บทที่ ๑ ทะลุมิติมาแล้วจ้า
ยามหว่าง (05.00-06.59)
“อือ” เสียงใส ๆ นั้นเปล่งออกมาจากลำคอ ก่อนที่มือเรียวสวยจะยกขึ้นคลึงขมับ พร้อมกับที่เปลือกตาของเธอ..ค่อย ๆ เปิดขึ้น
“อื้อ…” เมื่อจักษุเจอเข้ากับแสงพระอาทิตย์สาดส่อง ก็ต้องหยีตา เพราะสู้รังสีความร้อนแรงไม่ได้
เมื่อหลับตาแล้วค่อยปรับสภาพของนัยน์ตาเป็นที่เรียบร้อย เปลือกตาคู่สวย.. ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง อย่างช้า ๆ
คราวนี้ดวงตาคู่หวานนั้นได้กวาดไปมองรอบๆอย่างมึนงงและความสับสน
ไม่เข้าใจว่า.. นี่มันคืออะไร ทำไมภายในห้องนี้ ถึงดูโกโรโกโสขนาดนี้ แถมที่เธอนอน ก็ไม่ใช่เบาะ แต่ว่า มีเพียงฟางแห้งปูเอาไว้ … ก็เท่านั้นเอง
= นี่มัน คืออะไร = หญิงสาวสงสัย เธอมาทำอะไรที่นี่ แล้วเครื่องบินล่ะ.. อยู่ไหน.. ทีมงานของเธอล่ะ รีบประมวลผลทันที
ภาพสุดท้ายที่จำได้... นั่นก็คือเสียงกรีดร้องและเครื่องบินเตรียมโหม่งโลก และหลังจากนั้น.. หญิงสาวก็ไม่รู้ได้ งั้น… เธอคงตายไปแล้วเรียบร้อย ถ้าเจ้านกยักษ์เอาหัวปักลงแบบนั้น ไม่น่าจะมีใครรอดชีวิต
แล้วที่เธอมาอยู่ที่นี่.. ก็คือนรกงั้นเหรอ
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง คราวนี้สังเกตอย่างละเอียด
ก็ยังคงเห็นเป็นกองฟางแห้งอยู่เต็มห้องเหมือนเดิม.. เพิ่มเติมคือเป็นห้องแคบและสกปรกอย่างมาก โกโรโกโสอย่างที่สุด.. ห้องเป็นไม้.. ที่มีแต่ช่องเต็มไปหมด คือไม่มีอะไรดีพอที่จะเป็นบ้านอะ !
หญิงสาวรูปร่างอรชรลุกขึ้น ตั้งใจจะไปดูที่ช่องรูเล็ก ๆ ก่อนจะเซ
“โอ๊ย ไรวะ ปวดหัว เครื่องบินโหม่งโลก.. มันต้องปวดหัวด้วยเหรอวะ” หญิงสาวคิด ก่อนที่จะมองไปยังแผ่นไม้.. ที่มีช่องว่างกว้างกว่าแผ่นอื่น จึงไปส่องดูความเป็นไป ของนรก มือก็กุมหัวไป แต่ความเผือก เอ้ย ความระแวดระวัง มันก็ยังมีเต็มเปี่ยม
เมื่อสายตามองเห็นเหตุการณ์ด้านนอก ก็ยิ่งสงสัยหนัก
“เอ๊ะ! ทำไมนรกถึงมีแต่คนทำงานกันล่ะ.. ไหนจะเสื้อผ้าแบบแปลก ๆ นี่อีก เหมือนจีนโบราณที่เคยดูในทีวีเลย” ริมฝีปากอิ่มสวยแต่ออกซีด เอ่ยพึมพำออกมา แล้วก็ก้มมองดูตัวของตนเอง ก็พบว่า.. แต่งแบบเดียวกัน แต่เนื้อผ้ากลับดี และน่าจะเป็นผ้าไหมด้วย เพราะออกเลื่อม ๆ
“เอ... มันยังไงกันนะ... ในนรกไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้.. มันจะต้องมีกะทะทองแดง.. มีต้นงิ้ว.. มียมบาลที่คอยถือเหล็กร้อน ๆ แทงสิ .. มันจะต้องร้อนเพราะมีแต่ไฟ.. แต่ว่า... ที่นี่มีแต่ม้า.. มีคนทำงาน นี่เราหลงยุคมาเหรอ” พึมพำอย่างมึนงงสับสน
ขาเพรียวก้าวไปที่บานประตู กำลังจะเปิดออก ก็เห็นอะไรบางอย่างอะไรแว๊บ ๆ เป็นสีทองด้วย
“หือ ?...ไรอะ” คิ้วสวยขมวดมุ่น
เมื่อเพ่งดูสิ่งนั้น.. มันก็เป็นขนนกสีทอง. แล้วทำไมมันต้องมาติดอยู่ที่เสื้อของเธอกัน... แถมมีสีทองอีกด้วย
วูบบบบ !
