มาถึงที่หน้าบ้านหรูสองชั้น
ผัดไทยเห็นว่ารถของภาคินทร์จอดอยู่ในบ้านเขาคงกลับมาแล้ว วันนี้เขาไม่มากินข้าวเที่ยงที่บ้านเธอจึงอยู่ในไร่ทั้งวัน
ร่างบางเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์หน้าบึ้งตึง เขาวางสายแล้วหันมาคุยกับเธอ
"วันนี้เฮียไม่กลับนะ จะไปนอนค้างที่บ้านไอ้เชิด" มีปาตี้เลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่นั่น ถึงจะยังดื่มเหล้าไม่ได้แต่เขาก็จะไป ไม่อยากอยู่บ้านกับเมีย มันเครียด เมื่อกี้ก็ยังอารมณ์ดีๆ อยู่ พอเจอหน้าเมียแล้วเครียดทันที
"ค่ะ ตามสบายแต่อย่าลืมนะคะ ว่ายังดื่มเหล้าไม่ได้" ยาที่เขากินอยู่ห้ามดื่มสุรา
"รู้แล้วน่า เฮียไม่ใช่เด็กสองขวบ ดูแลตัวเองได้เว้ย โตแล้ว" พูดอย่างกับเขาไม่รู้เรื่องอะไร คอยมาจัดแจงจุ้นจ้านจริงๆ แม้จะอารมณ์ดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายโกรธที่โดนเมียด่าว่าไม่มีสมอง มันจี๊ด
"ถ้าโตแล้วเป็นแบบนี้ ก็อย่าโตเลยค่ะ"
"ผัด!!มันจะมากเกินไปแล้วนะ จะพูดอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อย" จะไม่ให้เขาอารมณ์เสียได้ยังไงก็ดูปากเธอสิ
"น้อยๆ เหรอคะ แล้วสิ่งที่เฮียทำอยู่มันคืออะไร จะทำอะไรอย่าคิดว่าผัดไม่รู้ อีกแค่ยี่สิบว่ามันทนไม่ได้เลยหรือไง" เธอรู้ เธอไม่ได้โง่ เธอรู้เรื่องที่คนอื่นซุบซิบนินทากัน แต่เธอแค่แกล้งไม่รู้ ก็แค่อยากจะรู้ว่าเขาจะเดินหน้าต่อยังไง ทั้งที่เราคุยเรื่องพวกนี้กันแล้ว
"อะไรวะผัด วันๆ แม่งหาแต่เรื่องชวนทะเลาะ มันจะอยู่กันดีๆ สักวันไม่ได้เลยใช่ไหม" เมื่อเห็นแววตานางมาร เขาก็เริ่มหวิวๆ ใจไม่ดี หรือว่าเธอจะรู้อะไรแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปิดอยู่แล้ว
"ไม่มีใครอยากทะเลาะกันทุกวันหรอกนะเฮีย คิดว่าผัดสนุกกับการบ่นเฮียทุกวันหรือไง ที่ผัดต้องพูดเพราะสิ่งที่เฮียทำมันไม่ถูกต้องไง อีกแค่ยี่สิบกว่าวันเราก็จะหย่ากันแล้วหลังจากนั้นเฮียจะมีเมียอีกเป็นร้อยก็ไม่มีใครว่าอะไรเฮียหรอก จะทำอะไรก็ช่วยนึกถึงหน้าผัดด้วย ถ้าพ่อเอกรู้เรื่องนี้เฮียก็จัดการเอาเองแล้วกัน" ผัดไทยพยายามใจเย็นใช้เหตุผลพูดกับเขา เธอรู้จักนิสัยเขาเธอถึงต้องพูด ในสายตาของเขาเธอคงเป็นเมียที่แย่มากเลยสินะคงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกแค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สิ้นสุดเมื่อไหร่ก็แค่แยกย้าย
"เรื่องพ่อเฮียจัดการได้อยู่แล้ว ก็แค่เด็กขัดดอก เลี้ยงเอาไว้ใช้งาน มันจะอะไรกันนักหนาวะผัด เอาก็ยังไม่ได้เอา มีตรงไหนที่ผิดที่ไม่ถูกต้องวะ" เขาไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่ได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอกับพ่อสักหน่อย 'ผมจะไม่มีใครในระยะเวลาสองปีที่อยู่กับผัด ตามนั้น ผมทำได้อยู่แล้ว'คำพูดที่พูดต่อหน้าผู้เป็นพ่อเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ สิ่งที่ได้ แลกกับตกนรกตอนนี้เขาคิดว่าไม่คุ้ม
ผัดไทยได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งที่เขาบอกว่าไม่ผิดเขาเป็นคนเลวๆ ที่คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ก็คงเป็นเธอสินะที่ผิด เธอมันขี้บ่นน่ารำคาญ คงไม่สวยถูกใจเท่ากับเด็กสาววัยมหาลัย...
