"ได้เลยครับซ้อเดี๋ยวพวกผมหาให้ ถ้าอยู่ที่นี่ยังไงก็ต้องเจอครับ" ค่อยโล่งใจที่เป็นเรื่องนี้ ซ้อคงยังไม่รู้อะไร
"ขอบใจมากนะ ถ้าเจอเดี๋ยวเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่" ใบหน้าสวยยิ้มหวานแม้จะมีเรื่องกังวลใจ สำหรับใครที่ดีกับเธอ เธอก็ดีกลับ
"ขอบคุณครับซ้อ แล้วนี่ซ้อจะไปที่ฟาร์มเลยหรือเปล่าครับเดี๋ยวผมไปส่ง" ที่นี่กับฟาร์มห่างกันประมาณหนึ่งกิโลต้องนั่งรถกอล์ฟไป
"ใช่ ก็ว่าจะเข้าไปในฟาร์มพอดี ขอบใจนะ" ทุกคนที่นี่มีน้ำใจกับเธอมาก ยกเว้น..
พนักงานทุกคนต่างรักและชื่นชมผัดไทย หญิงสาวเหมาะที่จะเป็นซ้อใหญ่ที่นี่ ไม่มีใครเหมาะสมเท่าซ้อผัดอีกแล้ว ทั้งสวยทั้งเก่งครบเรื่องและยังขยันไปช่วยงานในฟาร์ม แต่แปลกที่เสี่ยไม่เคยเห็น ชอบบ่นว่าซ้อขี้เกียจ เอาแต่นอนไม่ทำอะไร ไม่รู้ว่าเสี่ยมีตาเหมือนพวกเขาไหม หรือยังไง ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งงง ทุกครั้งที่เสี่ยพูดถึงเมียเหมือนคนละคนกับสิ่งที่พวกเขาเห็นและได้สัมผัส ซ้อผัดสวยใจดีไม่เคยเอาเปรียบใคร คนที่เสี่ยบอกว่าขี้เกียจตัวเป็นขนก็คงจะด่าให้ตัวเอง
ฟาร์มวัวนมขนาดใหญ่
พื้นที่บริเวณรอบๆ กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีวัวในฟาร์มหลายร้อยตัว เป็นภาพบรรยากาศที่แปลกตาสำหรับคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงอย่างผัดไทยแต่ตอนนี้เป็นภาพจำที่เธอคุ้นชิน
มีเสียงซุบซิบนินทาจากคนงานที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่แต่ผัดไทยไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน
"คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ป้าศร" ผัดไทยเดินเข้าไปทักทายทุกคน แต่ทุกคนกลับแตกกระเจิง
"ว๊ายยย คุณผัด!!" ทุกคนหน้าตาตื่นตระหนกตกใจ
"ทำไมตกใจกันขนาดนั้นคะ" ผัดไทยยิ้มหัวเราะ งงว่าทุกคนเป็นอะไร
"เอ่อ คือ เปล่าค่ะ คุณผัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" ป้าศรกับทุกคนกำลังพูดคุยเรื่องเด็กเลี้ยงของเสี่ยคินทร์ ไม่มีใครเห็นด้วยที่เสี่ยทำแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรได้ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณท่านกับคุณผัดไทยก็คงจะพอห้ามปรามได้ แต่จะให้พูดบอกตรงๆก็ไม่มีใครกล้าพูด
"ผัดเพิ่งลงจากรถแล้วก็เดินมาเมื่อกี้ แล้ววันนี้พ่อเอกอยู่ไหมคะ"พ่อเอกหรืออดีตสส.เอกคณิณ เป็นพ่อของภาคินทร์และเป็นผู้มีพระคุณของเธอ
"คุณท่านเพิ่งมาถึงเมื่อกี้ค่ะ เห็นว่าเข้าไปดูเจ้ากระถินกับหมอปริญ เดี๋ยวป้าให้คนงานไปตามให้นะคะ" กระถินคือม้าในฟาร์มที่คุณเอกรักมาก ที่นี่นอกจากเลี้ยงวัวแล้วก็เลี้ยงม้าด้วย
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวผัดเข้าไปดูบัญชีรอในห้องทำงาน" ซึ่งเป็นงานประจำของเธออยู่แล้ว พ่อเอกให้เธอช่วยตรวจดูบัญชีการเงินในฟาร์มก่อนจะทำเรื่องยื่นเสียภาษี นี่คงเป็นปีสุดท้ายที่เธอจะได้ทำและได้ช่วยพ่อเอก คิดแล้วก็แอบใจหายอยู่นะ เธอต้องบอกลาทุกคน บอกลาเจ้ากระถินบอกลาเจ้ามะลิ ม้ากับวัวในฟาร์ม ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังจะหย่ากับภาคินทร์ในเดือนหน้า ส่วนพ่อเอกรู้อยู่แล้ว
