ร่างระหงส์ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนในเวลาราวๆ ห้าทุ่มกว่าๆ ห้องแคบๆ ในราคาไม่ถึงสามพันก็มีเพียงตู้เสื้อผ้าและเตียงนอนเพียงเท่านั้น เธอถอดแว่นวางไว้ข้างเตียงก่อนจะนอนมองเพดานด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย
ช่วงนี้เธอใกล้จะจบปีสามแล้ว และกำลังจะต้องฝึกงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ผลการเรียนของเธอเป็นที่น่าพอใจมาเสมอจนมีโรงเรียนหลายแห่งยื่นเรื่องมาให้เธอไปฝึกงานด้วย ซึ่งเธอเองก็มีในใจอยู่แล้วแต่มันค่อนข้างที่จะไกลมากสักหน่อย เธอถึงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อเดินทางและไปหาเช่าหอพักอยู่แถวนั้น
โทรศัพท์ของเธอยังไร้การติดต่อกลับมาของงานที่เธอเคยไปสมัครเอาไว้ที่เว็บไซต์หนึ่ง เธอเฝ้ารองานนั้นด้วยความหวังทั้งหมดที่เธอมี เพราะเธอเคยไปปรึกษาเรื่องเงินกับเพื่อนในสาขาของเธอคนหนึ่งและหล่อนก็เสนอเว็บไซต์นั้นมาให้กับเธอ ซึ่งหล่อนบอกกับเธอว่า...มันได้เงินค่อนข้างที่จะดีเยี่ยม แต่อาจจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปสักหน่อยแต่อย่าเป็นกังวลไปเพราะเจ้านายนั้นเป็นผู้หญิงน่าตาดี
เธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่พอได้ยินจำนวนเงินที่เพื่อนของเธอเคยได้รับมาแล้ว...มันก็ทำให้เธอตาลุกวาวขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ เพราะมันมากพอที่เธอจะใช้ได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องทำงานเลยไปอีกหลายเดือน แถมหล่อนยังเสนออีกว่าถ้าหากทำให้เจ้านายพึงพอใจได้เธอจะได้รับมันมากกว่าที่ในสัญญานั้นเขียนไว้ ซึ่งเธอเองก็สมัครไปได้ราวๆ เกือบอาทิตย์แล้วแต่ก็ยังไร้สัญญาณตอบรับใดๆ กลับมาจากทางนั้นเลย
ทั้งๆ ที่ตัวของเธอก็กรอกผลการเรียนและส่งรูปที่เธอคิดว่าสวยที่สุดไปแล้ว แต่สมัยนี้การแข่งขันมันคงจะสูงบวกกับงานที่ได้เงินค่อนข้างที่จะดี เธอจึงคิดในแง่บวกเอาไว้ก่อนว่าเขาอาจจะยังไม่ได้พบเอกสารของเธอเลยก็เป็นได้
ประกายดาวหลับตาลงเพื่ออยากจะลืมเรื่องราวไปชั่วขณะ เธอชอบเวลาที่ตัวเองนอนหลับสนิทที่สุด เพราะตอนเธอไม่รู้สึกตัวนั้นมันมีความสุขมากกว่าการที่เธอจะต้องตื่นขึ้นมาพบเจอกับโลกความเป็นจริงว่ามันช่างแสนเศร้าและโดดเดี่ยวมากมายสักเพียงใด...
