I HATE YOU 6
2 ปี ผ่านไป...
ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาผมได้แต่แอบมองแอบตามใครบางคนอยู่ห่างๆ ผมผิดสัญญาในครั้งแรกแต่เมื่อเห็นเธอร้องไห้อ้อนวอน ผมแทบจะทำอะไรไม่ถูกได้แต่จำใจถอยห่างเธอออกมา ไม่ไปให้เธอเห็นหน้าแต่ก็ยังคอยดูแลเธออยู่ห่างๆผมยังจำได้ดีเมื่อวันที่เราทั้งสองเข้ารับปริญญาบัตร เธอยังถ่ายรูปกับเพื่อนและน้องพร้อมกับรอยยิ้มดีใจผมที่มองอยู่อย่างๆได้แต่ให้ช่างภาพที่จ้างมาแอบถ่ายเธอไปเรื่อยๆจนจบงาน ผมอยากเก็บรอยยิ้มนั้นไว้เก็บรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ
“บอสครับ ได้เวลาแล้วครับ”
“อือ”
ผมรับคำมองรูปคู่งานหมั้นของผมกับพริกไทยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเดินขึ้นเครื่อง ใกล้เจอกันแล้วนะพริกไทย สองปีที่ให้เวลาตามที่ขอหมดแล้วนะ เจอกันที่รัก
“คุณพริกไทยไปทานข้าวกับเพื่อนอยู่รับ บอสจะไป...”
“ยังไม่ต้อง ขึ้นเครื่องคุณก็พักเถอะผมก็จะพักเหมือนกัน”
เมื่อเดือนที่แล้วผมบินมาคุยงานที่เวียดนามเกือบหนึ่งเดือนที่ผมทำได้แค่ดูรูปพริกไทยในโทรศัพท์ ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้จริงๆที่จะได้เจอพริกไทยที่สำคัญเรากำลังจะมีข่าวดีด้วยกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธจนทะเลาะกับพ่อแม่ถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติดคนตัวเล็กก็ยังคงปฏิเสธ
เกือบสองชั่วโมงทั้งผมและเลขาก็ยืนอยู่บนพื้นที่ประเทศไทย ผมไม่รอช้าที่จะติดต่อหาผู้ที่ส่งไปดูแลพริกไทยและสิ่งที่ได้รับรู้คือคนตัวเล็กไปทานข้าวกับเพื่อน ผมเอาของไปเก็บที่บ้านพริกไทยถามว่าเอากุญแจมากจากไหนก็เอามาจากพี่ชายของพริกไทยนั่นแหละ
ผมรอพริกไทยกลับบ้านจนเกือบเที่ยงคืนกว่าที่คนตัวเล็กจะกลับมา พริกไทยเดินเซๆขึ้นไปบนบ้าน ผมได้แต่มองตามดู อยู่คนเดียวยังไม่ดูแลตัวเองอีกเมาขนาดนี้ถ้าเกิดมีคนตามเข้าบ้านจะทำยังไงมันน่านักเชียว ผมเดินไปดูประตูรั้วรวมถึงประตูบ้านพอเช็คว่าล็อคหมดแล้วผมถึงได้ตามขึ้นไปข้างบน ร่างเล็กนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนนุ่มโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำไม่รู้ไปแอบดื่มที่ไหนมากันแน่ ผมเดินไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้พริกไทยไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชุดให้เพื่อที่คนตัวเล็กจะได้สบายตัว
“ดื้อเอ้ย ปล่อยหน่อยไม่ได้ ผมมองคนที่หลับไปแล้วด้วยความเอ็นดู ใครจะไปคิดล่ะว่าผมจะหลงรักคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน คนที่ผมเคยบอกว่าไม่มีวันรัก แต่ช่วยเข้าใจผมหน่อยเพราะโดนบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่ชอบเลือดร้อนในกายทำให้ผมทำอะไรบ้าๆลงไป แต่เพราะครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่าผมไม่สามารถเห็นน้ำตาของพริกไทยได้เลย ผมรู้ใจตัวเองเมื่อวันนั้นวันที่ผมเป็นของพริกไทยความรู้สึกที่มีต่อเธอมันชัดเจนขึ้น ผมชอบพริกไทยแอบชอบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้แต่เมื่อวันที่เธอเริ่มตีตัวออกห่างกลับกลายเป็นผมที่เริ่มทุรนทุราย เมื่อผมเข้าหาพริกไทยกลับถอยห่างกระทั่งเมื่อคนตัวเล็กทนไม่ไหวขอร้องให้ผมหายไปจากเธอสองปี ผมยอมรับว่าทำไม่ได้แต่เพราะผมเป็นห่วงแต่เมื่อเธอขอร้องทั้งน้ำตาผมจำต้องฝืนทนทำให้เธอสบายใจ
