เสียงดนตรีสดบรรเลงอยู่ที่มุมศาลา ยิ่งก้าวเท้าเข้าไปในเขตวัด พะยอมก็ยิ่งรู้สึกว่า วันเวลาของที่นี่ น่าจะย้อนจากปัจจุบันมาหลายสิบปี ภาพของสายไฟระโยงระยางไม่มีให้เห็นแม้แต่น้อย รถรามีบ้างก็น้อยคันเหลือเกิน ผู้คนต่างเดินทางโดยเรือเพราะที่นี่มีแม่น้ำ หรือไม่ก็เดินเท้าเป็นส่วนใหญ่ การแต่งกายยิ่งบอกชัด ว่าช่วงเวลาตอนนี้ห่างจากปัจจุบันมาหลายสิบปี หรืออาจจะถึงร้อยปีเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพะยอมเดินเข้ามาถึงศาลา เธอพบว่าพื้นที่บนศาลานั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เธอเองไม่แน่ใจว่า เธอไม่แน่ใจว่าปกติแล้วคนจะเยอะขนาดนี้หรือไม่ บางทีอาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ แต่ที่แน่ ๆ มองไปแทบจะไม่เห็นพื้นที่ว่างเลย
“ขนาดรีบมาแล้วที่ยังเต็มอีก” พะยอมบ่นพึมพำ เมื่อมองไม่เห็นที่ว่าง แต่หากมองดูดี ๆ ถ้าจะขยับแบ่งที่กันสักหน่อยก็น่าจะได้หลายที่อยู่ บางจุดวางข้าวของจนเต็ม ทั้งที่สามารถเก็บใส่ตะกร้าก็ได้ แถมยังจะเหลือพื้นที่ว่างให้คนอื่น ๆ นั่งได้อีกตั้งหลายที่
“หมอคะ... ทางนี้ค่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งยกมือร้องเรียกหมอบุญฤทธิ์ แข่งกับเสียงดนตรีที่บรรเลงคลออยู่ในขณะนี้ ถึงจะไม่ได้ดังอึกทึก แต่ก็พอกลบเสียงสนทนาไปได้ทั้งศาลา
“ไปด้วยกันสิพะยอม” หมอหนุ่มหันไปบอกกับหญิงสาว ที่ยืนงุนงงอยู่หน้าประตูศาลา เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า สายตามากมายกำลังจับจ้องมาที่เธอ แต่ถึงอย่างนั้นพะยอมก็เดินตามหมอบุญฤทธิ์ไป ด้วยความที่เธอไม่มีทางเลือกอื่น
“ทำไม... พะยอมถึงมากับหมอด้วยล่ะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม ทุกสายตาในบริเวณนั้นต่างจับจ้องไปที่คนถูกพูดถึงด้วยความประหลาดใจ หนึ่งคือการแต่งตัวของคนที่เธอกล่าวถึง และสองเหตุใดพะยอมถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่พร้อมกับหมอบุญฤทธิ์ได้
“ไม่ได้มาด้วยกันหรอกจ้ะ เดินมาพร้อมกันเฉย ๆ พอดีว่าหมอสั่งขนมของพี่สายหยุดเอาไว้ ส่วนฉันมาจองที่ให้พี่สาว ทางเดินจากตลาดมาศาลามันก็มีทางเดียว ก็เลยมาพร้อมกัน” พะยอมรีบแก้ตัว แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความประหลาดใจให้คนฟังมากขึ้นไปอีก ก็แม่พะยอมคนสติไม่ดี พูดจารู้เรื่องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง ไปไหนมาสามวาสองศอกอยู่เรื่อย
“นั่งด้วยกันสิพะยอม” พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งเอ่ยชวน เมื่อเห็นว่าพะยอมยังคงยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่มีที่นั่ง เธอนั้นเอ็นดูและเวทนาพะยอมเหลือเกิน เกิดมาหน้าตาสะสวยแต่ดันสติไม่สมประกอบ
“วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ” เมื่อพะยอมนั่งลงข้าง ๆ เธอจึงเอ่ยปากชม
“มาวัดก็แต่งให้มันเรียบร้อยหน่อยจ้ะ” คนถูกชมว่าพลางยิ้มอาย ถึงเธอจะไม่รู้ว่าคู่สนทนาเป็นใคร แต่ก็รับรู้ถึงจิตใจที่อ่อนโยนของอีกฝ่ายได้จากแววตาที่มองมา
“พี่สนม ไม่อายเขาเหรอ ให้มานั่งตรงนี้ เกิดอาการกำเริบขึ้นมา...”
