บทที่ 2 ข้าคืออนุเฟยจู
หลังจากที่จินลู่ทานข้าวจนอิ่มหนำสำราญใจ ก็ว่าจะนอน พักสักงีบ แล้วค่อยมาคิดว่าจะเอายังไงต่อ ก็พลันได้ยินเสียงร้องไห้ ดังเข้ามา
“เจียวเอ๋อร์ ข้าควรทำยังไงดี ฮึก ทำไมพระชายา ถึงทำกับท่านเฟยแบบนี้ได้” เสียงร้องไห้ดังเข้ามา ก่อนที่จะมีเสียงปลอบตามมา
“ท่านพี่ ข้าก็กังวลเหมือนกัน เราไปที่คอกม้าดีไหม จะได้อ้อนวอนขอท่านเฟยกลับมาที่ตำหนัก ท่านเฟยสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ข้ากลัวว่า…” เสียงนั้นเงียบไป
“ฮึก เจียวเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เอ่ยแบบนี้ เพราะท่านเฟย จะต้องไม่เป็นอะไร” เสียงสะอื้นของอีกคนดังขึ้นมา ก่อนจะบอกกับน้องสาว
คนทั้งสองคือ บ่าวข้ารับใช้ของเฟยจู ชื่อว่า หนิงเอ๋อ และหนิงเจียว เป็นพี่น้องฝาแฝด และได้ดูแลเฟยจูมาตั้งแต่เป็นอนุในวันแรก ทั้งสองถือว่าเป็นคนดีเลยก็ว่าได้
นางกำนัลแฝดเดินเข้ามาด้านในตำหนัก ก่อนที่จะชะงักกึก.. เพราะนั่น.. คือคนที่พวกตนกำลังเอ่ยถึง
"ฮึก… อนุเฟย" พูดได้แค่นั้น.. นางกำนัลแฝดก็ถลาเข้ามา กอดขาของนางแน่น
จินลู่มองแล้วก็อมยิ้มชอบใจ การมีคนที่รักเรา.. มันดีแบบนี้นี่เอง
“พวกเจ้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว... ข้าไม่ได้เป็นอะไร เห็นไหมร่างกายของข้าปกติดีทุกอย่าง เจ้าไม่ต้องกังวลนะ” ผู้เป็นนายเอ่ยออกมา ทำให้สองนางกำนัลจ้องมองเขม็ง มันจะเป็นไปได้ยังไง.. ในเมื่อพวกนางเห็นกับตา ว่าพระชายาเสวี่ยนซ่าน ให้บ่าวไพร่ทุบตีแล้วลากไปที่โรงเก็บฟาง แล้วทำไม
แฝดรีบจับแขนของผู้เป็นนายพลิกไปมาพร้อมทั้งเลิกแขนเสื้อขึ้น เพื่อสำรวจตรวจหารอยต่างๆ แต่ก็ไม่พบ
ทั้งคู่จ้องตากันด้วยความฉงน มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ
“เอาน่ะ.. ข้าปลอดภัยแล้ว.. ต่อแต่นี้ไป จะไม่มีใครทำอะไรกับข้าได้แน่นอน” เฟยจูพูด.. ก่อนที่จะลูบบ่าของนางกำนัลของตนเบาๆ
“ฮึก.. ท่านเฟยของข้า” น้ำตาแตกอีกรอบ
เฟยจูส่ายหน้าไปมา แล้วก็มองตรงไปยังด้านหน้า ในคลองจักษุนั้น เห็นอะไรที่คนทั่ว ๆ ไปไม่เห็น.. นั่นก็คือ !
การเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่อยู่ไกลได้อย่างชัดแจ้ง... และที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ.. การได้ยินความคิดของทุกคนอีกด้วย
จินลู่ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะจู่ ๆ เธอก็มีสัมผัสที่หกกับเขา แถมพลังพวกนี้ก็มาจากขนนกสีทอง แล้วจะไม่ให้เธอดีใจได้ยังไง
“เอาล่ะ ๆ พวกเจ้า ข้าง่วงมาก... ขอข้านอนก่อนได้ไหม ตื่นมาค่อยมาคุยกัน.. นะ” บอกกับนางกำนัลแฝดของตน
“ได้เจ้าค่ะ.. ท่านเฟย”
จินลู่ในร่างของเฟยจู ขึ้นบนเตียงแล้วเอนกายลงนอน.. ไม่ถึงสองวินาที ก็หลับไป ตามที่ถูกฝึกมาอย่างหนัก ในช่วงของการเป็นทหาร
ในฝันนั้นเห็นเฟยจูในร่างโปร่งบางใส คงเพราะเป็นวิญญาณนั่นแหละ ใบหน้างามละออของนางที่มองมายังเธอ ดูอ่อนหวานเพ็ญพิสุทธิ์จริง ๆ ตัวตนของเธอเป็นจินลู่แต่แล้ว กลับกลายเป็นเฟยจู แม้จะงงแต่ก็มองร่างโปร่งใสนั่นก่อน เพราะเฟยจูตัวจริงลอยเข้ามาหาเธอแล้ว
“จินลู่ ข้ามาหาเจ้า ข้าดีใจที่ได้เจอเจ้า และดีใจมากที่เจ้ามาอยู่ในร่างของข้า เจ้าจงรักษาร่างของข้าให้ดีนะ เพราะส่วนหนึ่งมันเป็นของเจ้าไปแล้ว อดีตของข้า.. มันจะกลับเข้ามาในความทรงจําของเจ้า ข้าหมดห่วงแล้ว แม้ว่าในใจของข้าจะยังคิดถึงและรักท่านอ๋องสี่อยู่ก็ตาม... แต่ท่านอ๋อง กลับไม่ได้รักข้าตอบ เจ้าไม่ต้องห่วงข้านะ.. ข้าไปหล่ะ” พูดจบก็หายไป จินลู่มึนตึ้บ..
= อะไรของเขา มาแล้วก็พูด ๆ ๆ ๆ แล้วก็หายไป พูดเองเออเอง โดยที่ฉันไม่ได้พูดตอบโต้ด้วยนี่นะ..= จินลู่ส่ายหัว
ก่อนที่จะพูดออกมาเบา ๆ
“เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรนะจินลู่.. ฉันสัญญาว่าจะดูแลและรักษาร่างกายนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ให้ใคร มาทำอันตรายได้แน่.
ยามเห่ย(13.00-14.59)
“ท่านเฟยจูเจ้าคะ.. ท่านเฟยจู” เสียงเรียกของหนิงเอ๋อเหมือนดังอยู่ข้างหู ทำให้ร่างเย้ายวนที่หลับอุตุอยู่ค่อย ๆ พลิกกายไปมา
“อืม” จินลู่ลืมตาขึ้นมา คนตรงหน้าคือหนิงเอ๋อ
“ OK ลุกแล้ว” อนุเฟยบอก ทำให้นางกำนัลตัวน้อยงง ที่ผู้เป็นนายพูดภาษาที่นางไม่เข้าใจ
“คิก คิก” เห็นสีหน้างงงวยและได้ยินความคิดของนางกำนัล ก็ทำให้เฟยจูขำอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะลุกออกไป เพื่ออาบน้ำ
นางกำนัลตัวน้อยเดินตามมา ก่อนจะเปลื้องผ้าให้ ทำให้จินลู่เกิดความกระดาก จริงอยู่ ที่เธออยู่ในร่างของเฟยจูแต่จิตวิญญาณมันเป็นของเธอนะ แล้วจะไม่อายได้ยังไง
เมื่อการอาบน้ำเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็ถึงเวลาแต่งตัว จินลู่พยายามจดจำการสวมเสื้อให้ได้มากที่สุด แม้ว่าเธอจะมีพลังแล้วก็ตาม
เสียงดังเอะอะอยู่ด้านนอก ทำให้คิ้วของเฟยจูขมวดมุ่น แล้วมองตรงไป
ก็ได้เห็นว่า พระชายารองลำดับสองเหม่ยฮวา กำลังตรงดิ่งมาที่ตำหนักของเธอ แม้หนิงเจียวจะเอ่ยห้าม.. แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้มาก เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเมียของเจ้านาย
เฟยจูสะบัดแขนออก แล้วเดินตรงไปด้านนอก ทำให้หนิงเอ๋อตกใจแล้วก็วิ่งหน้าตั้ง
ทำไมผู้เป็นนายของนางถึงเดินไวอย่างนี้นะ.. นางเร่งเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ทัน
กึก !
