I HATE YOU 5
“ไปไหนมา” เขาถาม ถามฉันอย่างนั้นเหรอ เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมากันแน่
“...”
“ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ ก็บอกทุกอย่างแล้วไงแต่ฟังไม่จบเอง” มือหนาเอื้อมมาเกลี่ยผมฉันเบาๆพอเบี่ยงหลบเขาก็หยุดมือไปก่อนจะยกพาดเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่งเป็นการโอบไหล่กลายๆ บ้าไปแล้ว! เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“บอสคะไฟล์บินพรุ่งนี้ตอนตีสามนะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกกรเขาพยักหน้ารับโดยที่สายตายังจ้องฉันอยู่ ไหนเขารับปากว่าจะไม่เจอฉันไงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“พรุ่งนี้จะไปทำงานนะ ไปส่งหน่อย” เขาชวนคุย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาต้องการออะไรถึงทำแบบนี้และทุกคนล้วนแต่เกรงอกเกรงใจเขาทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่พี่กนกหัวหน้าแผนกฉัน
“คุณไปทานอาหารเถอะครับ เดี๋ยวทานเสร็จผมกลับกับพริก เธอจะไปส่งผมน่ะ”
“ค่ะบอส”
“ไม่ได้บอก...”
“พนักงานอยู่เยอะนะ จะทำให้ขายหน้าจริงๆเหรอ?” ร่างสูงกระซิบเสียงเข้ม แม้จะไม่มีคำที่บ่งบอกว่าข่มขู่แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ
“ทำหน้าที่ของคู่หมั้นดีๆหน่อยครับ” กรคีบหมูมาใส่จานให้ แต่ฉันมองเมินและเลื่อนสายตาดูอย่างอื่นแทน ระหว่างที่คนอื่นกำลังถามและคุยกับกรฉันก็ฉุกคิดได้ว่าเขารู้จักกับพี่ๆได้ยังไงและที่สำคัญทุกคนล้วนแต่เกรงใจเขา
“บอสคะเรื่องงานเลี้ยงบริษัท...”
ชัดเจนแล้วล่ะว่าทำไมกรถึงมาอยู่ที่นี่แล้วยังได้รับการเกรงกลัวจากพนักงานเพราะเขาคือคนที่พี่ๆเรียกว่าบอสสินะ ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะว่าเขาคือเจ้าของบริษัทนี้ถ้าเป็นของพ่อแม่เขาอย่างน้อยก็น่าจะมีข้อมูลแต่นี่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยสักอย่าง บ้าที่สุดการที่ตั้งใจจะหนีห่างกลับต้องมาตกอยู่ใต้อำนาจเขาแบบนี้เหรอ
“จะกลับหรือยัง?” กรถามหลังจากที่นั่งทานได้สักพักเขาทานเยอะแล้วเร็วมาก ฉันสะดุ้งผงะห่างจากเขาเมื่อกรยื่นมือมาแตะแก้มเบาๆ
“ขอโทษ...”
ไม่รู้ว่าเขาขอโทษเรื่องอะไรกันแน่เรื่องเมื่อกี้หรือเรื่องไหน...
ไม่รู้ว่าเราทั้งสองจ้องกันนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีพี่บีมก็สะกิดที่แขนบอกว่าจะกลับกันแล้วนั่นแหละฉันถึงได้ละสายตาจากกรและลุกยืนเหมือนพี่ๆเพื่อที่จะได้เดินทางกลับ คนที่พี่ๆเรียกว่าบอสเดินตามติดฉันแจไม่ยอมห่างกระทั่งเดินไปที่รถเขาก็ยังเดินตามมา
“เดี๋ยวขับให้นั่งพักเถอะ”
“ไม่เคยบอกว่าจะให้กลับด้วย” ฉันบอกเขาแต่คนหน้าด้า... คนหน้ามึนก็ยังคงดื้อดึงจะไปด้วยเขาฉวยกุญแจไปจากมือฉันและจัดการพาฉันขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหน้าคู่คนขับ เมื่อรถเคลื่อนตัวได้สักพักฉันที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเลยตัดสินใจพูดกับเขาไปตรงๆอีกครั้ง
“คุณสัญญาแล้ว...”
“ขอโทษทนไม่ไหวจริงๆ”
“แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ...”
“ฉันอยากเห็นหน้าเธอ”
“ขอร้องล่ะ อย่ามาล้อเล่นอะไรแบบนี้เลยนะ ฉันไม่สนุกด้วยหรอก”
“จะบอกทีละเรื่อง...”
