โซ่รักคนโฉด 4. เชื้อพ่อแรง

1422 คำ
พอออกมาจากบ้านประกอบการทรัพย์ โอฬารก็กดต่อสายหาเพื่อนรักทันทีและถามว่าตอนนี้อยู่ไหน พอรู้ว่าเพื่อนรักอยู่คอนโดก็มาหาและพอมาหาก็เห็นเพื่อนนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ ในความมืดสลัวบนโซฟาก็เดินไปยื้อแย่งขวดบรั่นดีในมือเพื่อนมาถือไว้พร้อมเปิดไฟให้สว่าง “มีเรื่องเครียดอะไรถึงดื่ม?” โอฬารนั่งลงแล้ววางขวดบรั่นดีในมือลงบนโต๊ะ “แกเถอะ มีเรื่องอะไรโอฬาร?” ฤกษ์เงยหน้ามองเพื่อนรักแล้วก็ยื่นมือไปจะหยิบขวดบรั่นดีมาดื่ม แต่ถูกมือหนาของนายหัวหนุ่มจากแดนใต้ปัดตีห้ามไว้ “พอได้แล้ว แล้วมาคุยกันก่อนไอ้ฤกษ์” “เรื่องไรวะถึงคุยไปดื่มไปไม่ได้” “ลูกของมึงไงไอ้ฤกษ์” “มึงรู้?” ฤกษ์ขยับตัวนั่งตรงถามเพื่อน “ใช่ รู้และเจอมาแล้วด้วย แล้วมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้ฤกษ์ว่ามึงมีลูก” นี่ต่างหากที่เขาอยากรู้ตอนนี้ “วันนี้ที่ห้าง กูเจอเด็กคนหนึ่งและเด็กนั่นมากับหนิง” “ให้ตายสิวะ! นั่นลูกชายมึงกับหนิง กูเพิ่งไปเจอมา หนิงพาลูกไปบ้านมึงวันนี้ และกินข้าวกับพ่อมึง” “พ่อกูรู้” “แน่นอน รู้มาตลอด มีแต่มึงนั่นแหละไม่รู้” “เราหย่ากันมาเจ็ดปีกว่าแล้วนะมึง อีกอย่างกูก็ไม่ได้ติดตามข่าวเธอและเธอเองก็ไม่อยากให้กูรู้เรื่องของเธอ” “ไอ้โง่! มึงเก็บรูปแต่งงานติดตัวไว้ตลอด มึงอย่าบอกว่าไม่ได้ ‘รัก’ หนิงนะไอ้ฤกษ์ ถ้ามึงบอกไม่ กูจะขำมากไอ้โง่” “กูไม่รู้ แต่กูก็ทิ้งรูปและเรื่องราวระหว่างกูกับหนิงไม่ลง สองปีที่เราอยู่ด้วยกัน เธอเป็นเมียที่ดี...” “ใช่ เป็นเมียที่ดีและเป็นแม่ที่ดีด้วย แล้วกูถามจริงเถอะ มึงกับยัยกัลยามันยังไง ทะเลาะกัน เลิกกันก็หลายครั้ง แล้วทำไมยังกลับมาคบกันอีก กูไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่ายัยนั่นก็ไม่ได้มีมึงคนเดียว” “หล่อนน่าสงสาร” ฤกษ์ตอบสั้นๆ “แล้วเมียกับลูกมึงล่ะไอ้ฤกษ์ มึงคิดเองนะว่าจะตามหนิงกับลูกกลับมาอยู่ด้วยแล้วสลัดแม่นั่นออกจากชีวิตตัวเอง หรือจะเก็บแม่นั่นไว้ข้างตัวแล้วปล่อยหนิงกับลูกมีชีวิตของพวกเขา” “ไม่มีทาง! นั่นลูกกู ไอ้โอฬาร!” โอฬารแค่นขำในลำคอเมื่อได้ฟังเพื่อนตอบแบบนี้ก็รู้ทันทีว่าต่อจากนี้ไป เพื่อนจะเลือกใคร “งั้นกูกลับคอนโดล่ะ พรุ่งนี้ต้องกลับเกาะแล้ว อ้อ...