“เรามาทำบุญ การช่วยสนับสนุนคนมาทำบุญ ก็ถือว่าเป็นบุญ อย่าใจแคบเลยตา” สนมพยาบาลสาวใหญ่หันไปบอกกับผู้ช่วยคนสวย ที่จ้องมองพะยอมและภาวนามาตลอดว่าขออย่าให้เธอมานั่งตรงนี้เลย
“เอาธูปเอาดอกไม้มาหรือเปล่าพะยอม” สนมหันไปถามเด็กสาวข้างกาย พะยอมมองดูในตะกร้าที่พี่สาวมอบให้ เพื่อหาของที่เพิ่งถูกเอ่ยถามเมื่อครู่ ก่อนจะชี้มือบอกให้อีกฝ่ายดู
“มีจ้ะ พี่สายหยุดเตรียมมาแล้ว”
“อืม... งั้นก็ไปไหว้พระก่อนไป”
“ฉันจะรอพี่สายหยุดก่อนจ้ะ” เพราะความตั้งใจแรกของเธอ คือมาจองที่ให้พี่สาว จะให้หนีไปไหว้พระก่อนได้อย่างไร
“ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปไหว้ก่อน ถ้าไม่อย่างนั้น ของที่แม่สายตั้งใจจะเอามาทำบุญจะไม่ได้ใช้เอานะ” สนมบอกกับเด็กสาวที่ยังคงนั่งนิ่งด้วยความสับสน
“แต่ว่า...” ไม่ใช่แค่เพราะอยากรอสายหยุดเท่านั้น ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน พะยอมก็ไม่เคยเข้าวัดเลยสักครั้ง ต้องทำอย่างไร เริ่มจากตรงไหน ให้ทำเองคงทำไม่ถูกเป็นแน่
“ไปพร้อมหมอเขาสิ”
“แต่...”
“มาสิ ผมเตรียมของเสร็จพอดี” พะยอมมองดูสายตาชาวบ้านที่ยังคงจ้องมองเธอไม่หยุด ‘ถ้าลุกไปพร้อมหมอ หมอต้องโดนนินทาแน่เลย แต่ถ้าไม่ไปของที่พี่สายหยุดเตรียมมาก็เป็นหม้ายน่ะสิ เฮ้อ... เอาวะ เอาไงก็เอา’ เมื่อคิดได้อย่างนั้น พะยอมก็ค่อย ๆ หยิบดอกไม้ ธูปเทียนออกจากตะกร้า โดยเหลือบางส่วนไว้ให้พี่สาวด้วย จากนั้นก็คลานตามหมอไปที่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ทางทิศตะวันออกของศาลา
“เอาธูปมาสิ เดี๋ยวผมจุดให้” หมอเอื้อมมือมาหยิบเอาธูปไปจากพะยอม ก่อนจะนำไปรวมกับของตัวเอง แล้วจ่อจุดกับเทียนพรรษาต้นใหญ่ จากนั้นจึงจุดเทียนเล่มเล็กในมือ ยื่นให้พะยอมต่อไฟ
“ระวังมือด้วยนะ” พะยอมค่อย ๆ ต่อไฟจากเทียนของหมอบุญฤทธิ์ ก่อนจะเอื้อมมือไปรับธูปที่เขาส่งให้ เธอจ้องมองดูว่าหมอจะทำอย่างไรต่อ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องทำอะไร
“ท่องตามหมอนะ” หมอบุญฤทธิ์หันมาบอกกับหญิงสาวข้างกาย เพราะดูท่าเธอคงจะไม่รู้หนังสือ และอ่านบทสวดบูชาพระรัตนตรัยที่เขียนไว้หน้าฐานพระพุทธรูปไม่ได้
“อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา...” เพียงได้ยินบทสวด พะยอมก็รู้ทันทีว่ามันมีเขียนเอาไว้ที่ฐานพระ และเธอก็ท่องมันได้โดยที่ไม่ต้องอ่านด้วย
“พุทธังภะคะวันตังอะภิวาเทมิ” เมื่อจบวรรคแรก พะยอมก็ท่องวรรคที่สองพร้อมกับหมอบุญฤทธิ์ทันที และนั่นก็ทำให้คนนำตกใจเล็กน้อย เพราะถ้าเธออ่านหนังสือไม่ออก และไม่เคยเข้าวัดเลยด้วยซ้ำ เหตุใดจึงท่องบทสวดมนต์นี้ได้