ผมละสายตาจากใบหน้าหวานเดินเลี่ยงเข้าไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้า ถ้าไม่เมาคงสังเกตว่าในห้องมีกระเป๋าเดินทางผมอยู่ พอเก็บของเสร็จก็หยิบชุดเข้าไปอาบน้ำจัดการอาบน้ำเสร็จก็ออกมายืนแปรงฟันที่อ่างล้างหน้าระหว่างที่แปรงฟันประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องน้ำทั้งที่ยังหลับตา ผมมองตามกระทั่งพริกไทยไปนั่งลงบนชักโครกนิ้วเรียวเกี่ยวซับในตัวบางลงตามเรียวขาผมเห็นภาพนั้นถึงกับต้องเบือนหน้าหลบด้วยความเขินอายก่อนจะรีบแปรงฟันให้เสร็จเพาะร่างกายที่กำลังเปล่าเปลือยของตัวเองกำลังร้อนขึ้นจนไม่มั่นใจว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน เมื่อพริกไทยกลับไปนอนต่อผมถึงได้รีบแต่งตัวแล้วขึ้นไปนอนซ้อนหลังแผ่นหลังเล็ก คืนแรกในรอบสองปีที่ผมได้นอนใกล้พริกไทย ได้กอดเธอไว้ในอ้อมกอด ต่อไปจะเป็นเวลาของผมแล้วนะเวลาที่ผมจะเดินหน้าจีบพริกไทย ผู้หญิงที่เป็นรักแรกและรักเดียวของผม
=br=
10.21 น.
“อื้อ! หิวข้าวจัง” เสียงครางหวานดังขึ้นช่วงสายของวัน ผมนอนมองพริกไทยตั้งแต่ตื่นจนถึงตอนนี้ ร่างเล็กน่ารักน่าฟัดจนผมเผลอจูบไปหลายครั้ง
“หิวก็ตื่นจะพาไปทานข้างนอก...”
“เฮ้ย! มา มาได้ไง”
“นั่งรถมาไง” ผมตอบกวนๆ ยิ่งเห็นใบหน้าสวยตกอกตกใจก็หลุดขำออกมา พริกไทยเบิกตากว้างมองผมด้วยความตกใจก่อนจะ...
“โอ๊ย!!”
ผมร้องลั่นเมื่อเท้าโดนเท้าเล็กๆยกถีบผมเต็มแรงด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวผมก็หลุบตุ๊บลงไปอยู่ที่พื้น จะว่าโมโหก็โมโหอยู่หรอกแต่ผมขำมากกว่าคนตัวเล็กแรงเยอะใช้ได้เลยนะ
“เข้ามาได้ยังไง ออกไปเลยนะ” คนตัวเล็กชี้นิ้วไล่ แม้ท่าทางจะแสดงออกว่ามันน่ากลัวแต่ผมก็ยังมองว่ามันน่ารักมาก
“เป็นบ้าหรือไง! คนเขาไล่อยู่ยังจะมายิ้ม” พริกไทยทำหน้างอน แต่ผมแค่หัวเราะเบาๆก่อนจะบอกให้เธอไปอาบน้ำแทนด้วยความหน้ามึน
“ไปอาบน้ำ จะพาไปข้างนอก”
“ไม่! ไหนบอกจะรักษาสัญญาไง!”
“ครบแล้ว ครบสองปีแล้วต่อไปก็แต่งงานกันได้สักที” ผมบอกเสียงเรียบแม้ในใจมันจะเต้นตึกตักจนกลัวว่าคนตัวเล็กจะได้ยินเสียงหัวใจ กลัวเธอได้รู้ว่าว่าผมเองก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่พูดเรื่องแต่งงานอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจัง
“แต่...”
“พูดอะไรไว้ล่ะ อย่าลืมสิครบสองปีแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะทำตามใจตัวเองบ้างปล่อยให้ดื้อมานานละ” เที่ยวก็บ่อยมีผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบก็เยอะถึงเวลาที่จะแสดงตัวแล้ว
“ไม่เคยดื้อ!”
