I HATE YOU 7
“เป็นห่วง”
ถ้อยคำสั้นๆเรียบๆแต่กลับทำให้หัวใจฉันเต้นแรงจนน่าตกใจ เมื่อได้เจอกันอีกครั้งในรอบสองปีฉันก็กลัวใจตัวเองเมื่อมันเริ่มหวั่นไหวกับเขาอีกครั้งแต่เพราะความเจ็บปวดที่เคยได้รับทำให้ฉันกลัวที่จะคุยกับเขา มันน่าตกใจจริงๆนะที่จู่ๆตื่นมาก็เจอคนที่เคยไล่ให้หายไปจากชีวิตเมื่อสองปีก่อนนอนอยู่บนเตียงแล้วยังทำตัวแปลกๆอีกด้วย ไหนจะคำพูดที่แสดงออกว่าห่วงใยนั่นอีก
“ว่าไงตกลงไปกับใคร” คนตรงหน้าถามซ้ำเมื่อเราเดินออกจากร้านอาหาร และที่แปลกอีกอย่างคือเขาจับมือฉันไว้ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากห้องเดินเข้าร้านอาหารหรือกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังจับอยู่
“ไปคนเดียว”
“ไม่ได้ ไปคนเดียวไม่ได้มันอันตราย”
“อย่าเยอะได้ไหมคะ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“เรานั่นแหละอย่าเยอะ จะแต่งกันอยู่ละยังจะดื้ออีก” และนี่เป็นอีกเรื่องที่เขาพูดคือเรื่องแต่งงาน ทั้งที่ฉันบอกเขาไปแล้วว่ามีไม่งานแต่งแน่นอนแต่ตอนนี้เขากลับพูดเรื่องงานแต่งอะไรนั่นเสียเอง
“นี่!”
“จะซื้ออะไรรีบเดินนัดเพื่อนไว้พวกนั้นอยากเจอ”
“ไม่ว่าง ไม่ไปไม่เจอ” ฉันดึงมือออกจากมือหนาแล้วเดินเข้าร้านชุดชั้นใน เชื่อสิอีกหน่อยเขารำคาญเขาก็จะกลับไปเองนั่นแหละ ชุดชั้นในสีหวานกำลังเป็นที่สนใจของฉันตัวนั้นก็สวยตัวนี้ก็สวย น่ารักทุกตัวเลย
“ใส่ตะกร้า”
“มะ...” เสียงฉันหายไปเมื่อเห็นว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ แต่มือข้างที่ถือตะกร้ากลับยื่นต่ำเพื่อที่จะให้ฉันวางของ อยากจะดื้อแต่ก็เกรงใจเขาเห็นแบบนี้ก็ยังมีมารยาทนิดหน่อยนะขอบอก ฉันวางชุดชั้นในลงบนตะกร้าแล้วเดินดูต่อโดยมีกรเดินตาม
“ทางนั้นเขาว่าไง”
“บริษัทที่ปาดหน้าเราไปให้ทางนั้นเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ? เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูเองจองตั๋วให้ด้วยแล้วกันสองที่”
“ซื้อไปเยอะแบบนี้ใส่หมดไหม” คนที่คุยโทรศัพท์เพิ่งเสร็จถามพร้อมน้ำเสียงเจือแววขบขัน
“ยุ่งอะไรเล่า” ฉันเถียงกลับเสียงอุบอิบ แต่มือก็ยังหยิบชุดชั้นในแสนสวยใส่ตะกร้า พนักงานของร้านก็เดินตามเราอยู่ห่างๆพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู เมื่อซื้อจนพอใจฉันก็ตั้งใจว่าจะเอาของไปจ่ายเงินแต่เพราะของอยู่ในมือกรเขาเลยเป็นฝ่ายเอาไปจ่ายเงินแทน
