ค่ำวันนั้น
“แม่ หนูไม่อยากไปอ่า วันนี้มีบังทันโอป้าหนูขึ้นเสตจนะ หนูจะรอสตรีม”
“เลิกบ้าเกาหลีแล้วไปแต่งตัว!”
ให้ตายสิให้ตาย! ทั้งที่้เย็นนี้ฉันควรนอนดูโอป้าสบายๆ เพราะไม่มีการบ้าน แต่แม่ก็ดันทำลายความฝันอันงดงามของฉันจนพังยับ ปฏิเสธก็โดนเขกเหม่งแถมยังขู่จะหักค่าขนมครึ่งหนึ่งด้วย
คือพอดีวันนี้แม่มีนัดกับเพื่อนอะไรนี่แหละ เลยลากฉันไปที่บ้านเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนนั้นด้วย ฉันหน้าบูดบึ้งตลอดทางจนถึงบ้านจัดสรรหลังหนึ่ง แต่ก็นะ...พอเจอหน้าผู้หลักผู้ใหญ่เราก็ต้องยิ้มแย้มเข้าไว้ใช่ไหม เพราะงั้นฉันจึงยิ้มแล้วยกมือไหว้น้าคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของแม่อย่างเป็นมิตรและดูน่าเอ็นดูที่สุด
“น่ารักไม่เบาเลยนะ” น้าคนนั้นส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ขณะจ้องหน้าฉันไปด้วย
“น่ารักอะไรล่ะ เห็นอย่างนี้นะอย่างแสบเลย” ทว่ารอยยิ้มเป็นอันต้องหุบฉับลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงแม่ กัดฉันไม่พอยังทำสายตาเหมือนฉันเป็นเด็กเลี้ยงยากแบบนั้นอีก
พวกท่านพูดคุยอะไรกันก็ไม่รู้อยู่ครู่ใหญ่ขณะที่ฉันได้แต่นั่งเงียบๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไร จะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดก็ไม่ได้อีกเดี๋ยวดูเสียมารยาทเกินไป แต่ให้มานั่งฟังอดีตและความหลังสมัยเรียนของแม่เนี่ยก็แบบ... ฉันเป็นพวกสมาธิสั้นน่ะและอยู่สุขไม่ค่อยเป็นด้วย นั่งนานๆ แล้วมันไม่โอเคเลย
“กลับมาแล้วครับ”
ทว่าในจังหวะที่ฉันนั่งเขี่ยเท้าแก้เซ็งอยู่นั้น เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของใครสักคนเรียกให้ฉันหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้คืออะไร กระทั่งสายตาเคลื่อนไปหาร่างสูงในชุดบาสสีดำตัดแดงของผู้ชายคนหนึ่งตรงบานประตูนั่นแหละ หัวใจที่เดิมเต้นเป็นปกติก็กระหน่ำระรัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
พี่อาร์ นั่นมันพี่อาร์ไม่ใช่เหรอ
“อ้าว กลับมาพอดีเลย นี่อาร์ลูกชายฉันล่ะ” ลูกชายเพื่อนแม่!
ฉันรู้เรื่องเขาพอสมควรนะ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นลูกชายเพื่อนแม่น่ะ ขะ ขอเวลาตกใจแปบหนึ่ง...