“เฮ้ยยย มีการลอยได้ด้วย” หญิงสาวมึนงง และตื่นเต้น แต่ก็ยื่นมือออกไปเมื่อมันลอยมาหาเธอ ขนนกสีทองนั้น ก็ได้ลอยเข้ามาสู่มือของเธอ
“....” กระพริบตาปริบ ๆ ความมึนพุ่งเข้าสู่หัวใจของเธออย่างรุนแรง ดวงตาคู่สวยมองดูขนนกด้วยดวงตาฉงน ก่อนจะหยิบขึ้นมาพินิจพิจารณา
“มันเป็นขนนกสีทอง แถมลอยได้ มันดูอุ่นมากอีกต่างหาก สรุปแล้ว มันมายังไง” หญิงสาวรำพึงรำพันอย่างครุ่นคิด มือก็หมุนขนนกไปเรื่อย ๆ และสายตาก็จับจ้องเพื่อหาสิ่งผิดปกติ
แล้วดวงตาคู่สวย ก็เบิกโพลง เมื่อเห็นแสงสีม่วงอ่อน ลอยออกมาจากขนนก
“หือ” มองอย่างอึ้ง ๆ ทำไมมันถึงมีอะไรที่แปลกประหลาดแบบนี้วะ
ไอสีม่วงอ่อนลอยเข้ามาสู่ร่างกายของเธอ... หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง และรับรู้ได้ว่ามีอะไรที่อุ่นจนร้อนไหลวนอยู่ในร่างกายของเธอ
ฉับพลัน ! จิตสำนึกของกายนี้ ก็วาบเข้ามา
ทุกภาพไหลเข้ามาในสมอง เหมือนกับการฉายภาพยนตร์ ทำให้หญิงสาวรับรู้ความเป็นไปในสิ่งที่เธอมาโผล่ที่นี่
ภาพจากอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งชีวิตจากโลกโน้น ก็ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว และก็จบลงไป
เธอสะบัดหน้า หลับตา หายใจเข้าปอดอย่างช้า ๆ... และผ่อนลมหายใจออก ทำเหมือนเดิม อยู่สาม-สี่รอบ เพื่อปรับอารมณ์และความรู้สึก
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอจึงลืมตาขึ้นมา
ใช่แล้ว หญิงสาวชื่อจินลู่ มาจากศตวรรษที่ 21 เธอเป็นทหารของทางการฟู่โจว และได้เสียชีวิตลง.. เมื่อเครื่องบินตก ได้ข้ามมิติมาที่เสิ่นเจิ้น เป็นอีกมิติหนึ่ง ที่ทับซ้อนกันหลายหมื่นวง เข้ามาอยู่ในร่างของเฟยจู... ผู้เป็นอนุลำดับที่ยี่สิบแปดของอ๋องสี่
แม่เจ้า !.. มีเมียเยอะชิปหาย ถึงว่าชุดที่ใส่นี่ ถึงดูดีมีราคา และน่าเอาไปจำนำ แฮะ !