พรุ่งนี้คุณพ่อจะให้คนไปรับลูกแกไปที่บ้านนะ แกอยากเจอลูกตัวเองก็กลับบ้านล่ะ” “อือ...ดึกแล้ว ขับรถดีๆ ล่ะไอ้เพื่อน” “แน่นอน มึงก็เลิกดื่มได้แล้ว อย่าทำพลาดเป็นครั้งที่สองล่ะ” “เออ! แต่ไหนๆ ก็เปิดขวดแล้วดื่มให้หมดแล้วกันไอ้เพื่อน” แล้วฤกษ์ก็คว้าหยิบขวดบรั่นดีมาจิบดื่มต่อ ส่วนแขกที่มาก็ลุกจากโซฟาแล้วกลับไปพักผ่อน หึหึ ฤกษ์แค่นขำมองขวดบรั่นดีแล้วปามันทิ้งลงพื้นด้วยความเดือดดาล เมื่อคิดถึงเรื่อง ‘ลูก’ ตลอดเวลาหลายปีนฤภรปิดบังเขามาตลอด ทั้งๆ ที่เขาควรจะได้รู้ถึงการมีตัวตนของลูกของเขา “ถึงเวลาที่เธอต้องชดใช้ฉันแล้วหนิง” แล้วเขาก็ลุกเดินเหยียบเศษแก้วของขวดบรั่นดีที่ตนปาแตกกับพื้นผ่านเข้าไปในห้องนอนด้วยเท้าเปล่า ไม่สนใจว่าเท้าจะโดนเศษแก้วบาดเท้าหรือไม่ นฤภรมองลูกชายที่หลับสนิทบนเตียงแล้วก็ลุกลงจากเตียงเดินไปรับลมที่ระเบียงห้องของตัวเองมองบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร เจ็ดปีเกือบแปดปี ที่ไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิด ซึ่งตอนนี้เธอกลับมาแล้วและจะไม่ไปไหนอีกแล้ว เธอกับลูกชายมาพักที่โรงแรมระหว่างรอบ้านตกแต่งเสร็จ บ้านยังคงเป็นบ้านหลังเดิมที่เป็นเรือนหอของเธอกับพ่อของลูก แม้ตอนนี้จะเป็นอดีตไปแล้ว แต่นั่นคือบ้านที่เธอต้องกลับมาอยู่ ถึงจะไปอยู่ที่อื่นนานแค่ไหน ยังไงก็ต้องกลับบ้านของตัวเอง “คุณคงมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้นสินะคะคุณฤกษ์” เธอพึมพำกับสายลมที่พัดกระทบผิวแก้มนวลของตัวเอง ตลอดเวลาที่ไม่ติดต่อ ไม่ติดตามข่าว แต่ก็ใช่จะไม่รู้ว่าอดีตสามียังคงคบหากับกัลยาเหมือนเดิม “ถึงไนล์จะไม่มีคุณก็ไม่เป็นไร เพราะเขามีหนิง” เธอหันกลับเข้าไปในห้องมองที่เตียงที่มีลูกน้อยหลับสนิทอยู่บนเตียง เธอกลับมาเปิดร้านอาหารที่ไทย โดยมีหุ้นส่วนอย่างปีเตอร์ เพื่อนที่รู้จักกันตอนอยู่ฝรั่งเศสมาร่วมลงทุนด้วย ชายชรามองลูกชายเดินกะเผลกๆ เข้ามาในบ้านและเท้าก็มีผ้าพันแผลอยู่ก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้แผล และทำไมวันนี้มาบ้านแต่เช้า ปกติจะกลับบ้านทุกวันศุกร์ แต่วันนี้วันอังคารเอง ทำไมถึงกลับบ้านได้ ถึงแม้จะรู้ว่าทำไมวันนี้ลูกชายกลับบ้านก็เถอะ โอฬารคงได้เล่าเรื่องของไนล์กับนฤภรให้ฟังแล้วถึงโผล่มาบ้านแต่เช้าแบบนี้ “ไปโดนอะไรมาไอ้ฤกษ์?” “เหยียบแก้วน่ะครับ ว่าแต่ลูกผมมารึยังครับ” เขาหย่อนก้นนั่งลงโซฟาตัวยาวที่อยู่ตรงข้ามพ่อพร้อมเอ่ยถาม “ลูก?” ชายแก่เลิกคิ้วถามลูกชายด้วยสีหน้ามึนงง “ผมรู้ว่าพ่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไร และผมเองก็มีเรื่องต้องคิดบัญชีกับพ่อด้วย ทำไมพ่อถึงปิดบังผมเรื่องหนิงกับลูก” เขาหันไปพยักหน้าขอบคุณเจียมที่นำน้ำมาให้ตัวเองแล้วก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดื่ม “หนูหนิงไม่ให้พ่อบอกแกเรื่องหลาน” “เธอไม่ให้บอก พ่อก็ไม่บอก ทำไมพ่อเชื่อเธอทุกอย่าง ทีผมพูดอะไร พ่อก็ไม่เคยเชื่อ” “ก็พ่อรู้สันดานของแกดียังไงล่ะไอ้ฤกษ์ และอย่ามาพาลที่นี่ เดี๋ยวไม่นานคนขับรถก็พาหลานพ่อมาแล้ว แกกลับไปซะ” “ผมจะอยู่ที่นี่ ผมอยากเจอลูกของผม และผมต้องคุยกับหนิงเรื่องลูกด้วย” “แกไม่มีสิทธิ์แล้วไอ้ฤกษ์ แกกับหนูหนิงหย่ากันแล้ว อย่าลืมสิ” “แล้วมีกฎหมายข้อห้ามข้อไหนไม่ให้ผัวเมียที่หย่ากันแล้วกลับมาจดทะเบียนสมรสกันได้อีกล่ะ” เขาตอบสวนกลับอย่างมึนทึน ‘มันได้ใจพ่อมันจริงว่ะ ไอ้ลูกเวรนี่’ ชายแก่ยิ้มย่องพึมพำในใจ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ “แล้วนังหนูกัลยาของแกนั่นล่ะ” “ตอนนี้ผมมีทั้งลูกทั้งเมีย กัลยาเกี่ยวอะไรด้วยครับ เธอก็อยู่ส่วนเธอสิ วันนี้หนิงจะมาบ้านไหมครับ และพ่อรู้ไหมว่าเธอพักอยู่ไหน ก่อนมานี่ผมไปที่บ้านแต่ไม่เจอใคร มีแต่คนทำความสะอาดและทีมตกแต่งร้านทำงานอยู่” ก่อนจะมาบ้านพ่อ เขาแวะไปบ้านที่เป็นเรือนหอของเขาและหญิงสาวก่อนแล้ว “ถึงฉันไม่บอกแก แกก็สืบรู้เองอยู่ดีไม่ใช่เหรอไอ้ฤกษ์ วันนี้มีแค่ไนล์มาที่บ้าน เพราะหนูหนิงยุ่งเรื่องร้านที่กำลังจะเปิด” “ร้าน? เธอทำร้านอะไรครับ” “ร้านอาหารไทย เห็นว่าทำกับเพื่อนฝรั่งน่ะ” “เพื่อนหรือผัวใหม่กันแน่ครับ” “อุวะ! อยากรู้มึงก็รอคุยกับหนูหนิงเองสิ นั่นไง เสียงรถมาแล้ว หลานพ่อคงมาถึงแล้ว แกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะ” “ที่ผ่านมาผมก็ดีมาตลอด พ่อไม่เห็นเอง” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินกะเผลกออกไปนอกบ้านไปรับลูกชายของตน ชายแก่ลุกขึ้นจากโซฟาเดินตามหลังลูกชายไปรับหลานชายเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม