าทรุดเพราะลมจับอยู่รอมร่อซะแล้ว
“แสดงได้ดีนี่... ปกติขายตัวเป็นอาชีพ หรือว่าทำแค่บางครั้งบางคราวล่ะ”
“ไอ้บ้า...! ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ขายตัว ฉันมาตามพี่ขายของฉันจริงๆ”
พยายามจะอธิบายให้กับผู้ชายที่ดูยังไง๊ยังไงก็เทพบุตรเดินดินฟัง แต่พ่อสุดหล่อคงสมองน้อยเกินไปล่ะมั้งถึงได้ฟังคำพูด คำอธิบายของหล่อนไม่เข้าใจเสียที แถมไอ้เจ้าสายตาสีน้ำตาลอมดำหรือเกือบจะดำนั้นยังมองไปทั่วกายสาวของหล่อนราวกับกำลังประเมินราคาสินค้าอยู่ยังไงยังงั้น