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ในยามเช้านั้นปลุกให้ตัวของเธอต้องตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล เวลาที่เธอไม่มีเรียนเช้าก็มักจะตื่นสายอยู่เป็นประจำและนั่นมันเป็นเรื่องปรกติ
ประกายดาวมองที่นาฬิกาก็พบว่านี่เป็นเวลาเพียงแปดโมงกว่า เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะขมวดคิ้วฉงนเพราะมันเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ...คุณประกายดาวหรือเปล่าครับ” เสียงชายหนุ่มปลายสายยิ่งทำเธองงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ตอบรับกลับไปตามมารยาทเพราะอาจจะเป็นคนที่ติดต่อเธอไปทำงาน
“ใช่แล้วค่ะ...คุณ”
“ผมชื่อเกรียงไกรนะครับ...โทรมาจากเว็บไซต์ที่คุณส่งมาสมัครงาน” ได้ยินดังนั้นเธอก็ลุกจากเตียงขึ้นมาพรวดพราดอย่างตื่นเต็มตา
“ใช่ค่ะๆ ฉันประกายดาวพูดสายค่ะ”
“ครับผม คุณสะดวกเป็นวันนี้ตอนสองทุ่มไหมครับ ผมจะเป็นคนไปรับคุณเอง”
“ได้ค่ะ สะดวกมากเลยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขออนุญาติแอดไลน์คุณนะครับ แล้วคุณก็ส่งโลเคชั่นมาให้ผมทางไลน์ได้เลย คุณใส่ชุดนักศึกษามาเลยก็ได้นะครับ ไม่ต้องพิธีรีตรอง”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”
“คืนนี้สองทุ่มเจอกันนะครับผม” ก่อนที่สายจะถูกตัดไปด้วยฝีมือของชายหนุ่มปลายสาย
ประกายดาวที่ดีใจเกินเหตุพึ่งจะมานึกขึ้นได้ ว่าทำไมงานที่เธอต้องไปทำมันถึงเป็นตอนกลางคืน แต่เพียงไม่นานไลน์ของเธอก็ถูกแอดมาด้วยเบอร์ของใครบางคน เธอกดเข้าดูที่รูปโปรไฟล์ก็พบกับชายหนุ่มน่าตาดียืนยิ้มอยู่ที่น่าบริษัทอะไรสักอย่าง
“ดูท่าแล้วก็ไม่น่าจะมาหลอกกัน” เธอคิดในแง่ดีเอาไว้ก่อนและลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อไปอาบน้ำอาบท่าและเตรียมตัวไปเรียนในช่วงสายต่อไป
“ปลา...”
“อ้าว ดาว” เพื่อนสาวดาวมหาลัยที่เธอพึ่งเคยได้คุยด้วยเมื่ออาทิตย์ก่อนส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร มันมีบางเรื่องคาใจจนเธอต้องเป็นฝ่ายมาทักทายหล่อนเสียก่อน ทั้งๆที่ปรกติเธอแทบไม่เคยได้พูดกับใครในคณะนี้เลย
เรียกว่าไม่ได้คุยกับใครในหมาลัยฯเลยก็ว่าได้...
“คือเรามีเรื่องอยากจะถามหน่อย” เธอก้มหน้าหงุดไม่รู้ว่าควรจะถามดีไหม แต่ถ้ามันยังค้างคาใจอยู่แบบนี้ เธอคงจะเรียนไม่รู้เรื่องเป็นแน่ “เรื่องงานที่ปลาเคยแนะนำเราน่ะ” พอพูดถึงตรงนี้ เจ้าของฉายาดาวมหาลัยฯก็เบิกตาโพรงก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนที่เดินมาด้วยสองสามประโยค และลากตัวของเธอออกมายังที่ๆ ไม่มีใครอยู่ให้เธอได้แต่เดินตามอย่างสงสัย
“ว่ายังไง เขาติดต่อมาแล้วเหรอ” สีหน้าท่าทางที่ดูตื่นเต้นของหล่อนทำเอาเธอทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี
“อื้ม...”
“ไม่น่าเชื่อเลย...” เจ้าหล่อนว่าทั้งยังกรอกสายตามองเธอด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ถึงเธอจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่คนตรงหน้าพูดและแสดงท่าทางออกมาแบบนั้น แต่ก็เลือกจะไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “แล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาบอกคืนนี้จะมารับเราตอนสองทุ่ม...แต่เรายังไม่รู้เลยว่างานจริงๆ ของมันคืออะไร” เธอตอบไปตามความจริง
ประกายดาวรู้แค่ว่าหล่อนเป็นคนแนะนำงานให้ แต่เธอไม่ได้คิดจะไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับงานนั้นเลย เพราะอาจจะยังตกใจในเม็ดเงินที่คนตรงหน้าเคยได้รับ
“มารับด้วยเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย!” คนตรงหน้าของเธอดูหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าท่าทางแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง “ถ้าเราบอกเธอตรงๆ เธอยังจะโอเคเหรอดาว...”
“บอกว่าอะไรเหรอ” เธอรีบถามกลับทันใดที่คนตรงหน้าเริ่มทำให้เธอกลัวและเป็นกังวล
“คืองานที่เราแนะนำไป เงินมันดีมาก ดีแบบน่าใจหายเลยแหละ” คนตรงหน้ากำมือตัวเองแน่นเหมือนลังเลว่าควรจะพูดมันออกมาดีไหม
แต่คนรอฟังอย่างเธอกลับใจเต้นแรงอย่างห้ามมันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“...”