“ไม่ต้องจะจ่ายเอง” ผมร้องห้ามเมื่อเห็นเขายื่นบัตรเครดิตของเขาไปยังพนักงานก่อนที่ฉันจะได้หยิบบัตรของตัวเองออกมาด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องเก็บตังค์ไว้” เขาบอกสั้นๆพร้อมกับความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาพร้อมกับแววตาของเขา
“แหมมีแฟนน่ารักจังเลยนะคะ น่าอิจฉาจัง” เสียงพนักงานเอ่ยแซ็วอย่างเขินอาย กรยิ้มบางก่อนจะยื่นกระเป๋าสตางค์เขามาให้รวมถึงโทรศัพท์
“เก็บไว้หน่อยจะถือของแล้ว เร็วๆพนักงานรอ”
ค่ะ! ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าของเขาอยู่กับใคร ฉันเอาของๆเขาโยนใส่กระเป๋าสะพายข้างตัวเองส่วนกรก็ถือถุงชุดชั้นใสให้โดยที่ไม่บ่นสักคำ กระทั่งเดินซื้อของจนครบกรก็พาออกจากห้องสรรพสินค้า เขาไม่บ่นสักคำทั้งที่เขาก็น่าจะรู้ว่าฉันแกล้งเดินวนไปมาในห้าง
“จะพาไปหาเพื่อนนะต้องเข้าร้านหรือเปล่า”
“เข้า เข้าตอนนี้เลยไปไม่ได้”
“ตลกแล้ว วันนี้ร้านปิดไม่ใช่เหรอ” อ่า รู้ได้ยังไงกัน
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม” เสียงฉันที่เปล่งออกไปมันทั้งแผ่วและเบา แต่ก็ยังอยากจะถามเขาให้รู้เรื่อง
“อื้อ ถามได้” เขาตอบกลับสายตาก็สอดส่องดูรถเมื่อเขาจะเลี้ยว
“ทำไมทำตัวแปลกๆตั้งแต่กลับมา ทำไมต้องกลับมาทั้งที่ก็รู้ว่ายังไงก็ไม่มีงานแต่งอะไรนั่นทำไมต้องกลับเข้ามาในชีวิตฉัน”
“ฉันกลับมาทำตามหัวใจตัวเอง ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอขอเวลาสองปีฉันก็ให้แล้วไงตอนนี้ครบสองปีแล้วฉันก็จะกลับมาทวงสิทธิ์ของฉัน สิทธิ์คู่หมั้น”
“หึ ทั้งที่นายไม่อยากหมั้นน่ะเหรออย่าพูดอะไรที่มันขัดกับความรู้สึกหน่อยเลย”
“รู้ได้ไงว่าขัด อย่ามาเดาอะไรไปแล้วงอนเองอ้อแล้วงานแต่งน่ะยังมีเหมือนเดิมนะคนสวยเดี๋ยวจะพาไปดูชุดผู้ใหญ่จัดการไว้หมดแล้วเหลือแค่เข้าไปลองชุด แต่สัปดาห์เราต้องไปจดทะเบียนกันก่อน”
เหมือนทุกอย่างมันรวดเร็วเหมือนคนที่จัดการทุกอย่างไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิดว่าจะรู้สึกยังไง พี่ชายแค่เปรยว่าช่วงเดือนหน้าต้องทำตัวให้ว่างแต่ไม่คิดว่าจะเป็นงานแต่งงานของฉันกับคนที่เขาเลยลั่นวาจาว่าเกลียด
“ขืนให้พูดอะไรไปตอนนี้เธอก็จะมองว่ามันเป็นการแก้ตัวอยู่ดี แต่ต่อไปนี้ฉันจะทำให้เห็นเองว่าฉันอยากแต่งงานกับเธอจริงๆไม่มีใครมาบังคับ เรื่องหมั้นฉันก็ตกลงหมั้นเองที่ทำลงไปทุกอย่างเพราะฉันรัก...”
“รักที่แปลว่ารักจริงๆไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยว...”
“...”
รัก? รักอย่างนั้นเหรอ บ้าไปแล้ว!