“อึ้งไปเลยล่ะสิ ฉันน่ะท่องบทนี้มาตั้งแต่ ป.1 ทำไมจะท่องไม่ได้ แล้วนี่ เขาเขียนเอาไว้ตรงนั้น ฉันอ่านออกนะหมอ” ยิ่งพะยอมบอกแบบนั้น พร้อมกับชี้มือไปที่บทสวด หมอบุญฤทธิ์ก็ยิ่งประหลาดใจมากกว่าเก่า ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พะยอมอ่านหนังสือออกจริง ๆ น่ะหรือ’ เขาไม่ได้จะดูถูกอีกฝ่าย แต่เพราะรู้มาว่าพะยอมไม่เคยเรียนหนังสือ เพราะเธอสติไม่ดี อีกทั้งยังเป็นคนบอกกับเขาเองว่า เธอนั้นอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้เลยสักตัว
พะยอมและหมอไหว้พระเสร็จ สายหยุดก็ขึ้นมาบนศาลาพอดี บรรดาพยาบาลช่วยกันขยับขยายพื้นที่แบ่งให้พอกันนั่ง จนสายหยุดได้ที่นั่งด้วยอีกคน
“ทำไมมาช้าจัง” พะยอมเอ่ยถามพี่สาว
“ก็ข้าลืมไปน่ะสิ ว่าไอ้ห่อสุดท้ายเนี่ย ยายลำยงซื้อฝากให้มาทำบุญ รออยู่ตั้งนาน ดีที่นึกขึ้นมาได้ก่อน”
“ยังไม่ทันจะแก่เลยนะ หลง ๆ ลืมๆ เสียแล้ว” น้องสาวต่อว่า สายหยุดก็ทำได้แค่ถลึงตาใส่ เพราะคนเยอะไม่อยากจะต่อว่าให้เสียงดัง
ไม่นานพิธีก็เริ่มขึ้น สายหยุดและพะยอมถูกจ้องมองจากชาวบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะแปลกใจที่สายหยุดพาน้องสาวมาทำบุญด้วย อีกส่วนหนึ่งก็แปลกหูแปลกตาที่พะยอมแต่งเนื้อแต่งตัวดูสะอาดสะอ้านดูดีกว่าปกติ และส่วนสุดท้ายก็มองไปพร้อมกับนินทาที่เป็นแม่ค้า แต่ไปนั่งรวมกับหมอและพยาบาล ทั้งที่สายอาชีพคนละชนชั้นกัน
แต่สองศรีพี่น้องก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนที่มองมายังพวกเธอ ด้วยความตั้งใจที่จะมาทำบุญ พะยอมนั้นไม่ค่อยชินเท่าไร ที่ต้องมานั่งพับเพียบพนมมือ ท่องบทสวดต่าง ๆ ก็จะขยับตัวแทบตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอย่างที่หลายคนต่างก็กลัวกัน
ตลอดเวลามีสายตาคู่หนึ่งที่ลอบมองเธออยู่ ตัวเขาเองคิดว่ากำลังสำรวจความผิดปกติของหญิงสาวสติไม่ดี แต่ใจนั้นกลับกำลังชื่นชมความงามของเธออย่างไม่รู้ตัว
จบพิธีการทำบุญ ชาวบ้านบางส่วนก็พากันกลับเลย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ยังจับกลุ่มกันเพื่อรับประทานอาหารที่เหลือจากพระฉัน สองพี่น้องแม่ค้าขนมหวานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยปกติแล้วสายหยุดจะห่อขนมกลับไปฝากพะยอมด้วย แต่วันนี้คงไม่ต้องแล้ว เพราะแม่ตัวดีก็มาทำบุญกับเขาเหมือนกัน
“ขายหมดแล้วล่ะสิแม่สายหยุด” เสียงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในวงข้าวเดียวกันเอ่ยถามสายหยุด เจ้าตัวพยักหน้ารับ พร้อมกับยิ้มแทนคำตอบ
“แม่ค้าสวย แถมขนมอร่อย มันน่ารวยนะแบบนี้” หญิงสาวอีกคนว่าขึ้นบ้าง
“รวยอะไรกัน ก็แค่พอได้ใช้แหละพี่”
“เออ ๆ แล้วนี่อีพะยอมมันหายแล้วเหรอ ดูมันเป็นผู้เป็นคนเยอะเลย ข้านี่ลุ้นแทบแย่ กลัวมันจะอาละวาดกลางวัด” ยายคนหนึ่งเอ่ยถาม ขณะที่พะยอมกำลังลุกไปตักน้ำ สายหยุดชำเลืองมองน้องสาว ใจหนึ่งเธอก็แอบคิดเหมือนกันว่า สองสามวันมานี้ พะยอมดูดีขึ้นเยอะ ถึงแม้ว่าเมื่อเช้าจะมีอาการแปลก ๆ ไปบ้าง แต่หลาย ๆ อย่างมันเหมือนกับว่าน้องสาวของเธอนั้นไม่ได้บ้าแล้วจริง ๆ