ห้องทำงานในฟาร์ม
ผัดไทยใช้เวลาตรวจเอกสารนานกว่าทุกครั้งเพราะมีเรื่องให้กังวลหลายเรื่อง เมื่อประตูห้องเปิดเข้ามาเธอก็สะดุ้งตกใจ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อเอกเจ้าของฟาร์ม
"หนูผัด มานานหรือยังลูก" คุณเอกคณิณเดินยิ้มเข้ามาหาลูกสะใภ้ ใบหน้าอวบอิ่มมีริ้วรอยตามวัยแต่ใบหน้านั้นก็ดูใจดีมาก
"ผัดมาถึงสักพักแล้วค่ะคุณพ่อ แล้วเจ้ากระถินเป็นยังไงบ้างคะ "ใบหน้าสวยเงยขึ้นยิ้มค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้
"หมอปริญมาฉีดยาให้แล้ว พรุ่งนี้น่าจะอาการดีขึ้น แล้วหนูผัดละลูก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกพ่อได้นะ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้ ที่ผ่านมาผัดก็ช่วยงานพ่อมาเยอะมากจริงๆ ขอบคุณที่อดทนมาขนาดนี้นะลูก" ขอบคุณที่อดทนอยู่กับลูกชายที่ไม่เอาไหนของพ่อมาได้ขนาดนี้ คิดว่าลูกชายจะเป็นผู้เป็นคน คิดได้รักใครเป็นแต่ก็เหมือนเดิม แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ ต้องขอบคุณสะใภ้แสนดีอย่างหนูผัดที่อดทนอยู่กับลูกชายไม่เอาไหนของตนมาได้ขนาดนี้ เสียดายที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหมายคือมีหลานสักคน
"ผัดก็ต้องขอบคุณที่พ่อเอกเมตตาผัดมาตลอด ขอบคุณที่ช่วยเหลือครอบครัวของผัดมาตลอดนะคะ" ผัดไทยเองก็เพิ่งมารู้หลังแต่งงานว่าครอบครัวของเธอเป็นหนี้บุญคุณอดีตสส.เอกคณิณอยู่มาก แต่ก่อนแต่งเธอพอรู้อยู่แล้วว่าพ่อเป็นหนี้เท่าไหร่แต่ไม่คิดว่าเงินที่ทำให้เธอได้เรียนสูงๆ ก็มาจากพ่อคนนี้
ร่างท้วมเดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ที่รักเหมือนลูกสาวแท้ๆ คิดว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแต่ก็ไม่เป็นดั่งหวัง
"ผัดอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรือลูก ไม่ต้องอยู่กับลูกชายของพ่อก็ได้แต่อยู่กับทุกคนที่นี่ที่รักผัดได้ไหมลูก" รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็โยนหินถามทาง ลูกใครใครก็รักซึ่งกำนันเปี๊ยกเองก็รักลูกสาวมาก คุณคณิณเสียภรรยาไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว จากนั้นก็เลี้ยงลูกชายมาเพียงลำพัง คนอื่นอาจจะเลี้ยงลูกด้วยลำแข้งแต่อดีตสส.เอกคณิณเลี้ยงลูกมาด้วยเงินจนลูกชายมีนิสัยเกเรไม่เอาไหนมาตั้งแต่แม่เสียไป คิดว่าได้สะใภ้ดีๆจะเปลี่ยนความคิดลูกชายได้แต่ก็สูญเปล่า
"ผัดต้องขอโทษที่ผัดอยู่ต่อไม่ได้ ผัดมีความตั้งใจว่าจะกลับไปเปิดธุรกิจเล็กๆ ที่บ้าน ผัดจะมาเยี่ยมพ่อ มาเยี่ยมทุกคนบ่อยๆ นะคะ" พ่อเอกทำให้เธอน้ำตารื้น ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมายอมรับว่าเธออยู่ได้เพราะพ่อเอก ท่านใจดีกับเธอมากจริงๆ