หนิงเอ๋อเบรคจนเกือบหัวทิ่ม เพราะตรงหน้านั้น คือผู้เป็นนาย และที่สำคัญ พระชายาเหม่ยฮวา
ถึงจะเป็นพระชายารองลำดับสอง แต่ท่านอ๋องกลับโปรดปรานมากกว่าพระชายาเสวี่ยนซ่านเสียอีก
“คาราวะพระชายาเหม่ยฮวา ท่านมาที่ตำหนักข้า มีอะไรเหรอเจ้าคะ” เฟยจูถามขึ้น หลังจากคาราวะตามธรรมเนียม เพราะเฟยจูนั้นเป็นเพียงอนุ จึงต้องก้มหัวให้
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าถูกทำร้ายปางตาย แต่ทำไม เจ้ายังเดินระเหยลอยชายอยู่ได้” เหม่ยฮวามึนงง
= ไหนเจ้าพวกนี้บอกกับข้าไงหล่ะ ว่ามันตายแล้ว แต่นี่ มันยังงามพริ้งอยู่เลยนี่ = พระชายาคิดในใจอย่างไม่พอพระทัย
เหล่าข้ารับใช้ต่างตกตะลึง ก็พวกตนเห็นมากับตา ว่าอนุเฟยถูกทำให้ตายแล้ว เพราะการทุบตีและจับกดน้ำ แล้วทำไมยังมีชีวิตรอดได้
ทุกคนสงสัย แต่เฟยจูกลับหัวเราะในใจ เธอได้ยินทุกคำ ที่พวกนี้พูด จึงทำให้เธอเอ่ยคำเยาะ ๆ ออกมา
“พระชายาอยากเห็นข้าตายงั้นเหรอ ถึงว่า แต่ก่อนนั้นชอบทำร้ายข้าประจำ” คำพูดที่ออกมาจากปากของเฟยจู ทำให้พระชายาเกิดใบหน้าร้อนผ่าวขึ้น
“เจ้า บังอาจนัก เป็นเพียงอนุชั้นต่ำ เจ้ายังจะกล้าพูดแบบนี้กับข้าเหรอ” พระชายาเหม่ยฮวาโมโหหนัก
“อนุก็คน.. ท่านก็คน.. พระชายาคนอื่นก็คน ท่านอ๋องก็คน แล้วทำไมต้องกดขี่เหยียดหยามว่าเขาชั้นต่ำด้วย” น้ำเสียงของอนุเฟยจู ไม่ใช่เบา ๆ แต่ดังก้องตำหนัก ทำให้องครักษ์ของอ๋องสี่ที่เฝ้าอยู่โดยรอบ และแอบตามพระชายามาได้ยินเข้า
จินลู่นั้นเห็นแล้ว ถึงได้พูดเสียงดังออกมาเพื่อให้เอาไปรายงานต่อท่านอ๋องสี่ งานนี้เธอหวังผลภายภาคหน้าด้วย
= ใครที่มันทำกับเธอ ฉันจะเอาคืนให้นะ เฟยจู =
พระชายาเหม่ยฮวาใบหน้าแดงก่ำ ด้วยความไม่พอใจและเกลียดชังอนุหน้าตาจิ้มลิ้มนี่เต็มทน
“พวกเจ้าไม่ได้ยินที่มันว่าข้าเหรอ ไปจับมันมา” เหล่าข้ารับใช้ต่างก็กรูกันเข้าไป เพื่อที่จะจับอนุเฟยจูไปให้ผู้เป็นนายชำระโทษ
เสียงเอะอะของหนิงเจียวและหนิงเอ๋อ ไม่ได้ทำให้เหล่านางกำนัลทั้งหลายเห็นใจ ต่างคนก็ต่างผลักแฝดจนล้มลง แล้วฉุดกระชากลากถูอนุเฟยมาคุกเข่าตรงหน้าของพระชายา
“เจ้าแน่มากนักเหรอ อนุเฟย หน้าตาของเจ้า มีดีแค่น่ารัก และผิวขาวใส แต่เสียใจด้วยนะ ที่ท่านอ๋องไม่โปรดเจ้า ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้ว ข้าเกลียดเจ้าจริง ๆ ทำไมนะ เจ้าถึงไม่ตายไปตั้งแต่นังเสวี่ยนซ่านจับเจ้ากดลงน้ำนั่น เจ้าจะยังมีชีวิตมาเดินเพ่นพ่านให้ข้ารำคาญลูกตาทำไม” เพราะคำพูดที่ไม่ได้คิดของพระชายา ทำให้องครักษ์ทั้งสองตกตะลึง ต่างก็มองหน้ากัน ก่อนที่หนึ่งคนจะหายวับไป จินลู่ชำเลืองมองก่อนที่จะอมยิ้ม งานนี้สำเร็จเร็วเกินคาดจริง ๆ
“ข้าคงต้องแสดงความเสียใจด้วย ที่ข้ายังไม่ตาย สิ่งที่พวกท่านทำกับข้า ข้านั้น.. จำไม่มีวันลืม” หญิงสาวกัดฟันจ่มความเจ็บปวดลงในอก ภาพที่เฟยจูถูกเหล่าพระชายาทำร้ายมานับแรมปี ผุดขึ้นมาระลอกแล้วระลอกเล่า ยิ่งทำให้เธอแค้นในใจ และเกลียดคนพวกนี้เข้ากระดูกดำ
มีโอกาสเมื่อไหร่.. เธอไม่ปล่อยให้คนพวกนี้เสวยสุขแน่