ส่วนทางด้านตฤณ ชายหนุ่มเลิกสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แล้วกลับมาตั้งใจทำงานเหมือนเดิม เพราะเรื่องผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มทำงานต่อไปจนกระทั่งถึงตอนเย็น วันนี้ต้นข้าวบอกว่าอยากทานอาหารญี่ปุ่นชายหนุ่มจึงอาสาพาแฝดสาวไปทานและตอนนี้เขากำลังยืนรอเธออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้ว
“ข้าว อยู่ไหน พี่มารอที่หน้าร้านแล้วนะ”
ตฤณหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ออกมาโทรหาแฝดสาวทันที
“อ่าวพี่ตฤณเองเหรอ ข้าวกำลังจะถึงแล้วจอดรถอยู่ พี่ตฤณรอแปปนึงนะคะ เดี๋ยวข้าวรีบไป”
ต้นข้าวบอกออกมาตามสาย จากนั้นชายหนุ่มจึงวางสายแล้วเข้าไปนั่งรอในร้านอาหาร ต้นข้าวนั้นชอบทานอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนชายหนุ่มทานอะไรก็ได้ทั้งนั้นเขาไม่เรื่องมาก
สักพักคุณหมอต้นข้าวก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแสนน่ารักที่เขาหวงนักหวงหนากลัวหนุ่มๆจะมาตามจีบน้องสาวสุดที่รักของเขาเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้
“เลิกยิ้มได้แล้วข้าว จะยิ้มทำไมนักหนาห๊ะ ดูซิคนมองกันทั้งร้านแล้ว”
ตฤณดุ แฝดสาวออกมาเมื่อคุณหมอคนสวยเล่นฉีกยิ้มจนปากจะถึงหูตั้งแต่เดินเข้ามา
ส่วนต้นข้าวหุบยิ้มทันทีที่พี่ชายว่า เธออุตส่าดีใจที่พี่ชายว่างพามาทานอาหารที่เธอชอบแต่กลับมาโดนดุซะงั้น
“ก็คนดีใจที่พี่ชายสุดหล่อพามาทานอาหารนี่คะ จะให้เดินหน้าบึ้งเข้ามารึไงเล่า! ”
ต้นข้าวพูดออกมาอย่างอารมไม่ดีเหมือนตอนแรก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงโต๊ะแล้วค่อยยิ้มให้พี่ก็ได้ นั่งเถอะๆ พี่สั่งของโปรดข้าวมาเต็มโต๊ะ ทานให้หมดละ ผอมแห้งไปนะเราอะ”
ตฤณบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ชายหนุ่มนั้นทั้งรักทั้งหวงคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าอะไรดี ถ้ามีหนุ่มๆเข้ามาจีบ เขาจะใช้ทุกวีถีทางให้คนพวกนั้นล่าถอยออกไป เพราะเขาคิดว่ายังไม่มีผู้ชายคนไหนดีพอที่จะมารักกับน้องสาวของเขา
จากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆพร้อมกับอาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ถ้าไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดกันก็คงนึกว่าเป็นคู่รักที่หวานแหววเอามากๆเพราะต่างคนต่างดูแลตักโน่นตักนี่ให้กันไม่หยุดไม่หย่อน
ทั้งสองคนนั่งทานอาหารกันอยู่สักพักใหญ่ๆก่อนที่จะทานเสร็จแล้วสั่งเช็คบิล วันนี้ตฤณจะไปนอนบ้านใหญ่กับพ่อแม่และน้องสาว เพราะตอนนี้ชายหนุ่มมีห้องส่วนตัวที่โรงแรมแห่งใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อวาน เขาพึ่งให้คนย้ายของมาจากคอนโดที่เคยอยู่มาที่โรงแรมแห่งนี้ เพราะอยู่ใกล้สำนักงานใหญ่และสะดวกในการเดินทางกว่าที่อยู่เดิม
“อ่าวสองพี่น้อง ทำไมกลับมาพร้อมกันละวันนี้ แล้วนี่ตฤณจะมานอนที่นี่หรือว่ากลับไปนอนที่คอนโดละลูก”