"พ่อขอให้หนูประสบความสำเร็จกับทุกๆ เรื่อง พ่อรู้ว่าที่ผ่านมาหนูต้องเจออะไรมาบ้าง หนูเก่งมาก เก่งที่สุดลูก" สองปีที่ผ่านมาลูกชายตัวดีมันไม่ลืมตาบ้างหรือไงถึงไม่เคยมองเห็นว่าหนูผัดแสนดีขนาดไหน วันๆ เฝ้ารอแต่วันหย่า คนเป็นพ่อได้ฟังก็ปวดใจทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆ ถึงจะเสียดายลูกสะใภ้มากแต่ก็ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ฝืนกันไปก็พลอยแต่จะเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะสะใภ้แสนดีอย่างหนูผัด
หลังจากที่คุยกันอยู่สักพักพ่อเอกก็ได้แนะนำให้ผัดไทยรู้จักกับหมอปริญ สัตวแพทย์คนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลฟาร์มแทนแพทย์คนเก่า ผัดไทยเคยเจอกับชายหนุ่มอยู่ไม่กี่ครั้งเมื่อพ่อเอกแนะนำเธอก็เดินเข้าไปสวัสดีพูดคุยเป็นมารยาท
คุณเอกคณิณไม่ได้แนะนำว่าผัดไทยคือภรรยาลูกชายแต่ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ หลังจากพูดคุยกันอยู่นานก็แยกย้าย คุณคณิณมีงานต้องทำส่วนผัดไทยก็เข้ามาเคลียร์งานตามปกติ
เวลาสี่โมงเย็น เป็นเวลาที่ผัดไทยออกมาจากฟาร์ม หลังจากเดินออกมาก็ได้ยินคนงานซุบซิบคุยกัน ได้ยินแว่วๆ คล้ายกับพูดถึงใครสักคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ แต่เมื่อผัดไทยเดินเข้าไปทุกคนก็รีบยกมือไหว้สวัสดีแล้วแยกย้ายกันออกไป
"คนงานที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด"
ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปขึ้นรถกอล์ฟ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งหอบหิ้วของพะรุงพะรังลงมาจากรถกอล์ฟพอดี ผัดไทยรู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ถึงเธอจะรู้จักพนักงานไม่ครบทุกคนแต่เธอก็พอรู้ว่าใครทำงานอะไร...
เด็กสาวหันมองไปที่ผัดไทยเพียงหางตาก็เดินสะบัดเชิดหน้า ถือถุงแบรนด์เนมผ่านหน้าเธอไป ก็คงไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เดินผ่านเมื่อครู่เป็นใคร ผัดไทยเพียงแค่มองสังเกตไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเด็กสาวที่แสดงออกมา...
"คุณผัดเชิญครับ" คนงานเรียกให้ผัดไทยไปขึ้นรถพอดี ร่างบางเดินถือเอกสารเดินไปขึ้นรถกอล์ฟ
"เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนเมื่อกี้เป็นหลานใครเหรอคะลุงผิน" เมื่อขึ้นนั่งเธอก็พูดถาม ลุงผินมีท่าทีอึกอักแต่ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
"เห็นบอกว่ามาทำงานที่ลานปล่อยกู้ครับ ลุงก็ไม่รู้ว่าหลานใครแต่มาพักอยู่ที่ฟาร์มได้สองสามวันแล้วครับ" รถกอล์ฟถูกขับออกไป
"อ้อค่ะ" เธอไม่รู้จะสงสัยไปทำไม คงเพราะถุงแบรนด์เนมที่เด็กสาวถืออยู่สะดุดตา ถ้าหากมีเงินซื้อของพวกนั้นได้ก็คงไม่ต้องมาทำงานที่นี่หรอกมั้ง แต่เมื่อลุงผินบอกทำงานที่ลานปล่อยกูเธอก็พอจะเดาออกนิดหน่อย แม้จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้..