“ตอนนั้นมันก็โมโหนั่นแหละที่โดนบังคับแต่มันก็รักอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ขอโทษที่ทำไม่ดีใส่ ขอโทษนะ” กรบอกเสียงนุ่ม นับว่าโชคดีที่ฉันปรับเบาะนอนก่อนหน้านี้เลยแกล้งทำเป็นเผลอหลับได้อย่างไม่น่าสงสัย ในหัวคิดวนไปหมดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาพูดก่อนหน้านี้ รักอย่างนั้นเหรอ รักก่อนหมั้นอย่างนั้นเหรอบ้าที่สุดเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่พูดจริงหรือแค่ล้อเล่นกับหัวใจฉันกันแน่
“อ้าว หลับหรอกเหรอ” เสียงพึมพำดังจากกร
“หนาวไหมเนี่ย” เสียงกรยังดังให้ได้ยินเบาๆสักพักก็สัมผัสถึงความอบอุ่นจากสิ่งที่เพิ่งถูกคลี่คลุมร่างฉัน
“ให้นอนพักก่อนแล้วกัน” ฉันหลับไปจริงๆหลังจากที่ตั้งใจแกล้งหลับ พอรู้สึกตัวตื่นก็เห็นว่ารถจอดอยู่ที่ลานจอดรถของร้านอาหารร้านหนึ่ง ฉันขยับตัวนั่งพร้อมกับปรับเบาะและกรก็หันมามองทันที
“หิวหรือยัง เพื่อนมาถึงกันแล้วล่ะ” มือหนายื่นมาเกลี่ยผมออกจากกรอบหน้าให้อย่างเบามือเสียงเพลงในรถดับลงจนภายในรถเงียบสงบ
“ไม่อยากไป”
“ทำไมครับ? กลัวเหรอ” มือหนายกประคองแก้มไว้พรางจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตา
“อือ”
“ไม่ต้องกลัว อยู่ด้วยกัน”
เพราะเชื่อถ้อยคำของเขาเลยทำให้ฉันเดินเข้าร้านอาหารพร้อมกับร่างสูงของกร เขาพาเดินไปที่มุมร้านที่มีกลุ่มเพื่อนของเขานั่งกันอยู่ เมื่อพวกเขามองมาเจอก็ยิ้มทักทายและเอ่ยทักอย่างเป็นกันเองฉันเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้นเพราะไม่รู้จักพวกเขาเลยสักคน
“สั่งเผื่อไปแล้วนะแต่อยากสั่งเพิ่มหรือเปล่า” เพื่อนกรหันมาถามอย่างเป็นมิตร ฉันยิ้มก่อนจะส่ายหน้าให้เขาแทน ฉันกลัว ทำไมฉันต้องมานั่งกดดันท่ามกลางเพื่อนของกรด้วย
“อยากทานอะไรเพิ่มไหม” กรหันมาถามไม่เข้าใจตรงที่ทำไมต้องขยับเก้าอี้เข้ามาชิดขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้
“อา เดี๋ยวสั่งให้แล้วกัน อ้อ พวกมึงงานแต่งกูอะเดี๋ยวส่งการ์ดอีกทีนะ”
“เออเอามาเถอะ พวกกูรอนานละนึกว่ามึงโดนเมียทิ้ง” เพื่อนกรเอ่ยแซ็ว
“อย่าพูดมึง เกือบโดนเมียเทแล้วเหมือนกัน วันนี้กูไม่ดื่มนะพรุ่งนี้พาเมียไปทำงาน”
“เออๆ มีเมียแล้วลดละแม่งทุกอย่าง”
“แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ ฉลองให้มันหน่อยได้เจอหน้าเมียโดยที่ไม่ต้องแอบแล้ว ฉลอง!!” เพื่อนกรดื่มแอลกอฮอล์สลับกับถามไถ่กร ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งทานข้าวเงียบๆ
“สั่งเพิ่มไหม น่าจะอีกสักพักใหญ่เลยนะ” กรกระซิบถามเสียงนุ่ม เขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยสักนิดนับว่าเป็นเรื่องดีมากเลยล่ะเพราะถ้าเขาดื่มฉันคงขอกลับเองแน่ๆเพราะไม่มั่นใจในการขับรถของเขา
“ไม่เป็นไร”
“เบื่อหรือเปล่า”
“ไม่” ฉันแค่ไม่รู้จะตอบเขากลับไปยังไง กรหัวเราะเบาๆก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนต่อมือที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยกลูบต้นขาฉันเบาไม่นานก็เปลี่ยนเป็นวางทับต้นขาฉันไว้เฉยๆไม่ได้มีวี่แววคุกคามแต่เหมือนเป็นการบอกผ่านการสัมผัสว่าเขาเองก็อยู่ข้างๆฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดีว่าอย่างน้อยฉันเองก็ไม่ได้โดนตัดออกจากการสนทนาแม้จะไม่ได้พูด
“กรทำไมเมียมึงดูซึม อึดอัดหรือเปล่าเดี๋ยวเปลี่ยนเรื่องคุยนะจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด” เพื่อนกรคนหนึ่งมามองฉันตามด้วยคนอื่นๆที่มองมา
“ไม่ๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัด คุยกันเลย”ฉันละล่ำละลักบอกจนกรหลุดหัวเราะเบาๆ
“คงจะง่วงน่ะ เมื่อกี้ก็หลับไปเพิ่งตื่นนี่แหละ”
“อ้าวเหรอ? แล้วสั่งอะไรเพิ่มไหมจะว่าไปก็ยังไม่อิ่มเลยสั่งอะไรมาทานต่อดีกว่านะว่าไหม?” ท้ายประโยคตนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันจ้องมาอย่างต้องการคำตอบ ฉันพยักหน้าให้เขาไปก่อนจะละความสนใจจากเขามองโทรศัพท์ตัวเองเมื่อมีข้อความจากเพื่อนเข้ามา