คุณอรัญญาหรือคุณหญิงมิวเอ่ยถามบุตรชายที่พึ่งเดินเข้าบ้านมากับน้องสาวฝาแฝด เพราะปกติแล้วลูกชายของเธอจะไม่กลับมานอนที่บ้าน
“วันนี้ผมว่าจะมานอนกับมัมครับ แล้วนี่แด๊ดยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ”
ตฤณถามหาผู้เป็นพ่อที่วันนี้เข้าบริษัทไปประชุมร่วมกับเขา แต่ตอนนี้ยังไม่กลับบ้านเลย
“อ้อ แด๊ดบอกว่าเพื่อนๆเขาขอคุยด้วยต่อนะลูกอีกสักพักคงจะกลับแล้วละ แล้วนี่ทานอะไรกันมารึยังละ”
คุณอรัญญาบอกออกมาเพราะเมื่อกี้สามีพึ่งโทรมารายงานว่ากำลังจะกลับบ้านแล้ว
“เรียบร้อยแล้วคะมัมเดี๋ยวต้นข้าวขอขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะเหนียวตัวจะไปอาบน้ำแล้วนอนเลยพรุ่งนี้ทำงานแต่เช้า ฝันดีนะคะมัม ฝันดีคะพี่ตฤณ”
คุณหมอต้นข้าวหันมาหามารดาและพี่ชายก่อนจะบอกฝันดีแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง จากนั้นตฤณก็นั่งคุยกับมารดาเพื่อรอบิดากลับมาด้วยกัน แล้วมารดาก็ถามถึงมิรินขึ้นมา
“ตฤณลูก กับน้องมิรินไปถึงไหนแล้ว ตฤณเปิดใจให้น้องบ้างรึเปล่าลูก”
คุณอรัญญาถามออกมาเพราะเธอจับคู่ให้กับสองคนนี้ตั้งแต่ยังเล็กๆอยู่และตอนนี้ทั้งสองก็โตจนสามารถแต่งงานกันได้แล้ว แต่ดูความสัมพันธ์จะยังไม่คืบหน้าเลยสักนิด
“ไม่ละครับมัม ผมบอกมัมไปหลายรอบแล้วว่าผมไม่ได้รักมิริน และคงจะรักไม่ลงด้วย มัมอย่ามาเสียเวลาเรื่องนี้เลยนะครับ เพราะตอนนี้ผมยังไม่คิดเรื่องแต่งงานมีคนรักเลยสักนิด”
ตฤณบอกออกมาตรงๆเพราะชายหนุ่มนั้นไม่มีมิรินอยู่ในความคิดมาก่อนเลย เขาไม่ได้ชอบมิรินเลยสักนิดเดียว
“แต่ตฤณควรมีครอบครัวได้แล้วนะลูก นี่อายุจะ 28 แล้ว มัมยังไม่เห็นว่าจะคบใครสักคน ควงคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยแล้วตอนไหนมัมจะได้อุ้มหลานสักทีละ ถ้าไม่ชอบมิรินก็หาคนอื่นก็ได้มัมไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่มีหลานให้มัมสักคนก็พอ”
คุณอรัญญาบอกออกมาเพราะเธอก็ไม่ได้ต้องการบังคับบุตรชายในเรื่องการหาคู่ครอง แต่ตั้งแต่โตมาชายหนุ่มกลับไม่เคยพาใครมาแนะนำหรือควงใครที่พอจะเป็นแฟนได้เลยสักคน มีแต่ควงวันสองวันแล้วก็ห่างหายกันไป ทำให้เธอหนักใจเรื่องนี้มาก กลัวว่าชายหนุ่มจะกลัวการมีครอบครัวแล้วไม่ยอมแต่งงาน
“เดี๋ยวยังไงผมจะลองมองๆหาลูกสะใภ้ให้มัมนะครับ แต่ตอนนี้ผมง่วงแล้ว ยังไงผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ มัมรอแด๊ดคนเดียวได้ใช่รึเปล่าครับ”
ตฤณที่ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับมารดาแล้วจึงเอ่ยขอตัวขึ้นห้องไปนอนพักบ้าง
“ไปเถอะ แต่อย่าลืมเก็บเรื่องนี้ไปคิดนะลูก”
คุณอรัญญาไม่วายย้ำเตือนชายหนุ่มก่อนที่เขาจะขอตัวขึ้นห้องไป
“เฮ้อ จะไปหาเมียที่ไหนมาให้มัมละทีนี้ไอ้ตฤณเอ้ย แฟนยังไม่เคยมีเลย โอ๊ยมัมนะมัม”