“...สวัสดีครับ” พี่อาร์ที่ดูสับสนงุนงงกับแขกแปลกหน้ายกมือไหว้แม่อย่างมีมารยาทหนึ่งครั้งก่อนที่นัยน์ตาสีสวยคมกริบของเขาจะเลื่อนมาที่ฉันในเวลาต่อมา ตอนนั้นแหละที่เราสองคนได้สบสายตากัน ฉันยังตกใจไม่หายและทำได้แต่หายใจเข้าปอดลึกๆ ด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าได้รูปและลงตัวเกินไปของเขาทำให้ฉันต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้ สายตาเผลอเหลือบมองหยดเหงื่อตามกรอบหน้าของเขาอย่างที่ชอบมอง ไม่รู้ทำไม...เวลาพี่อาร์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัวแบบนั้นถึงได้ดูดี เซ็กซี่และน่าขย้ำขนาดนี้ ไม่อยากคิดถึงตอนที่เขาถอดเสื้อออกเลยอ่ะ ฮือ
“ลูกเธอหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ได้เชื้อพ่อมาเยอะแน่ๆ” แม่ออกปากแซวแล้วหัวเราะยกใหญ่ พี่อาร์ที่ได้ยินแบบนั้นทำหน้าเฉยชามากเหมือนว่าคำชมนั่นโคตรธรรมดา ประมาณว่าโดนชมจนชาชินแล้วอะไรแบบนี้น่ะ แต่คงเพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ด้วยพี่แกเลยยกมือเกาคอนิดหน่อย ท่าทางแบบนั้นยิ่งขับให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“อิๆ ก็พูดไป เออนี่ เดี๋ยวแม่ฝากน้องพายกับแกหน่อยนะ พอดีแม่จะคุยธุระสำคัญหน่อย” แม่ของพี่อาร์หันไปบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พี่อาร์ยังทำหน้านิ่งคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เหมือนเดิมเลย
“ครับ” พี่อาร์ตอบรับง่ายๆ สั้นๆ แล้วเดินขึ้นห้องไป เขาเหลือบมองฉันด้วยหางตาอีกแล้วแต่ครั้งนี้เป็นการเชิญชวนให้เดินตามขึ้นไป ผิดจากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง
“ขึ้นไปเล่นกับพี่เขานะหนูพาย” และนั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากผู้ใหญ่...
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินขึ้นไปด้านบนอย่างระมัดระวัง คือถึงฉันจะเป็นพวกหน้าด้านหน้าทนและออกตัวแรงเสมอเวลาเจอหน้าพี่อาร์ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งนะทุกคน นี่มันบ้านพี่อาร์เลยนะ แถมยังต้องขึ้นไปเล่นกับพี่แกในห้องอีกต่างหาก แล้วให้ตาย ทำไมฉันถึงได้คิดแต่เรื่องลามกล่ะนี่!
“เอ่อ...หนูขอเข้าไปนะคะ” เมื่อเดินมาถึง ฉันเห็นว่าบานประตูเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อยก็เลยขออนุญาตเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเกินไป ซึ่งเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของพี่อาร์...ลมหายใจเหมือนจะติดขัดขึ้นมาเลย
กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นบุรุษเพศมันช่างยั่วยวนซะเหลือเกิน ทั่วทุกมุมห้องมีแต่กลิ่นอ่อนๆ ของผู้ชายตลบอบอวนไปหมด ยิ่งมองรวมกับทุกสรรพสิ่งภายในห้อง ขาแข้งก็ยิ่งสั่นพร่า แล้วฉันควรทำยังไงต่อไปดีล่ะ ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้พี่อาร์อยู่ไหน
คิดแล้วกวาดสายตาไปรอบห้อง แต่ก็ต้องสะดุ้งจนตัวเกร็งเมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนจากใครคนหนึ่ง ลมหายใจอุ่นๆ กำลังเป่าระศีรษะฉันอยู่เบาๆ กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ที่ชวนใจสั่นทำให้ฉันรีบหันกลับไป และในตอนนั้นเอง ฉันถึงได้พบกับคำตอบว่าบุคคลด้านหลังคือพี่อาร์...เขากำลังก้มหน้าลงมายังฉันที่สูงแค่หน้าอกด้วยสีหน้าหน่ายๆ แลดูหยิ่งผยอง ระยะห่างเพียงคืบทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่ใบหน้าจะร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อพี่อาร์ไม่หลบสายตาไปไหนและเอาแต่จ้องกันอย่างนั้น
ถึงไม่ใช่สายตาพิศวาสก็เถอะนะ! มันก็เขินเหมือนกัน
“เอาไง” เจ้าของร่างสูงที่เนื้อตัวยังคงชุ่มเหงื่อถามกลับมาด้วยวลีสั้นๆ ลมหายใจกลิ่นมิ้นต์ทำให้ฉันมือไม้สั่นไปหมด เอาไงเหรอ เอาอะไรอ่า
“ไม่เอาไงหรอกค่า ฮ่าๆ” ฉันเอ่ยเสียงอ่อน ทั้งที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันทำตัวเอ๋อเหลอหลาอยู่นั่น ยัยพายจอมมั่นหน้าคนเดิมหายไปไหน ฮึดสู้เดี๋ยวนี้! อยู่ใกล้แค่นี้ก็จับจูบเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสิรออะไร ไม่มีใครมาตัดริบบิ้นหรอกนะ!