“ไม่อยากฟัง” ฉันทำตัวงี่เง่าแม้จะรู้ว่าเขาคงรำคาญแต่ฉันไม่อยากฟังอะไรจากเขาแล้วไม่อยากฟัง!
“ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง ไม่เข้าใจอะไรให้ถาม” เขาพูดผูกขาดคนเดียว เอาสิถ้าจะให้เงียบฉันก็จะเงียบ
“เรื่องแฟนอะไรนั่นอธิบายไปแล้วว่าจ้างเพื่อนให้มาช่วย ฉันไม่เคยมีแฟนอาจจะมีกินนอกบ้านบ้างแต่ก็วันไนท์สแตนด์ ขอโทษที่วันนั้นโมโหแล้วทำอะไรเลวๆด้วย ขอโทษจริงๆ”
“ฉันไม่อยากหมั้นเพราะได้ยินผู้ใหญ่บอกว่าถ้าแต่งงานแล้วธุรกิจก็จะขยายใหญ่ขึ้นมีสาขาเพิ่มขึ้นจากการลงทุน ฉันไม่อยากให้ใครมาขีดเส้นทางเดินฉันโดยที่ฉันไม่เต็มใจ”
“ขอโทษที่วันนั้นใจร้อนแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันรับรู้ทุกอย่างและอยากให้เธอยกโทษให้นิดหน่อยก็ได้ฉันพร้อมจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อเราหมั้นกันแล้วเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นก็ได้ไม่มีปัญหา ขอแค่อย่าหายไปไหนอยู่ข้างๆกันได้ไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องรับผิดชอบไม่ต้องรู้สึกผิดฉันให้อภัยคุณก็ได้ขอแค่ลืมทุกอย่างไปซะแล้วเราก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องเจอไม่ต้องทักไม่ต้องคุยกัน อย่าทำเหมือนรู้สึกอะไร...” เพราะฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ฉันเจ็บ
“ทำไม...”
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันก้มมองมือตัวเองแล้วบีบไว้แน่น
“ได้”
“ก่อนที่จะรู้ว่าต้องหมั้นกัน...”
“...”
“ทำแบบนั้นทำไม ทำไมต้องคอยดูแลทำไมต้องใส่ใจด้วย”
“...”
ความเงียบคือคำตอบสินะ...
*ตั้งแต่ที่ฉันเข้าโรงเรียนมัธยมต้น*ฉันก็เจอกับเขาผู้ชายที่ปากเสียแต่ก็ยังคอยดูแลฉันตลอด ปากก็บ่นเรื่องที่ฉันทำแต่ไม่เคยเลยที่จะทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเวลาไม่สบายใจ เวลาโดนแกล้งเขาก็มักจะเป็นคนที่คอยจัดการให้ ฉันและเขาสนิทกันระดับหนึ่งทานข้าวเที่ยงด้วยกันหลังเลิกเรียนเขาก็มักจะรอรถจากที่บ้านมารับเป็นเพื่อน พอนานวันคนที่ไม่เคยมีคนใส่ใจอย่างฉันก็เริ่มหวั่นไหวกับการกระทำของเขาและแอบมองแอบหลงรักเรามาเรื่อยตลอดหลายปีแต่การแอบรักมักจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดเมื่อจู่ๆผู้ใหญ่ก็บอกว่าเราสองคนต้องหมั้นและแต่งงานกันถามว่าดีใจไหมก็แอบดีใจอยู่ลึกๆแต่ความหวังฉันมันก็ต้องพังครืนลงเมื่อกรประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะไม่หมั้นไม่แต่งและบอกฉันอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าเขาจะไม่มีวันหมั้นกับฉันเด็ดขาดเพราะเขาไม่ได้รักฉัน ความสุขของฉันหายไปเมื่อเขามีแฟนแล้วตีตัวออกห่างจากฉัน แรกๆฉันก็ยังทักเขาเข้าหาเขาแต่เมื่อสิ่งที่เขาเอ่ยก่อนที่เราทั้งสองจะจบมัธยมปลายทำให้ฉันได้ตระหนักได้ว่าเรื่องของฉันและเขามันไม่มีทางเป็นจริงได้เลย
“จำเอาไว้ว่าผู้หญิงอย่างเธอฉันไม่เคยคิดจะรัก แค่มองยังไม่อยากมองเลยรู้ตัวไว้ซะบ้างว่าฉันเกลียดเธอ ต่อไปมาอย่ารู้จักฉันอีก!”