“มันเป็นงานขายตัว เธอจะต้องไปนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่รวยมากๆ และเขาจะเอาร่างกายของเธอแลกกับเม็ดเงินที่เขาจะยอมจ่าย...”
“สวัสดีครับคุณประกายดาว” เกรียงไกรคร่อมหัวรับก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับเธอที่ประตูรถทางด้านหลัง
หลังจากที่เธอได้ยินมันออกมาจากปากของเพื่อนใหม่เธอนั้น ตอนนั้นเธอก็แทบช็อคไปเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เธอเปิดโทรศัพท์กดค้างที่ไลน์ของคุณเกรียงไกรนานนับชั่วโมงได้ แต่มือมันกลับไม่กล้าพิมพ์อะไรไปเลยสักอย่างว่าตัวของเธอเปลี่ยนใจไม่ต้องการจะทำงานนี้อีกต่อไปแล้ว
“แต่งานนี้ปลาเองก็เคยทำไม่ใช่เหรอ” หลังจากที่เธอมีสติก็รีบถามเพื่อนของเธอกลับในทันที
“ใช่...ตอนนั้นเราจำเป็นต้องใช้เงินมากเลยจำเป็นต้องไปทำน่ะ” พอพูดมาถึงตรงเงินแล้วมันก็ทำให้เธอเริ่มคิดหนัก
ยิ่งเธอเรียนสูงมากเท่าไหร่ค่าใช้จ่ายของเธอมันก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น ไหนจะค่าหอ ค่ากิน ค่าอยู่ของเธอในแต่ละวันอีก
“แต่เธอไม่ต้องกังวลไปนะ เขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมากๆ เลยแหละ เธอนอนกับเขาแค่ครั้งเดียว เขาจะจ่ายเงินเธอและหายออกไปจากชีวิตของเธอเอง ฉันได้ยินมาว่าคนไหนที่เขาเคยได้มาแล้วเขาจะไม่วนกลับมาหาซ้ำน่ะ”
พอพูดมาถึงตรงนี้แล้วเธอก็เริ่มจะลังเลใจ เธอจะยอมเสียความบริสุทธิ์ของตัวเธอเองเพื่อแลกกับเม็ดเงินนั้นจริงๆ น่ะหรือ
และมันก็เป็นการตัดสินใจของเธอเองทั้งสิ้น จึงทำให้ตอนนี้เธอมาอยู่บนรถหรูคันนี้เสียแล้ว
เอาน่า...อย่างน้อยเพื่อนของเธอก็บอกว่าเขาเป็นผู้หญิง ถ้าหากมันทำให้เธอหมดปัญหาเรื่องเงินไปสักพักก็คงจะไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?
“หน้าตาเคร่งเครียดจังเลยครับ” ชายหนุ่มที่เห็นบรรยากาศมันน่าอึดอัดก็เริ่มชวนคุยเพื่อไม่ให้มันเงียบจนเกินไป
เกรียงไกรพึ่งได้สังเกตุหน้าของหล่อนชัดๆ ตอนนี้เองว่าถ้าหากถอดแว่นและจัดการผมเผ้าที่ดูรุงรังนั้น เธอคงเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยไม่น้อยเลย
“กังวลนิดหน่อยค่ะ” เธอตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบังอะไร ชายคนนี้คงเป็นคนสนิทของคุณเขากระมัง ดูจากภูมิฐานการแต่งตัวและเครื่องประดับแล้ว บ่งบอกได้ถึงฐานะเลยว่าคงร่ำรวยอยู่ใช่ย้อย
“ผมค่อนข้างแปลกใจที่คุณมาสมัครงานนี้นะครับ...คุณคงทราบแล้วใช่ไหมครับว่ามันคืองานอะไร” เกรียงไกรเริ่มถามต่อ เพราะถ้าหากหล่อนยังไม่ทราบรายละเอียดงาน เขาก็จะไม่แนะนำให้คนๆ นี้ไปพบกับนายของเขาอย่างแน่นอน
ถ้าหากหล่อนมาอ้างว่าทำไปเพราะไม่รู้จักงานที่แท้จริง ผลเสียจะต้องส่งมาถึงตัวของคุณหนูเขาเป็นแน่
“ค่ะ...ฉันพอทราบมาบ้าง” เธอยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าหากเธอไม่ไปถามเพื่อนของเธอในวันนี้ เธอจะตอบคำถามนี้ของเขาว่าอย่างไรดี
“งั้นดีเลยครับ...ผมขอแนะนำคุณหนึ่งข้อนะครับ และคุณจะต้องปฏิบัติมันอย่างเคร่งครัด เพราะคุณคงไม่อยากถูกไล่เหมือนหมูเหมือนหมาออกมาจากห้องหรอกใช่ไหมครับ?”