ใจคิด แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อไปหมด บรรยากาศรอบกายเรามันแปลกจนน่าหวั่นใจ ยิ่งถูกดวงตาคู่คมอันเต็มเสน่ห์นั่นมองมา เหมือนถูกสะกดเอาไว้ด้วยมนตร์คาถาก็ไม่ปาน
“...” พี่อาร์เงียบกลับมา แวบหนึ่งเห็นเขากระตุกมุมปากเหมือนปีศาจด้วย โคตรแบดอ่ะ อย่างกับพระเอกนิยายที่ฉันอ่านเลย
“หนูไม่รบกวนหรอกนะคะ พี่อาร์จะทำอะไรก็ทำเลย” ฉันบอกแล้วเขยิบเท้าออกห่างนิดหน่อย แต่จังหวะที่ลากสายตากลับมานั้นเองสมองมันก็กระซิบบอกให้ฉันทำอะไรสักอย่าง
ฉันเฝ้ารอเวลานี้มาตั้งนาน ไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดและพูดความจริงออกไปเลย ได้แต่ทำตัวเป็นยัยโรคจิตเฝ้ามองเขาตลอด เอาแต่จิตนาการและคิดหื่นๆ กับพี่เขาบ่อยๆ ปากก็บอกว่าอยากได้ อยากเอามาเป็นของตัวเอง แต่เจอหน้าแล้วตัวสั่นแบบนี้มันไม่โอเคเลยนะ จะมาปอดแหกไม่ได้นะอีพาย แกน่ะ! สู้สุดใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ “ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่อาร์!” คิดได้ดังนั้น...ฉันจึงเรียกร่างสูงไว้ เขาซึ่งกำลังเดินไปที่ไหนสักที่เลยเหลือบกลับมาอย่างรำคาญ
“อะไร” เขาถามเสียงหงุดหงิด ยกมือเสยผมเปียกเหงื่อลวกๆ แต่อภิมหาเท่จนมดลูกสั่นสะเทือนอย่างห้ามไม่ไหว
“คือหนู...หนูคิดว่ามีอะไรจะบอกพี่อาร์ค่ะ!” ฉันรวบรวมความกล้าและเอ่ยออกไปเสียงดังฉะฉาน จนคนตัวสูงหันกลับมาและทำสีหน้าเบื่อโลกเต็มที่ โหย...ชีวิตพี่แกมีความสุขบ้างไหมเนี่ย ยิ้มหน่อยก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกมั้งคะ
“...” พี่อาร์เงียบ เหมือนไม่ค่อยจะรอฟังเท่าไรหรอก จะว่ายังไงดีล่ะ คือเขาเหมือนทำไปเพราะจำใจอะไรประมาณนั้นมากกว่า สงสัยเห็นฉันเป็นลูกสาวเพื่อนแม่ตัวเองแน่เลย
“พี่อาร์จำหนูได้ไหมคะ เราเห็นหน้ากันแทบทุกวันเลยนะ...หนูน่ะแอบมองพี่อาร์อยู่บ่อยๆ และคิดว่าพี่อาร์ต้องรู้” หน้าด้านเท่านั้นที่ครองโลกจำเอาไว้นะ! “หนูชอบพี่นะคะ! ชอบมากด้วย!” พอถึงเวลาต้องพูดจริงๆ มันก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิดเลย คงเพราะก่อนหน้านี้ฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อย แต่พอสลัดอาการเหล่านั้นออกไป ความมั่นใจเดิมๆ ก็ซัดกระหน่ำเข้ามา
“แล้ว?” ทว่า...พี่อาร์กลับเลิกคิ้วขึ้น ทำสีหน้าเฉยชา