“ก็เป็น ๆ หาย ๆ จ้ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ช่วงสองสามวันนี้พอคุยรู้เรื่องหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะดีได้กี่วัน”
“เฮ้อ... น่าเวทนามัน สวยเสียเปล่า ดันเป็นบ้าไปเสียได้ ไม่งั้นล่ะข้าจะขอให้ไอ้เปลวลูกคนสุดท้องข้าเลยนะ”
“ขอบใจจ้ะยายที่เอ็นดูมัน แต่ฉันคงไม่ให้มันมีผัวหรอก สภาพนี้เอาไปก็เป็นภาระเขาเปล่า ๆ น้องคนเดียวฉันเลี้ยงได้”
ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนมาขอพะยอมเลย ก่อนหน้านี้ก็มีมาทาบทามหลายคน แต่สายหยุดก็บอกปัดไปหมด เพราะความที่น้องสาวไม่สมประกอบ เธอไม่อยากให้พะยอมไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน คนอื่นเอาไปก็ไม่รู้จะรัก จะดูแลได้เท่าเธอหรือเปล่า แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้มีฐานะ แต่ก็พยายามเลี้ยงน้องอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด
หลังจากช่วยกันเก็บข้าวของ ล้างจาน กวาดศาลาเรียบร้อยแล้ว สายหยุดกับพะยอมก็พากันกลับบ้าน วันนี้กลับเร็วกว่าทุกวัน เพราะขนมขายหมดแต่เช้า สายหยุดไม่ลืมที่จะเอาขนมกลับมาฝากจุก เพราะจุกไม่ได้ไปวัดด้วย
“เดี๋ยวเอ็งรออยู่บ้านก็ได้นะพะยอม ข้าจะเอาขนมไปฝากไอ้จุกกับยายลำยงหน่อย” พะยอมที่แย่งหาบพี่สาวไปแบกไว้บนบ่าพยักหน้ารับ ด้วยความที่ข้าวของพะรุงพะรัง เธอเองก็ไม่อยากจะตามพี่สาวไปเหมือนกัน
เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อย พะยอมเดินเข้าไปในห้องหวังจะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำสักหน่อย ด้วยความที่เพิ่งจะเดินผ่าแดดจ้ากลับมา
“อื้อ... อื้อ ๆ” แต่ไม่ทันได้ถกเสื้อขึ้น มือหนาของใครบางคนก็เอื้อมมาดึงร่างของเธอไปโอบกอด ส่วนมืออีกข้างปิดปากพะยอมสนิท เธอทำได้แต่พยายามส่งเสียงร้อง และพยายามดิ้นอย่างสุดชีวิต
“วันนี้สวยจังเลยนะ” เสียงกระเส่ากระซิบบอกที่ข้างใบหูขาว พะยอมพยายามตั้งสติ ก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดต่อสู้ดิ้นรน โดยการใช้ศอกข้างหนึ่งกระทุ้งไปที่ท้องไอ้โจรชั่วอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย!!!” ร่างกำยำทรุดตัวล้มลงทันที พะยอมที่หลุดจากพันธนาการก็รีบวิ่งเข้าครัวไปหาอาวุธ และเธอก็ได้มีดบางเล่มงามวิ่งกลับมาที่ไอ้โจร
“เฮ้ย ๆ อีพะยอม อึก... เอ็งจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไง ข้าแค่หยอกเล่นเอง”
“มึงเป็นใคร แบบนี้เขาไม่เรียกหยอกแล้ว มึงตั้งใจจะข่มขืนกูชัด ๆ กูจะฆ่ามึง!!!” พะยอมพุ่งตัวเข้าไปหาโจรชั่ว พร้อมกับมีดทำครัวในมือ ชายหนุ่มแม้จะไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็ต้องรีบหลบคมมีดจากพะยอมเพื่อเอาชีวิตรอด เขารวบรวมกำลังฮึดลุกขึ้นวิ่งหนีลงบ้านมาด้วยความหวาดกลัว คนบ้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เขาไม่เคยเห็นพะยอมเอาจริงขนาดนี้เลยสักครั้ง แม้จะแอบกอดแอบหอมเธอมาตั้งหลายหนแล้วก็ตาม