สี่ปีที่ฉันไม่เคยติดต่อเขาไม่รู้จักไม่ทักทายเดินผ่านเหมือนคนแปลกหน้า ฉันทำให้เขาสบายใจได้เท่านี้จริงๆ ฉันเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวเองอีกครั้งโดยที่กดความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้ให้ลึกที่สุด ฉันใช้เวลาส่วนมากอยู่กับเพื่อนว่างก็เที่ยวคนเดียวฉันมีความสุขขึ้นมาบ้างแต่เมื่อถูกบังคับให้เจอกันและคุยเรื่องหมั้นทุกอย่างมันกลับเลวร้ายลงกว่าหลายปีก่อน เราทั้งสองพลาดมีอะไรกัน ไม่สิ เขาบังคับฉันให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการแม้จะร้องไห้อ้อนวอนให้เขาปล่อยและสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขามันก็ไม่มีผลเพาะคนเลวก็ยังทำตัวเลวพรากสิ่งที่ฉันหวงแหนไปอย่างอุกอาจ แล้วพอวันนี้เขากลับมาบอกว่าคนที่เป็นแฟนเขาคือเพื่อน ทุกอย่างที่เขาเคยทำลงไปเขาขอโทษ แล้วจะให้ฉันเชื่ออย่างนั้นเหรอ ประสบการณ์มันสอนให้ฉันเชื่อตัวเองมันยากที่จะเชื่อใจเขาได้อีกครั้ง ฉันรักเขาและฉันก็เกลียดเขามากเช่นเดียวกัน
“ร้องไห้ทำไม? เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า” เสียงถามอย่างร้อนรนดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามือร้อนที่ประคองใบหน้าฉันไว้ ฉันเหม่อมากจนไม่รู้ว่าเรามาถึงบ้านกันแล้ว บ้านของฉันที่ไม่รู้ว่าคนอย่างเขารู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่เพราะขนาดคนที่บ้านยังไม่รู้แต่คนอย่างเขากลับรู้
“ขะ ขอร้องล่ะอย่ายุ่งกับฉันเลย” ฉันทรุดนั่งอยู่พื้นอย่างอ่อนแรง ฉันไม่ไหวแล้วฉันไม่อยากกลับไปอยู่จุดเดิมเขาไม่เข้าใจหรือยังไงกัน!
“พริกไทย...” น้ำเสียงแหบพร่าของเขายิ่งทำให้ฉันปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม ฉันไม่อยากเจอเขาไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว
“ขอร้อง อย่ายุ่งอย่าเจอกันอีกเลยนะฮึกฉันไม่ไหวแล้วขอร้องอย่ายุ่งกับฉันเลย” ฉันยกมือไหว้เขาพร้อมอาการสั่นทั้งกลัวทั้งเจ็บ ฉันไม่ไหวหรอกแบบนี้ ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ทำไมเขาไม่ปล่อยให้ฉันอยู่ส่วนของฉัน
“พริกเข้าบ้านกันก่อน อากาศเย็นเดี๋ยวไม่สบาย” เขาทรุดนั่งลงตรงหน้าและพยายามจะพยุงฉันให้เข้าไปในบ้าน แต่เพราะขืนตัวเอาไว้เขาเลยออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ
“พริกเข้าบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
“ไม่ ไปเถอะนะอย่ายุ่งกับฉันเลยฉันจะลาออกจากที่นั่น จะหายไป จะไปที่ไกลๆขอแค่อย่ามาทำให้ฉันหวั่นไหวเลยนะ”
“พริกไทย...”
“ฮึก” ฉันสะอื้นฮักอยู่ในอ้อมกอดกร มันไม่ได้อบอุ่นฉันรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ อ้อมกอดนี้มันไม่ใช่ของฉันและไม่เคยเป็นของฉัน ฉันไม่อยากให้เขากอด
“ขอร้องหยุดร้องไห้ ไม่ร้องได้ไหม” น้ำเสียงเขาสั่นพร่าแขนก็กระชับกอดฉันแน่น
“ฮึก ปะ ปล่อย”
“ถ้าปล่อยจะหยุดร้องไห้ไหม...” กรผละออกห่าง ยกมือเช็ดน้ำตาออกให้ ดวงตาเขาแดงก่ำคล้ายกับจะร้องไห้ แต่จะบ้าหรือไงเขาจะมาร้องไห้ทำไมกัน
“ถ้าถอยออกมาจะยิ้มไหม...”
“...”
“สองปี จะให้เวลาสองปีแล้วจะกลับมา กลับมาเป็นกรคนเดิมของเธอ...”