หญิงสาวอุทานในใจ
แถมยังถูกทำร้ายได้ทุกวี่ทุกวัน โดยที่ตาอ๋องนั่นไม่เคยรู้.. แต่บางทีอาจจะรู้ก็ได้.. แต่เพราะมีสนมนางในเยอะ.. รวมทั้งมีพระชายาตั้งสี่คน แล้วจะมาชายตามองอนุที่ไม่เคยโปรดปรานได้ยังไง
เฟยจูจึงถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จนถึงขั้นลากออกมาจากตำหนักอันน้อย ๆ.. เพื่อมาทิ้งในโรงเก็บฟางที่เอาไว้เลี้ยงม้าแห่งนี้
“ถึงว่า ตื่นมาเจอแต่กองฟาง ไอ้พวกนี้นี่.. ทำกับเธอได้ยังไงนะเฟยจู เธอออกจะน่ารักขนาดนี้” จินลู่ลูบใบหน้าของเฟยจู ภาพในความทรงจำ บอกไว้ว่า หญิงสาวคนที่จากไป มีหน้าตาน่ารักแค่ไหน.. ดวงตาของเธอกลมโตเหมือนดวงดาว มือเรียว และรูปร่างสะโอดสะอง อรชรอ้อนแอ้น ดูเย้ายวนใจ แต่ทำไม... ท่านอ๋องกลับไม่โปรดปรานนะ
จินลู่สงสัย แต่ขนาดไม่เป็นที่ชื่นชอบของอ๋องสี่ ก็ยังถูกทำร้ายอยู่ทุกวัน แต่ด้วยความที่เฟยจูเป็นคนเรียบ ๆ และเป็นนางเอ๊กนางเอก จึงไม่ตอบโต้ใคร.. จนสุดท้าย ต้องตายเพราะความใจดี และโลกสวยนี่แหละ
“เฮ้ออ” หญิงสาวถอนหายใจอย่างเซ็งจิต เจ็บปวดในใจ
เมื่ออะไร ๆ เข้าที่เข้าทาง เธอจึงเก็บขนนกเอาไว้ในชายเสื้อ ดูแล้วคงเก็บอะไรได้หลายอย่างอยู่ แล้วก็เปิดประตูออกไปด้านนอก
แอ้ดด !
เสียงเปิดประตู ทำให้ใครหลายคนหันมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่จะชะงักกึก ต่างคนก็ต่างตกใจ ตัวแข็งทื่อ เพราะคนตรงหน้าคืออนุของท่านโม่หราน หรืออ๋องสี่ นามว่าเฟยจู และที่สำคัญ ถูกทุบตีจนตายไปแล้ว พวกตนจึงพากันเอามาไว้ที่ห้องเก็บฟาง เพราะจะต้องขุดหลุมฝัง... ตามคำสั่งของผู้เป็นพระชายา ก่อนที่ท่านอ่องสี่จะกลับมาถึงพระตำหนัก
แต่ว่า... นี่คืออะไร ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้กันเล่า
ทุกคนต่างก็อึ้ง ตะลึง และมึนงง จนไม่มีใครจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เมื่ออนุคนที่ยี่สิบแปดของท่านอ๋อง ก้าวออกมาแล้วก็เดินหลังตรงไปที่ตำหนักเล็กของตนตามเดิม
บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็ยืนอยู่กับที่ มองตามหลังของเฟยจูไปจนลับสายตา
“พวกเจ้า.. เห็นเหมือนข้าหรือไม่” บ่าวชายอีกคนถามขึ้นด้วยเสียงละเมอ
“เห็น.. ข้าเห็น นี่มันคือเรื่องจริงใช่หรือ... เหตุใดอนุของชินอ๋อง ถึงยังเดินได้.. แล้วเมื่อยามเหาะ นั่นเล่า อนุเฟยได้ตายไปแล้วนี่” บ่าวอีกคนอึ้ง ๆ (23.00-24.59)
“นั่นสิ” เสียงโจษจันดังอื้ออึ้ง
เฟยจูเดินลัดเลาะเข้ามาตามกำแพง ทั้งที่ในชีวิตของนาง ไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายออกจากตำหนัก
จินลู่เองก็งงเหมือนกัน แต่เมื่อมาตามความรู้สึก ว่ามันใช่ ก็คือใช่ และก็คือใช่จริง ๆ
ตำหนักเล็ก ๆ แห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของเฟยจู มีข้ารับใช้สองคน แต่ในวันนี้ยังไม่เห็น.. คงตามหานางอยู่มั้ง
ขาเรียวก้าวเข้าไปด้านในตำหนัก ทุกชิ้นต่างก็ทำมาจากสัมฤทธิ์ทั้งนั้น ดวงตากลมสวยดั่งดวงดาวมองไปรอบ ๆ แล้วก็ลุกขึ้น เดินตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะผงะออกมาอย่างตกใจ
เพราะใบหน้าที่เคยน่ารักนั้น มีแต่คราบเลือดที่แห้งเกรอะ รวมทั้งฝุ่นและเศษฟาง.. จนแทบหาส่วนดีแทบไม่เจอ
“เหวอ... โอ๊ยยย เฟยจู น่าสงสารจริง ๆ” ถอนหายใจอย่างสงสารในชีวิตของเฟยจู เกิดมาเป็นอนุของเขา แถมถูกทำร้าย ไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้กลับ จะไม่ให้น่าสงสารได้ยังไง
“เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้ ฉันมาอยู่ในร่างนี้แล้ว ก็จะทำให้ร่างนี้มีความสุขในทุก ๆ วันก็แล้วกัน” จินลู่พูดกับสายลม ให้ส่งไปถึงเจ้าของร่างที่แท้จริง
วูบบบบบบ !