“สายหยุดช่วยพี่ด้วย!! สายหยุด!!” นายเทิดวิ่งตรงไปหาสายหยุดพร้อมทั้งตะโกนเรียกไปตลอดทาง พะยอมเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อพี่สาว ก็เดาได้ว่าไอ้โจรชั่วนี่ต้องรู้จักกับพี่สาวของเธอเป็นแน่
“อะไรกันพี่ ว้าย!!! พะยอม เอ็งเป็นบ้าอะไร” นายเทิดวิ่งไปหลบหลังภรรยาด้วยความหวาดกลัว สายหยุดนั้น เมื่อเห็นมีดบนมือน้องสาวก็ตกใจจนตัวสั่น
“ก็ไอ้บ้านี่มันจะปล้ำฉัน พี่หลบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะฆ่ามัน” พะยอมไม่ว่าเปล่า เธอพยายามจะเข้าไปฟันนายเทิดให้ได้ แต่สายหยุดก็พยายามขวางเอาไว้
“เอ็งเพ้อเจ้ออะไรของเอ็ง” สายหยุดร้องว่าพร้อมกับพยายามยื้อแย่งมีดในมือของน้องสาว
“เพ้อเจ้ออะไร ไอ้บ้านี่มันเข้ามากอดฉัน แล้วก็เอามือปิดปากฉันด้วย พี่จะให้ฉันคิดยังไง ถ้าไม่ใช่จะปล้ำฉันน่ะ แล้วมันเป็นใคร” สายหยุดตัวสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินน้องสาวบอกอย่างนั้น ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงคิดว่าพะยอมเพ้อเจ้อพูดไปเรื่อย แต่เพราะตอนนี้พะยอมเริ่มจะรู้เรื่องขึ้นมาก จึงมีความเป็นไปได้ที่พะยอมจะพูดความจริง
“อย่าไปฟังมันนะเมียจ๋า อีพะยอมมันบ้า พี่นอนอยู่ดี ๆ มันก็เอามีดมาไล่ฟันพี่” นายเทิดรีบแก้ตัว
“เมีย?” พะยอมพลันชะงัก เธอมองหน้าพี่สาวเพื่อรอคำตอบ สายหยุดได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร คนหนึ่งก็น้องรักแสนรัก อีกคนหนึ่งก็ผัวมีพระคุณมากมาย บ้านทั้งหลัง ที่ดินทั้งแปลงก็เป็นของนายเทิดทั้งหมด
“นี่พี่เทิด ผัวข้าเอง” พะยอมอึ้งจนปล่อยมีดหลุดจากมือ เธอไม่มีความทรงจำเรื่องสามีของพี่สาวเลยแม้แต่น้อย แต่จะอย่างไรก็ตาม เรื่องที่นายเทิดมาลวนลามเธอเมื่อกี้นี้ก็เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้
“พี่มีผัวด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหัวมันสักที ไปมุดอยู่ไหนเพิ่งจะมา”
“ข้าไปทำงานโว้ย ก็ไป ๆ มา ๆ อยู่เรื่อย เอ็งจำไม่ได้หรือไง เนี่ยสายหยุดมันบ้า ๆ บอ ๆ เพ้อไปเรื่อย อย่าไปเชื่อมันนะ”
“ฉันไม่ได้โกหก พี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วถ้าไอ้เลวนี่อยู่ที่บ้านนี้ ฉันจะไม่อยู่”
“แล้วเอ็งจะไปอยู่ไหน” พะยอมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเห็นทางออกที่กำลังนั่งมองดูเหตุการณ์อยู่บนบ้าน
“ยายจ๋าพะยอมขออยู่ด้วยได้ไหมจ๊ะ” พะยอมเอิ้นถามยายลำยง หญิงชรามองดูเหตุการณ์ด้วยภาพที่พร่ามัวพยักหน้ารับ แม้ว่านายเทิดจะเป็นหลานของเธอ แต่เธอก็เชื่อว่าพะยอมไม่ได้โกหก
สถานการณ์คลี่คลายลงได้ สายหยุดพานายเทิดกลับบ้าน ทิ้งพะยอมไว้ที่บ้านของยายลำยง โดยบอกว่าจะเอาข้าวของมาให้ และยอมให้พะยอมอยู่กับยายลำยงไปก่อน ระหว่างที่นายเทิดกลับมาอยู่ที่บ้าน