"ก็อย่าให้มันมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน แล้วถ้ามีเงินมากจนใช้หมดก็ไปบริจาคให้เด็กกำพร้าบ้าง ไม่ใช่เอาไปเลี้ยงเด็ก" เด็กที่เธอหมายถึงคือเด็กที่ถือถุงแบรนด์เนม คงไม่ต้องเดาว่าใครซื้อให้ พยายามให้ทุกเรื่องเป็นแค่เรื่องตลก แม้มันจะไม่ตลกเลยสักนิด
"เฮียก็บริจาคให้เด็กอยู่นี่ไง จะเด็กกำพร้าหรือเด็กมหาลัยมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไปละ ขี้เกียจทะเลาะ" เดินไปหยิบของแล้วรีบเดินออกไป..
ผัดไทยทำได้แค่ถอนหายใจตามเคย ใครที่คิดจะมีสามีต้องดูให้ดีๆ หน่อยนะ ระวังจะได้อย่างที่เธอได้อยู่ตอนนี้ นี่แหละสามีที่ไม่ได้เลือก แต่ถ้าเธอเลือกเอง คนแบบนี้เธอไม่เอามาเป็นพ่อของลูกหรอก
ตอนนี้สิ่งที่ผัดไทยกำลังเครียดและกังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้แต่คือเรื่องสร้อย เธอยังมีหวังอยู่ใช่ไหม สร้อยเส้นนั้นเป็นเหมือนหัวใจของเธอ..ตั้งแต่ที่สร้อยหายไปเธอก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ...
อ้อนวอนขอให้ได้คืน..แต่ก็ช่างไร้วี่แวว
สามวันต่อมา
ฉลองงง กินเหล้าได้แล้วเว้ยย กลับเข้าสู่สภาวะเดิมหลังจากไม่ได้กินเหล้ามาเป็นอาทิตย์...
ก่อนจะไปกินเหล้ากับเพื่อนเสี่ยคินทร์ขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจไปที่ลานปล่อยกู้เพื่อไปเคลียร์งานและหาเรื่องเจอเด็กเลี้ยง
ร่างสูงใหญ่เดินลงมาจากมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ สวมเสื้อหนังสีดำกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มตัวโปรด ดูหล่อเท่ในสายตาสาวๆ ยกเว้นเมียผู้ซักเสื้อผ้าให้
ลานโกดังด้านหน้า
"พวกมึงก้มมองหาอะไรกันนักหนาวะ กูเห็นหามาสองสามวันละ พ่อมึงอยู่ที่พื้นหรือไง" เห็นแล้วเสียอารมณ์ไม่รู้มันหาอะไรกันที่พื้นนักหนา
"สะเสี่ย สวัสดีครับ พวกผมกำลังหาสร้อยให้ซะ"
"เสี่ยมาแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะ" เบนโตะยังพูดไม่จบ เด็กสาวที่ขึ้นมาเป็นคนโปรดของเสี่ยก็เดินเข้ามาทักทายพอดี
"มัดทำบัญชีเล่มล่าสุดเสร็จแล้วค่ะ มัดเก่งไหมคะ" เด็กสาวเดินเข้าไปอ้อนเสี่ยสายเปย์ และเธอก็รู้ว่าเสี่ยแพ้ลูกอ้อน
"เก่งมาก เก่งที่สุด" เสี่ยหลงเด็กยิ้มมีความสุข เดินเคียงคู่เด็กสาวเข้าไปในห้องทำงาน
เบนโตะ เมฆ ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงๆ พร้อมกับส่ายหัวเอือมระอานิสัยเจ้านายตัวเอง มีเมียสวยเมียดีไม่ชอบ..ตอนนี้พวกเขาต้องช่วยกันหาสร้อยซ้อผัดให้เจอ ตั้งแต่วันนั้นซ้อผัดก็มาถามทุกวันว่าเจอไหม ดูท่าทางเป็นกังวลจนพวกเขาสงสาร ซ้อดูเศร้ามาก สร้อยนี้คงสำคัญมากแหละถึงทำให้ซ้อผัดเศร้าได้ขนาดนี้ พวกเขาจึงต้องช่วยกันหาให้เจอ ต่อให้พลิกแผ่นดินหา พวกเขาก็หาสร้อยมาให้ซ้อผัดให้ได้...