“ดื้อที่สุดเลยอย่าคิดว่าไม่รู้ ไปอาบน้ำ” คนตัวเล็กชี้หน้าผมปากอ้าพงาบๆเหมือนอยากจะด่าแต่นึกคำด่าไม่ออก ดูสิว่าเธอน่ารักมากขนาดไหน
“กรี๊ด!!!” เสียงร้องดังขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำ กรี๊ดแบบอัดอั้นตันใจไม่ใช่เพราะตกใจ ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บผ้าห่มโดยการพับแล้ววางไว้บนเตียงจนทุกอย่างเรียบร้อย ไม่นานพริกไทยก็เดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง ผมมองอย่างไม่สนใจแล้วเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำบ้าง หลังจากที่เราทั้งสองแต่งตัวเสร็จผมก็บังคับขู่เข็ญพริกไทยให้ออกไปทานข้าวด้วยกัน
“แหวนอยู่ไหมทำไมไม่สวม” ผมถามไม่ได้ดุหรือโมโหเพราะเหมือนรู้อยู่แล้วว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมสวมแหวนไว้เหมือนที่ผมสวมไว้ตลอดสองปี
“ยุ่ง”
“ก็เมียทำไมจะยุ่งไม่ได้”
“ไม่ใช่เมีย!”
“อย่าเสียงดังสิขับรถอยู่ตกใจ”
“อย่ามาตอแหล!!”
“แรงอะ ด่าสามีตัวเองแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“ก็บอกว่าไม่ใช่สามีไง!” คนตัวเล็กยังไม่ยอมรับ
“ยังไม่รู้หรือไงว่าเราต้องจดทะเบียนกันสัปดาห์หน้าน่ะ”
“ฮะ??”
“ถึงแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่าหิวมากเลย” ผมตีมึนจับมือเล็กแล้วพาเดินหาร้านอาหารไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองหน้าหวานบ่อยๆ พริกไทยไม่มองหน้าผมเลยสักแวบสุดท้ายเราทั้งสองเลยตัดสินใจเข้าร้านสเต็กหลังจากสั่งเสร็จพริกไทยก็นิ่งเงียบเล่นโทรศัพท์ ไม่เงยหน้ามองผมเลยแม้ผมจะจ้องเธอมากแค่ไหน เธอทำราวกับว่าไม่มีผมนั่งอยู่ด้วย
“วันนี้เข้าร้านไหม” ร้านที่ว่าคือร้านอาหารซึ่งคนตัวเล็กเปิดมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว เพราะรักษาสัญญาว่าจะไม่มาเจอตลอดสองปีเลยไม่กล้าเข้าไปที่ร้านเธอเลย
“...”
“เวลาถามให้ตอบ ใจดีด้วยแล้วนะอย่าให้ต้องโมโห”
“โมโหแล้วไง ฉันทำอะไรมันก็ผิดอยู่แล้วสู้ให้นั่งเงียบๆไม่ดีกว่าเหรอ” ผมสะอึกนิ่งไปเมื่อได้ยินพริกไทยพูดมาแบบนั้น
“ขอโทษ เรามาเริ่มกันใหม่นะ” ผมจ้องใบหน้าหวานอย่างมีความหวัง
“จะเริ่มทำไม?”
“ขอร้องล่ะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกันเถอะนะ ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆก็ได้แต่อย่าทำเหมือนไม่รู้จักกันแบบนี้เลย” ผมเอ่ยขอเสียงเรียบ หัวใจบีบแน่นด้วยความกังวล
“มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พอเถอะ...”
“พอก่อนเถอะเดี๋ยวจะทะเลาะกันไปมากกว่านี้ ทานอะไรก่อนเดี๋ยวจะพาไปทำธุระด้วยกัน”
“ไม่ไป”
“ไม่ได้! ต้องไป พอไม่ต้องเถียง”
ผมมองข้ามใบหน้าง้ำงอนั่นแอบยิ้มขำไม่ว่าจะมองยังไงคนตรงหน้าก็น่ารักซะจนผมไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ นานนับสามสิบนาทีพริกไทยถึงได้เงยหน้าจากจานอาหารและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
“ทำหน้าเครียดอะไร” ผมถามมือจิ้มเนื้อป้อนที่ริมฝีปากสวยที่เคลือบสีลิปติกสีหวานอย่างเอาใจ
“เปล่า”
“อย่าโกหก”
“ก็ไม่มีอะไรจริงๆ แค่...”
“แค่?”
“จะไปเที่ยว”
“ไปกับใคร” ผมถามทันทีด้วยความร้อนใจ จะแอบไปเที่ยวไหนอีกแล้ว ผมเพิ่งกลับมานะทำไมชอบหนีไปเที่ยวเนี่ย
“จะรู้ไปทำไม”
“เป็นห่วง” ผมบอกอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่อยากกั๊กไม่อยากปิดบังอะไรแล้วต้องมาเสียใจเพราะที่ผ่านๆมาผมก็ทำให้พริกไทยเจ็บปวดมามากแล้ว ผมไม่อยากเห็นคนที่รักเจ็บปวดอีกแล้ว ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลเธอบ้างผมจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจอีกสัญญา...
End Talk