ไนล์ลงจากรถยนต์หรูที่คุณปู่ส่งไปรับตนก็ยกมือไหว้ขอบคุณลุงคนขับรถที่ไปรับแล้วก็สะพายเป้ใบเล็กที่แม่เตรียมให้ก่อนออกจากห้องพักที่โรงแรมเดินเข้าบ้านก็เห็นคุณปู่เดินออกมาต้อนรับและเดินนำหน้าคุณปู่ก็เป็นคุณลุงที่ตนชนเมื่อวาน หนุ่มน้อยจำได้ก็ร้องดีใจ
“คุณลุงเมื่อวาน สวัสดีครับ” หนุ่มน้อยเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้สวัสดีแล้วเดินไปกอดคุณปู่พร้อมเอ่ยสวัสดีท่าน
“คุณปู่สวัสดีครับ ทานมื้อเช้ารึยังครับ วันนี้แม่หนิงทำข้าวไข่ข้นกุ้งใส่กล่องมาให้ผมด้วยนะฮะ”
“ปู่ทานแล้วไนล์ เข้าบ้านกันเถอะ วันนี้จะเล่าเรื่องอะไรให้ปู่ฟังมั่งฮึ” คนแก่เอ่ยกับหลานชาย ไม่สนใจลูกชายที่มองมาทางตนให้แนะนำว่าตนคือใครกับลูก แต่ฤทธิ์ไม่สนใจจะเอ่ยแนะนำ
“คุณปู่ คุณลุงคนนี้มาทำไมที่บ้านคุณปู่ครับ ลุงคนที่ไนล์เล่าเมื่อวานก่อนที่จะมาหาคุณปู่ไงครับ” หนุ่มน้อยไม่ยอมเดินเข้าบ้าน แต่หันไปทางคนที่ตนชนเมื่อวานแทนแล้วก็เล่าบอกคุณปู่อีกครั้งว่าคุณลุงที่ตนชนเมื่อวานคือคนนี้แหละ
“ลูกชายปู่เองแหละ ชื่อฤกษ์ วันนี้เขาแวะมาหาปู่น่ะ” ฤทธิ์เอ่ยบอกหลานชายแล้วยิ่งทำให้ไนล์ผู้ฉลาดเกินวัยขมวดคิ้วมุ่นสงสัย
“ลูกชายคุณปู่ แล้วใช่พ่อของไนล์ไหมครับ?”
ฤทธิ์ไม่ตอบหลานชาย แต่ก็ยิ้มรับแล้วก็มองไปทางลูกชายที่เดินกะเผลกมาหาตนกับไนล์
“ใช่ ฉันเนี่ยแหละพ่อหนู ไอ้ลูกชาย” คำว่า ‘ไอ้ลูกชาย’ ดังลอดจากริมฝีปากหนา ตอนนี้เองที่ฤกษ์รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตขึ้นมา ตลอดเวลาหลายปีเขาแห้งเหี่ยวเหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่กับงาน ตอนนี้พอได้รู้ว่าตัวเองมี ‘ลูก’ เขากลับรู้สึกว่าชีวิตของเขามีเป้าหมายขึ้นมาทันที
ไนล์มองมือใหญ่ที่ยื่นมาจะลูบหัวตัวเองแล้วก็เบี่ยงหัวหลบ
“อย่ามาแตะต้องผมฮะ หัวผมมีแค่แม่หนิงกับคุณปู่เท่านั้นที่ลูบได้ฮะลุง”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าเป็น ‘พ่อ’ แต่หนูน้อยก็ไม่ยอมเรียก เพราะจะเรียกก็ต่อเมื่อแม่บอกเท่านั้น อีกอย่างตลอดเวลาไนล์มีแค่ ‘แม่’ คนเดียว ‘พ่อ’ ที่เพิ่งเจอเลยไม่มีผลกับเขาเท่าไหร่นัก มีหรือไม่มีก็ได้ เพราะแม่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกขาดความอบอุ่นและน้อยเนื้อต่ำใจสักครั้ง ฉะนั้นจะมีพ่อหรือไม่มีก็ได้ในชีวิตเด็กน้อย
ฤกษ์จุกพูดไม่ออกเมื่อเจอคำพูดที่ตอบสวนกลับของลูกชายและท่าทีของลูกชายที่มีต่อตนแล้วก็รีบชักดึงมือกลับ
“ทำไมพ่อจะลูบหัวลูกไม่ได้ พ่อเป็นพ่อของเรานะ”
“ก็ใช่ไงครับ แล้วได้เลี้ยงผมมาไหมล่ะครับ ก็ไม่ใช่ไหมล่ะ งั้นก็ไม่ต้องมาลูบหัวผม ไม่ต้องอยากมาทำหน้าที่พ่อของผมตอนนี้ เพราะผมมีแด๊ดปีเตอร์อยู่แล้ว” หนุ่มน้อยตอบสวนกลับและทำเอาคนเป็นพ่อกับปู่อึ้งพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเด็กหกขวบย่างเจ็ดขวบจะพูดจาฉะฉานเกินวัยแบบนี้