“ไรอีกล่ะ” จินลู่หันมองรอบกาย ตอนแรกนึกว่าวิญญาณของเฟยจูมาหา แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นขนนกสีทองนี่เอง
ไม่รู้ลอยออกมาจากแขนเสื้อได้ยังไง
“เจ้านี่.. ตกลงที่ฉันมาอยู่ที่มิติแห่งนี้เป็นเพราะเจ้าหรือเปล่าห๊ะ” ถามไปงั้นแหละ แต่สิ่งที่ได้กลับมา ก็คือ แสงเรืองรองที่ออกมาจากขนนกนั่นต่างหาก
แสงกระพริบวิบวับ ทำให้นายทหารหญิงเริ่มเข้าใจแล้ว
“อ้อ.. งั้นเหรอ ในเมื่อพาฉันมาที่นี่ ก็คงไม่ปล่อยให้ฉันอยู่แบบโดดเดี่ยวหรอกนะ” จินลู่พูดขึ้น
วูบบบบ !
แสงสีทองวิบวับอีกแล้ว
“หึหึ อ่ะเคร งั้นฉันจะไปอาบน้ำ ร้อน และสกปรกมาก” พูดเสร็จจะเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ตามความทรงจําที่มี เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็พลันหลุดออกจากร่าง
“เฮ้ยยยย !” นายทหารหญิงตกใจ ที่จู่ ๆ เสื้อผ้าก็หลุดออกมา ใบหน้าเนียนมีสีระเรื่อพาดผ่าน รีบหันซ้ายขวา เมื่อไม่เห็นใคร ก็โล่งอก รีบดึงเสื้อผ้ามาห่อหุ้มตามเดิม ก่อนจะเผ่นไปที่ห้องน้ำ สมองครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนจะคิดไปถึงขนนกสีทอง ว่าเกี่ยวกันไหม
“เจ้าทำหรือเปล่า เจ้าสีทอง” เมื่อไม่รู้จักชื่อ ก็เรียกชื่อนี้ไปแล้วกัน
วูบบบบบบ !
ลอยมาแบบนิ่ง ไม่มีการวูบวับ แสดงว่าไม่ใช่
“อ้าว แล้วเสื้อผ้ามันหลุดออกได้ยังไง” สงสัยนะนี่
วูบบบบ !
ขนนกลอยวนทั่วร่างของเธอ หญิงสาวสังเกตก่อนจะวาบไปถึงแสงสีม่วงอ่อน ที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเธอ
“หรือว่า แสงม่วง ๆ นั้น” พูดยังไม่ทันจบดี ขนนกสีทองก็กระพริบแสงวิบวับออกมา
ใช่จริง ๆ
คราวนี้ คนสวยเกิดจากลองของขึ้นมา เลยยกมือออกมาด้านหน้า แล้วเอ่ยขึ้น
“อยากให้มีไฟออกมาจากมือ”
ชิ้ง !
เงียบ
“อ้าว... ไหนอะ” จินลู่งง ยกมือขึ้นมาพินิจอีกครั้ง ก็พบว่า แสงสีม่วงอ่อน ๆ ไหลในอยู่ทั่วเส้นเลือด และที่สำคัญ มีความอุ่นวาบอยู่ด้วย
“หรือว่า เราต้องตั้งสติและสมาธิก่อน เอาวะ.. ลองดูอีกที” นายทหารหญิงตั้งสติและทำสมาธิ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา
“อยากให้มีเปลวไฟออกมาจากฝ่ามือ”
พรึ่บ !