ภายในห้องทำงาน
โต๊ะทำงานอีกฝั่งก็กว้างแต่ก็ยังไปนั่งเบียดกัน เด็กสาวหัวเราะคิกคักเมื่อเสี่ยหนุ่มเอานิ้วมาจิ้มแก้ม งานการไม่ต้องทำหรอกวันนี้
"มัดเก่งขนาดนี้ เสี่ยไม่มีอะไรจะให้มัดบ้างเลยหรือคะ" พูดแบบนี้คืออยากได้ สองสามวันมานี้เสี่ยไม่ได้พาเธอออกไปไหน บอกว่าเมียที่บ้านแยกเขี้ยว เอาไว้หย่ากับเมียค่อยไปเที่ยวกันแบบจัดหนัก
ใบหน้าเล็กงุ้มงอทำงอนที่เสี่ยไม่มีอะไรให้
"หึ..มีสิ สำหรับเด็กขยัน ฉันมีให้อยู่แล้ว" มือใหญ่ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงดึงสร้อยเส้นเล็กสีเงินขึ้นมา
"สะสร้อย" เมื่อเด็กสาวมองเห็นสร้อยก็ตาลุกวาวเป็นประกาย
"ชอบไหม" ใบหน้าหล่อยิ้มกริ่ม มีความสุขที่เห็นเด็กสาวดีใจ
"ชอบมากค่ะ เสี่ยให้มัดจริงๆ เหรอคะ" ยิ้มดีใจมีความสุขสุดๆ
"ฉันให้จริงๆ หันหลังมาสิ เดี๋ยวใส่ให้" หมัดหมี่รีบหันหลังใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา ไม่คิดว่าเสี่ยจะให้ของมีค่าเช่นนี้ ครั้งก่อนก็ซื้อของแบรนด์เนมให้แต่ก็ไม่ได้แพงอะไร แต่สร้อยเส้นนี้ เธอดูก็รู้ว่าแพงมาก เธอชอบจี้เพชรสีเขียวมรกต ของแท้แน่ๆ
"ขอบคุณนะคะ มัดชอบมากเลยค่ะ" หันหลังยกมือรวบผมให้เสี่ยใส่สร้อยให้ ใบหน้าเล็กยิ้มดีใจมีความสุข
"ได้ของจากผู้ใหญ่แล้วต้องทำไง" เอียงแก้มให้เด็กหอม เด็กนี่หลอกง่ายจริงๆ
จุ๊บ!! เด็กสาวเงยหน้าขึ้นจุ๊บแก้มเสี่ยหนุ่มด้วยความเขินอาย
"ขอบคุณค่ะ " ก้มหน้างุด เขินวุ้ย ไม่คิดว่าจะวาสนาดีได้อยู่ใกล้คนหล่อสายเปย์อย่างเสี่ยคินทร์ มัดเอ้ยมัดแกนี่มันวาสนาดีจริงๆ
คนถูกหอมแก้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใจคนแก่กระชุ่มกระชวย ถึงเขาจะไม่ได้แก่มากแต่ก็แก่กว่าเด็กสิบเก้าหลายปี เห็นเด็กแล้วหิว หมายถึงหิวข้าววว...
"ว่าแต่เสี่ยให้แล้วไม่เอาคืนใช่ไหมคะ" เงยหน้าขึ้นยิ้มเขิน รอฟังคำตอบจากเสี่ยด้วยหัวใจเต้นรัว
"ฉันให้แล้วให้เลย ไม่รับคืน เก็บไว้ให้ดีละ อย่าให้หาย แล้วก็ห้ามเอาไปจำนำ" กลัวว่าร้านเขาจะไม่รับจำนำนะสิ เก็บไว้ดีแล้ว
"มัดสัญญาว่าจะรักษาสร้อยเส้นนี้ด้วยชีวิต ให้ตายมัดก็ไม่ขาย" มีความสุขจัง เงยหน้าขึ้นจุ๊บที่ปลายคางสาก เสี่ยคินทร์หล่อมากหัวใจเธอจะวาย เธอคลั่งรักเสี่ยคินทร์เข้าให้แล้วแหละ
"ดีมาก เด็กดี" ก้มลงหอมหัว ยกมือขึ้นยีผมเด็กเบาๆ