“เอาล่ะ เข้าบ้านกันเถอะ อย่ามายืนคุยกันตรงนี้เลย” ฤทธิ์เห็นสีหน้าของลูกชายที่แสดงความเดือดดาลออกมาชัดเต็มสีหน้าแล้วก็รีบเอ่ยแทรก ไม่งั้นมีหวังพ่อลูกได้ยืนถกเถียงทะเลาะกันแน่นอน
“ครับ คุณปู่” หนูน้อยยอมเดินตามปู่เข้าบ้าน ส่วนฤกษ์ก็เดินกะเผลกเท้าเจ็บตามพ่อและลูกชายเข้าบ้านไปด้วยความเดือดดาล ลูกชายของเขาเรียกคนอื่นว่า ‘แด๊ด’ แต่กับเขากลับเรียก ‘ลุง’ แถมไม่ให้ลูบหัวอีก มันน่าเคืองนักและคนอย่างนฤภรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
ฤทธิ์เชื่อแล้วว่าหลานชายถอดแบบพ่อมาจริงๆ ไม่ว่าจะท่าทางการพูดและนิสัยใจคอ ถึงแม้นฤภรบอกว่าไม่เหมือนฤกษ์ แต่คนเป็นปู่อย่างเขามองแค่ปราดเดียวก็รู้เลยว่าไนล์คือฤกษ์คนที่สอง ตอนนี้สองพ่อลูกนั่งจ้องหน้ากันแบบไม่หลบสายตากัน คนเป็นพ่อมองอย่างโหยหา ส่วนคนเป็นลูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ไม่ชอบขี้หน้าพ่อนั่นเอง
“จะมองผมอีกนานไหมฮะลุง เรื่องเมื่อวานขอบคุณลุงมากนะฮะ แต่เรื่องที่ลุงเป็นพ่อผม ผมไม่ยอมรับและห้ามคิดเข้ามาจีบแม่ผมด้วย แม่หนิงมีแค่ผมดูแลคนเดียวก็พอแล้ว อ้อ...มีแด๊ดปีเตอร์อีกคนที่ดูแลแม่หนิงกับผม” หนุ่มน้อยที่นั่งกอดอกอยู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือที่กอดอกตัวเองมาเปิดกระเป๋าเป้ตัวเองแล้วหยิบกล่องข้าวไข่ข้นหน้ากุ้งออกมา
“แม่ทำมาสองกล่องครับ ของคุณปู่หนึ่งกล่องครับ ไว้ทานมื้อเที่ยงกัน” หนุ่มน้อยส่งยื่นให้คุณปู่
“ของพ่อล่ะไนล์”
“เลิกแทนตัวเองว่าพ่อผมสักทีฮะลุง ลุงไม่ได้เลี้ยงผม อย่ามาแทนตัวเองว่าพ่อ ผมไม่ชอบ ใช่ไหมคุณปู่” หนุ่มน้อยหันไปถามความเห็นคนเป็นปู่
อือ!
ฤทธิ์ได้แต่ครางพยักหน้าตอบหลานชายโดยซ่อนยิ้มไว้ในใจ ‘มวยคู่นี้ท่าจะมันเอาการ’ ชายชราพึมพำในใจ
“พ่อ ผมขอคุยกับไอ้หนูนี่หน่อยเถอะ” ฤกษ์บอกพ่อของตัวเอง
“แกจะทำอะไรหลานฉันไอ้ฤกษ์” ฤทธิ์ถามลูกชาย
“ผมไม่ฆ่าก็แล้วกันน่า อีกอย่างหลานพ่อก็ลูกผมไหม”
“คุยกันดีๆ ล่ะ ไนล์มีอะไรร้องดังๆ เลยนะลูก ปู่จะมาช่วย” ก่อนจะลุกจากโซฟา ท่านก็บอกสั่งหลานชาย
“ไม่ต้องห่วงฮะปู่ ไนล์ดูแลตัวเองได้ คุณลุงคนนี้ทำอะไรไนล์ไม่ได้หรอกฮะ” เด็กน้อยบอกปู่พร้อมยักคิ้วให้เล็กน้อย
“แบบนี้สิหลานปู่” แล้วชายชราก็ลุกออกจากห้องนั่งเล่นปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่กันลำพัง
“แด๊ดปีเตอร์คือใคร?” นี่คือสิ่งคาใจของเขาในตอนนี้และอยากรู้มากว่ามันเป็นใคร ทำไมทำให้ลูกของเขารักและปกป้องมันได้แบบนี้
ไนล์เม้มปากแน่น ทำไมต้องตอบด้วยล่ะ
“พ่อถามว่าแด๊ดปีเตอร์คือใคร?” ฤกษ์เอ่ยถามเสียงดังขึ้นและน้ำเสียงก็เข้มห้วนกว่าตอนแรก
“ทำไมผมต้องตอบลุงด้วยฮะ บอกแล้วไง อย่าแทนตัวเองว่าพ่อของผม” ไนล์ตอบอย่างดื้อรั้น
“จะบอกไม่บอกว่ามันเป็นใคร”
“แล้วจะอยากรู้ไปทำไมครับ รู้แต่ว่าเขาดีกว่าลุงก็แล้วกันฮะ”
“อุวะ! ไอ้เด็กเนี่ย รั้นได้ใครวะ!” หากมองดีๆ ก็เหมือนตัวคนพูดนั่นแหละ
“อย่ามาขึ้นเสียงและพูดหยาบคายกับผมนะลุง เราไม่ได้สนิทกันถึงขึ้นต้องพูดแบบนี้ ผมจะโทรฟ้องแม่”
“ฟ้องเลย บอกแม่ของนายเลยว่าตอนนี้อยู่กับพ่อ” ฤกษ์ท้าทายให้ไนล์โทรหานฤภร เพราะเขาเองก็อยากเจอเธอเหมือนกัน อยากคุยเรื่อง ‘ลูก’ หัวแข็งคนนี้เหมือนกัน
“ผมไม่โง่โทรตามที่คุณลุงบอกหรอกฮะ ผมมองออกว่าลุงอยากเจอแม่หนิง” หนุ่มน้อยเบ้ปากเล็กน้อยแล้วกระโดดลงจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่มายืนกับพื้นพรม
“ผมไปหาคุณปู่ก่อน ไม่มีอะไรต้องคุยกับลุงแล้ว” แล้วหนุ่มน้อยก็เก็บกล่องข้าวของตัวเองที่นำออกมาก่อนหน้าใส่กระเป๋าเป้แล้วรูดซิปสะพายออกไปจากห้องนั่งเล่น
“อ่า...ให้ตายสิวะ! เธอเลี้ยงลูกให้มาก้าวร้าวกับพ่ออย่างฉันเนี่ยนะหนิง” อยากจะบ้าตาย นฤภรสอนลูกของเขาได้ดีๆ จริงๆ สอนให้ต่อปากต่อคำกับเขาแบบไม่ลดราวาศอกแม้แต่คำเดียว
ไนล์บอกว่าจะออกมาหาคุณปู่ พอเดินลับออกจากห้องนั่งเล่นก็มองซ้ายมองขวาแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือที่ใช้โทรเข้าโทรออกได้ต่อสายหาแม่ของตนทันที
“แม่หนิงฮะ”
“ว่าไงครับไนล์ ถึงบ้านคุณปู่รึยังลูก”
“ถึงแล้วฮะ ไนล์เจอพ่อด้วย พ่อที่เป็นลูกชายของคุณปู่น่ะครับ” เขารีบบอกรายงานคนในสาย และปลายสายก็อึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อลูกชายบอกว่าเจอใครที่บ้าน
“ไนล์ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก”
“ไม่ต้องห่วงไนล์ครับแม่หนิง ไนล์ลูกแม่หนิงเก่งอยู่แล้ว ทำงานเถอะฮะ ไนล์ไม่กวนแม่หนิงแล้วฮะ ไนล์แค่อยากโทรบอกว่าเจอใครเท่านั้นฮะ อ้อ...พ่อดื้อมากเลยฮะ ชอบใช้อำนาจด้วยแหละฮะ แต่ไนล์ไม่ยอมแพ้หรอกฮะ ไนล์ยอมให้แม่หนิงสั่งได้คนเดียว”
ความน่ารักไร้เดียงสาฉลาดเกินวัยของลูกชายทำให้นฤภรยิ้มหัวเราะขำแล้วก็ตอบกลับมาในสาย
“พ่อดื้อแบบนี้นี่เอง แม่หนิงถึงไม่พูดถึง ไม่น่ารักเหมือนแด๊ดปีเตอร์เลยฮะ”
“ใช่ ดื้อพอๆ กับไนล์นั่นแหละ เดี๋ยวแม่ไปรับนะครับ แม่เสร็จงานที่นี่แล้ว”
“ไนล์ไม่ได้ทำให้แม่หนิงเสียงานนะฮะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นเจอกันฮะ แค่นี้นะฮะ เดี๋ยวพ่อรู้ว่าผมโทรหาแม่ เพราะไนล์บอกจะไม่โทร”
“จ้า แม่รักไนล์นะ”
“ไนล์ก็รักแม่หนิงฮะ” แล้วหนุ่มน้อยก็กดวางสายแล้วมองซ้ายมองขวายิ้มกริ่มเดินกลับเข้าห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม ไม่ไปหาปู่แล้ว อยู่ทะเลาะกับพ่อต่อในห้องนั่งเล่นดีกว่า สนุกกว่าเยอะ