ตูม !
ไฟดวงเล็ก ๆ พุ่งออกมาจากมือ แล้วก็ปะทะเข้ากับน้ำในถังไม้ เกิดเสียงดังขึ้นมาทันที
จินลู่ในร่างเฟยจู ถึงกับอึ้ง ตาโต หัวใจเต้นรัว ๆ อย่างตื่นเต้น ก่อนจะพลิกฝ่ามือเรียวที่มือแต่ริ้วรอยบาดแผลเต็มแขนกลมกลึง
แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ
“ฉันต้องการให้ร่างกายแห่งนี้สะอาด ปราศจากสิ่งระคายเคือง และบาดแผลก็จงหายไป” เพียงแค่เปล่งเสียงออกมา ทุกสิ่งที่เฟยจูต้องการ ก็มีอันตรธานหายไป
“เหวออออ เย็ดเข้ ปังปุริเย่มาก” หญิงสาวดี๊ด๊าอย่างชอบใจ ในเมื่อร่างกายสะอาดสะอ้าน เหมือนอาบน้ำมาใหม่ แล้วจะให้อาบอีก ก็คงไม่ได้ งานนี้ต้องใส่เสื้อผ้า
“ฉันอยากแต่งตัวแล้ว”
พรึ่บ !
ชุดงามเนื้อดี ก็ห่อหุ้มร่างกายขาวนวลเนียนและแสนเย้ายวน ทำให้จินลู่ยิ้มอย่างรื่นเริงและมีความสุข
“แสดงว่าแสงสีม่วงอ่อนนั้น เจ้าเป็นคนปล่อยมาให้กับฉัน ฉันเคยเป็นเจ้าของมันมาก่อนเหรอ” ถามขนนกสีทอง
วูบบบบ !
แสงวิบวับกระพริบขึ้น หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนที่จะคิดหาชื่อให้กับขนนกสารพัดประโยชน์นี้
“ฉันจะตั้งชื่อให้นะ อืม...ชื่อ.. จินเฟิ่งก็แล้วกัน” ขนนกกระพริบตาแสงรัว ๆ คงชอบใจ
“อ่ะ เคร จินเฟิ่ง.. ฉันถูกเจ้านำมาอยู่ในมิติอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ใด แล้วในเมื่อนำฉันมาแล้ว ฉันต้องเป็นนายของเจ้าหรือเปล่า” ถามขนนก
วูบบบบบ !
แสงวิบวับถูกกระพริบออกมา
“ งั้น ตอนนี้ฉันหิว เจ้าทำให้ฉันกินข้าวได้ไหม” ถามขึ้นอีกรอบ พลางสาวเท้านุ่มเนียนไปที่โต๊ะนั่งจิบชา ที่อยู่ภายในห้องเล็กนั่น
วูบบบบ !
กระพริบแสงรัว ๆ
เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว จินลู่ในร่างเฟยจู ก็นั่งที่เก้าอี้ และเพียงกระพริบตา อาหารหลากหลาย ก็ตั้งอยู่เต็มโต๊ะ
“หอมจัง งั้นฉันกินเลยนะ เจ้าไม่กินเหรอ” คนหน้าใส ดวงตาวาววับพูด
ขนนกลอยนิ่ง ไม่เปล่งแสง แสดงว่าไม่ชอบ
“อะ เคร เดี๋ยวฉันกินไปก่อน.. แล้วเราค่อยมาทำความรู้จักกันนะ”
วูบบบบบ !
จินลู่กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย อาหารแต่ละจาน ต่างหายวับไป หลังจากหญิงสาวทานได้เพียงแค่สิบนาที..
เท่านั้นเอง !
หญิงสาวคิดไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข ชีวิตใหม่นี้ช่างแสนสุข แต่ก่อนเธอไม่ได้สุขสบายมากนักเพราะต้องเร่งรีบ ช้าแม้เพียงเสี้ยวชีวิตก็อาจดับสูญได้ทุกเมื่อ
พอมาอยู่ในร่างนี้ ไม่ต้องทำอะไร แต่มีกินมีใช้ ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบทำแข่งกับเวลา มันก็สุขอีกแบบ