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วตฤณก็บ่นออกมาคนเดียวที่มารดาอยากให้เขามีแฟนจนต้องเที่ยวจับคู่ให้แบบนี้ จากนั้นชายหนุ่มก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อจะเข้านอน
วันนี้สกุนนาทำงานไปได้แต่สามชั่วโมงกว่าๆก็เกิดหน้ามืดขึ้นมาจึงขอตัวเข้ามานั่งพักตรงที่พักด้านหลังเคาเตอร์ต้อนรับลูกค้า
“เป็นอะไรรึเปล่านา ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักที่บ้านก็ได้นะ เดี๋ยวต้นบอกผู้จัดการให้”
ต้น หรือ สาธิต เพื่อนหนุ่มที่ทำงานเดียวกันกับสกุนนาบอกออกมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวน่าจะทำงานต่อไม่ไหวแล้ว
“อืม เราฝากบอกผู้จัดการทีนะ เราไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวว่าจะไปหาหมอเอาใบรับรองแพทย์มาด้วย งั้นนาไปก่อนนะ ฝากลาให้ด้วย"
สกุนนาบอกออกมาพร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นเดินออกไปจากหลังเคาเตอร์ สาธิตได้แต่มองตามหลังร่างบางอยากเดินไปส่งเธอ แต่เพราะตอนนี้ชายหนุ่มทิ้งเคาเตอร์ไปไม่ได้คนทำงานไม่พอ
หญิงสาวกลับมาพักผ่อนที่บ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้เธอคิดว่าจะไปหาหมอแต่เช้าเพื่อเอาใบรับรองแพทย์ไปส่งให้ฝ่ายบุคคล
“อ่าวนา ทำไมกลับมาเร็วนักละลูก หน้าซีดเชียว ไม่สบายมากเลยเหรอ ไปๆขึ้นไปนอนเดี๋ยวยายไปทำข้าวต้มร้อนๆไปให้กิน”
ยายดาที่นั่งดูทีวีอยู่เห็นหลานสาวเดินเข้ามาก็รีบถามออกไปทันทีเพราะว่าหญิงสาวพึ่งออกจากบ้านไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง คงจะไม่สบายมากจึงยอมกลับมาพักที่บ้าน
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะยาย ยายเข่าไม่ดีอย่าเดินเยอะ เดี๋ยวนาขอนอนพักสักนิดคงดีขึ้นแล้วนาจะลงมาหาอะไรทานเองนะจ๊ะ ยายดูทีวีต่อเถอะ นาขอขึ้นไปพักก่อนนะยาย”
สกุนนาบอกออกมาก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกินยาก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที สักพักร่างเล็กก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เช้าวันรุ่งขึ้น สกุนนาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนเพราะเดินทางสะดวกและไม่ไกลด้วย
หญิงสาวเริ่มรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเมื่อวานแล้วแต่ก็ต้องไปเอาใบรับรองแพทย์มายื่นฝ่ายบุคคลอยู่ดี
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสกุนนาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้ามาข้างในโดยไม่ทันระวัง เธอเดินชนกับใครก็ไม่รู้จนทั้งสองล้มไปคนละทิศละทาง
“โอ๊ย!! / โอ๊ย!! ”
เสียงร้องดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของหญิงสาว
“ขอโทษคะ ขอโทษคะ”
สกุนนารีบกล่าวขอโทษออกไปก่อนจะเดินเข้าไปพยุงคนที่เดินชนกับเธอเมื่อกี้นี้ขึ้นมาเสียง
“ขอโทษนะคะที่ดิฉันเดินไม่ได้ดู คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”