“คะ...ค่ะ” แม้จะกังวลอยู่บ้าง แต่เธอก็คงต้องผ่านมันไปให้ได้
ก็เธอเป็นคนเลือกเองนี่...
“ไม่ว่าจะอารมณ์พาไป หรือกรณีใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่คุณห้ามทำกับคุณณัชเลยคือการจูบปาก”
“อะไรนะคะ?” มีเซ็กส์แต่ห้ามจูบปปากเนี้ยนะ!
“ทำตามที่ผมบอกเป็นการดีกับตัวของคุณที่สุดนะครับ”
“ค่ะ” และนี่ก็เป็นประโยคสุดท้ายของเราที่เกิดขึ้นบนรถคันนี้...
“คุณจะค้างที่นี่ได้หรือจะต้องกลับบ้านมันก็แล้วแต่ประสงค์ของคุณณัชนะครับ หากเธอไล่ให้คุณออกมา คุณก็จะต้องออกมาทันที ห้ามมีปากเสียงหรือต่อล้อต่อเถียงใดๆ กับเธอ เข้าใจนะครับ”
“ค่ะ”
“แล้วอย่าลืมกฏที่ผมบอกบนรถนะครับ...โชคดี” ชายหนุ่มผายมือไปที่ประตูห้องๆหนึ่งให้กับเธอ
ประกายดาวมองหน้าชายหนุ่มที่ยกยิ้มให้กันอีกครั้งอย่างประหม่า มือของเธอที่สั่นไหวค่อยๆ เอื้อมไปหมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือ
เธอปิดประตูลงพร้อมกับชายหนุ่มที่คร่อมหัวส่งเธอจนประตูปิดลง ภายในห้องนั้นมืดสนิท กลิ่นในห้องหอมฟุ้งเหมือนกับกลิ่นอะไรสักอย่างที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
ประกายดาวมองใต้ประตูห้องต่างๆ ก่อนจะพบแสงไฟสลัวๆ อยู่ในห้องหนึ่งที่เธอเดาว่าคงจะเป็นห้องนอน เธอเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า และภาวนาหวังว่าเธอจะคิดถูกต้องกับสิ่งที่ตัดสินใจเลือกทำในวันนี้
ก๊อกๆๆๆ
“เชิญ” เสียงหญิงสาวภายในห้องนั้นทำเอาเธอเผลอสะดุ้งตัวเล็กน้อย
ประกายดาวจับไปที่ลูกบิดด้วยมือที่สั่นไหวก่อนจะค่อยๆ หมุนมันเข้าไป...ก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งจิบไวน์เหมือนกับรอเธออยู่
แสงไฟสลัวๆ ไม่อาจปิดบังใบหน้าที่สวยงามของเขาได้เลยแม้เพียงนิด ใบหน้าคมคายกับสีผมน้ำตาลเข้มตราตรึงใจจนเธอเผลอมองมันค้างอยู่อย่างนั้น จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากอวบอิ่มนั้นมันกำลังร้องเรียกให้เธออยากจะลองสัมผัสมันดู
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำเอาเธอสะดุ้งโหยงและมีสติขึ้นมาทันใด
เขาวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะและลุกขึ้นเดินมาทางเธออย่างเชื่องช้า ส่วนสูงที่มากกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบของเขากำลังย่างกรายเข้ามาทางเธอ ชุดคลุมสีขาวสะอาดที่อีกคนสวมใส่มันช่างล่อตาล่อใจจนเธอไม่สามารถจะละสายตาออกไปจากมันได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที
“ไง...เธอพร้อมแล้วหรือยัง” มือเรียวถูกส่งมาลูบกรอบหน้าของเธอบางเบา จนเธอเผลอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น
เขาเชิดปลายคางของเธอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาหาและหยุดเอาไว้เพียงแค่กระดาษกั้น มันทำให้เธอกลั้นหายใจจนแทบจะหมดลมเพราะหลงในเสน่ห์ของเขาจนหาทางขึ้นไม่พบเจอ
“พร้อมจะเป็นของฉันหรือยัง...ประกายดาว”