“หนูชอบพี่ไงคะ ชอบอ่ะ” ฉันพูดออกไปอีกครั้งโดยเพิ่มระดับความชัดเจนและความดังขึ้นมาอีกหน่อย
“แล้วมันยังไง” พี่อาร์ถามกลับมาอีก เอ๊ะ! แล้วยังไงล่ะ ถามแบบนี้ฉันจะพูดยังไง พี่แกไม่เข้าใจอะไรตรงไหนเหรอ ฉันขมวดคิ้วกลับไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ทว่าต้องเปลี่ยนเบิกตาโพลงเมื่อร่างสูงของเขาอยู่ๆ ก็ก้าวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ฉันไม่รู้ว่าพี่อาร์คิดจะทำอะไรเลยเผลอถอยหลัง แล้วก็นั่นแหละ เหมือนฉากในหนังเลย
พึ่บ!
“...!” ฉันสะดุ้งเมื่อเขยิบไปชนขอบเตียงและหงายล้มลงไปบนความนุ่มหยุ่นของเตียงนอนสีเข้ม แต่ไม่น่าตกใจเท่ากับการที่พี่อาร์ตาขึ้นมาทาบทับกันไว้ด้วยร่างกายสูงใหญ่ บดเบียดร่างกายชุ่มเหงื่อลงมาจนเสื้อผ้าที่ฉันสวมพลอยเปียกไปด้วย น้ำหนักกายของเขาทำให้ฉันหายใจแทบไม่ออกและหน้าร้อนผ่าวแทบระเบิดในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาเกินมนุษย์มนาเขยิบเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราสัมผัสกันในที่สุด
ตายๆๆๆ ฉันต้องตายแน่ๆ
“ฉันถามว่าจะเอายังไง” พี่อาร์ถามด้วยเสียงหยิ่งๆ สีหน้าของเขาขัดแย้งกับการกระทำจนเดาอะไรไม่ได้ ยิ่งเขาจงใจเบียดร่างกายแข็งแกร่งลงมามากยิ่งขึ้น ความร้อนระอุจากเขายิ่งทำให้ฉันสับสนและอ่อนเหลวเป็นน้ำไปหมด อันตรายเกินไปแล้วนะ... ทุกอย่างจากตัวของเขาทำให้ฉันปวดมวนไปหมดทั้งตัว ขนอ่อนลุกชันขึ้นมาเลย
“พี่อาร์ นี่มัน...!” ฉันกำลังจะเอ่ยอะไรออกไป แต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีเมื่อริมฝีปากสีแดงสดของพี่อาร์ฉกวูบลงมาแรงๆ บดเบียดและปิดทับทุกๆ อย่างอย่างดุดันจนฉันต้องหลับตาปี๋ “อื้อ...” ฉันปล่อยเสียงออกมาเพราะหายใจไม่ออก เเต่พี่อาร์กลับยิ่งบดริมฝีปากลงหนักกว่าเดิมจนบริเวณนั้นเเสบร้อนยิ่งกว่าถูกไฟเผา สัมผัสจากเขาทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายเลยต้องใช้มือยันไหล่หนาไว้
พี่อาร์ผละออกห่างอย่างว่าง่าย เขาลุกขึ้นแล้วก้มหน้ามองฉันด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะพูดออกมาด้วยถ้อยคำร้ายกาจ
“ก็อยากทำแบบนี้ตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้วไม่ใช่...”
“...”
“สนองให้แล้วไสหัวไปไกลๆ น่ารำคาญ”