หญิงสาวรีบขอโทษออกมาพร้อมทั้งพยุงคนที่เธอเดินชนขึ้นมาด้วย
“อ้อ ไม่เป็นไรคะ ตกใจนิดหน่อย ขอบคุณนะคะที่ช่วยพยุง”
คุณหมอต้นข้าวบอกออกมาเพราะเมื่อกี้ก็ความปิดเธอเหมือนกันที่รีบเดินเข้ามาจนไม่ทันดูรอบข้างให้ดี
ส่วนสกุนนานั้นพอเห็นหน้าคนตรงหน้าชัดๆเธอถึงกับมองตาค้าง
คนอะไรสวยยังกับนางฟ้า ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังอดมองตาค้างไม่ได้เลย
“คุณคะ คุณ เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าคะ คุณ”
เสียงหมอต้นข้าวเรียกหญิงสาวตรงหน้าที่เอาแต่ยืนมองเธออยู่ตาไม่กระพริบ จนเธอต้องร้องเรียกออกมาหลายครั้งคนตรงหน้าจึงได้สติ
“คะ คะ ว่าไงคะ เอ่อ ขอโทษนะคะที่เกินชน แฮะๆ”
สกุนนารีบบอกออกมาเมื่อสติเริ่มกลับคืนมาแล้ว
“ไม่เป็นไรคะ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ ให้หมอดูให้ไหม”
ต้นข้าวบอกออกมาก่อนที่จะสอดสายตามองไปรอบๆร่างเล็กที่เดินชนกันเมื่อกี้
“ไม่เป็นไรคะ แต่ว่าคุณเป็นหมอที่นี่เหรอคะ แฮะๆโทษทีนะคะที่ถาม”
สกุนนาบอกออกมาเพราะเธอกลัวว่าจะไปละลาบละล้วงคนตรงหน้าเกินไป
“อ้อใช่คะ แต่เป็นหมอฟันนะคะ ดูได้แค่เบื้องต้น”
ทั้งสองสาวพูดคุยกันอยู่สักพักก่อนจะแยกจากกันไป
สกุนนารู้สึกถูกชะตากับคุณหมอคนสวยเป็นอย่างมาก เพราะคุณหมอคนนั้นทั้งสวยทั้งใจดีขนาดเธอเองที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกตกหลุมรัก ถ้าไม่ติดว่าเธอชอบผู้ชายละก็มีหวังเธอคงตามจีบคุณหมอคนสวยนี่แน่นอนเลย หญิงสาวนั่งรอหมอพลางครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะถึงคิวตรวจพอดีเธอจึงเดินเข้าไปตรวจข้างในห้องตรวจทันที
ส่วนต้นข้าว นานแล้วที่เธอไม่เคยคุยกับใครแล้วถูกใจอย่างนี้ เธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ มัลลิกา เศวตภัคดิ์ หรือหมอมิลค์ ซึ่งพ่วงด้วยตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของหมอต้นข้าวด้วย ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันและตอนนี้ก็ทำงานที่เดียวกันด้วย วันนี้คุณหมอคนสวยมีนัดตรวจฟันคนไข้ลากยาวจนถึงเย็นเลย
หมอต้นข้าวเป็นคุณหมอสาวที่ฮอตที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนี้รองลงมาคือหมอมิลค์เพื่อนสนิท เธอทั้งสองเป็นคุณหมอที่หนุ่มๆหมายปอง แต่ด้วยความที่เป็นลูกและหลานเจ้าของโรงพยาบาลหมอหนุ่มๆจึงได้แต่มองเท่านั้น เพราะขืนเข้ามาจีบละก็รับรอง มาร์ค หรือ อรัญ เจ้าของโรงพยาบาลพ่วงด้วยตำแหน่งคุณพ่อสุดหวงลูกสาวไล่ออกแน่นอน
“ก็อกๆๆ”
เสียงประตูห้องพักดังขึ้น หมอต้นข้าวที่พึ่งจะได้พักหลังจากตรวจฟันคนไข้เสร็จ เอ่ยอนุญาตออกมา ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก
“ยัยข้าว ทำอะไรอยู่ ไปหาข้าวกินกัน ฉันหิวแล้ว ไปกันเถอะแก”
หมอมิลล์บอกออกมาทันทีที่เปิดประตูออกมา
“ได้สิ ไปกัน หิวพอดีเลย”
หมอต้นข้าวบอกออกมาจากนั้นทั้งสอก็พากันไปหาอะไรทานใกล้ๆโรงพยาบาลแห่งนี้