บท 11

2755 คำ
11 เมื่อตอนเช้าคุณกานต์บอกกับใบว่านว่าคุณเกื้อกินอาหารไทยไม่ค่อยเก่ง อีกฝ่ายไม่นิยมกินมันเท่าไรนักยกเว้นตอนไปทานข้าวกับคุณแม่ ทว่าช่วงเย็นของวันเดียวกันคุณเกื้อกลับพาใบว่านเข้าร้านอาหารในห้างเสียอย่างนั้น “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่อยากเข้าร้านนี้เหรอ” ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหาร คุณเกื้อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันก็เอ่ยถามใบว่านไปด้วย “เปล่าครับ ไม่ใช่ไม่อยากเข้า แต่ผมแค่แปลกใจที่คุณเกื้อพาเข้าร้านนี้” “หืม?” “ก็เมื่อเช้าคุณกานต์บอกว่าคุณเกื้อกินอาหารไทยไม่เก่ง แต่พอตกเย็นมาคุณเกื้อกลับพาผมเข้าร้านอาหารไทยซะงั้น ผมก็เลยแปลกใจน่ะครับ” ใบว่านอธิบายต่อ “กินไม่เก่งแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบสักหน่อย” “...” “ฉันแค่ไม่ชอบอะไรที่มันรสจัดมาก และไม่ชอบอะไรที่เป็นแกงกะทิก็เลยไม่ค่อยได้กิน” คุณเกื้อขยายความ โดยเวลาเดียวกันนั้นอาหารที่คุณเกื้อเป็นคนสั่ง ๆ ไปก็ทยอยนำมาเสิร์ฟพอดี พออาหารเริ่มถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะจานแล้วจานเล่า ใบว่านก็จ้องมองจานอาหารพวกนั้นด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย ในหัวเล็กขบคิดอะไรมากมาย ขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูจานอาหารที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามตามประสาอาหารในห้างหรู “ตอนนี้อาหารน่าจะออกมาครบหมดแล้ว งั้นเราเริ่มกินกันเถอะ” คุณเกื้อบอกใบว่าน “ครับ” ใบว่านขานรับพร้อมหยิบช้อนส้อมลงมือกินอาหารตามที่คุณเกื้อบอกทันที ซึ่งระหว่างที่ใบว่านกำลังละเมียดชิมอาหารแต่ละจานอยู่นั้น เขาก็คอยนึกไปด้วยว่าอาหารพวกนี้มันต่างจากร้านข้าวราดแกงข้างทางยังไง ทำไมราคามันถึงได้สูงแบบนี้ “กินข้าวก็ยังขมวดคิ้วอีกนะ นายเป็นอะไร” คุณเกื้อที่คอยสังเกตท่าทีใบว่านอยู่ตลอดเวลาถามขึ้น “ผมสงสัยน่ะครับว่าทำไมร้านอาหารในห้างแบบนี้ มันถึงได้ราคาสูงนัก” ใบว่านพูดในสิ่งที่คิดออกมาเสียงแผ่ว เนื่องจากเขากลัวว่าคนของทางร้านจะได้ยิน “...” “อีกอย่าง... ในเมื่อเรารู้ว่าอาหารข้างนอกถูกกว่า แล้วทำไมเรายังต้องยอมมากินที่นี่แล้วจ่ายแพงกว่าข้างนอกด้วยล่ะครับ” “ก็ความพอใจไง” คุณเกื้อให้เหตุผลกลับมาเพียงสั้น ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายส่วนอื่นต่อ “ที่ร้านอาหารในห้างมันแพงกว่าทั่ว ๆ ไปเพราะมันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามาไง ทั้งเรื่องพนักงาน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจิปาถะอื่น ๆ ที่อยู่หลังบ้านเขาอีก อีกอย่างวัตถุดิบที่ร้านใช้ส่วนใหญ่มันอาจจะราคาสูงกว่าปกติ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรายินดีที่จะจ่ายไหม” “...” “ซึ่งฉันก็ยินดีที่จะจ่ายไง เพื่อแลกกับบริการ แลกกับคุณภาพวัตถุดิบ” “แบบนี้นี่เอง” หลังนั่งฟังคุณเกื้อพูดจบแล้ว ใบว่านก็พูดเสียงแผ่ว เขาพูดออกมาแค่เท่านั้นและไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะร่ายยาวใส่กันอีก “สงสัยอะไรอีกไหม ฉันจะได้ตอบให้จบในคราวเดียว” คุณเกื้อถาม “ไม่แล้วครับ ผมไม่สงสัยอะไรแล้ว” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธกลับไป จากนั้นเขาก็ทำทีตั้งหน้าตั้งตาลงมือจัดการอาหารตรงหน้าตัวเอง นั่นจึงทำให้บทสนทนาระหว่างทั้งคู่ต้องจบลงแค่เท่านั้น จนกระทั่งทั้งสองกินมื้อเย็นเสร็จ ขณะที่กำลังเดินกลับไปทางเดิมเตรียมออกไปจากที่นี่ เพราะไม่มีธุระให้อยู่ต่อแล้ว ระหว่างที่ใบว่านกำลังเดินตามคุณเกื้ออยู่ไม่ห่าง เขาก็คอยหันซ้ายหันขวามองรอบ ๆ ตัวอย่างสนใจ “นายอยากได้อะไรไหม” คุณเกื้อหันหน้ามาถามกัน หลังอีกฝ่ายเห็นใบว่านมองนั่นมองนี่ไม่หยุด “ไม่ครับ” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธกลับไปทันที เพราะแค่คุณเกื้อพาเขาเข้ามากินอาหารในห้างแถมมื้อนี้ยังหมดเป็นพัน ใบว่านก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว “แต่ฉันมี” คุณเกื้อไม่พูดเปล่า แต่อีกฝ่ายยังจูงมือใบว่านให้เดินตามเจ้าตัวไปด้วย โดยอีกฝ่ายก็พาใบว่านเข้าไปยังร้านหนึ่งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออกเสียงยังไง เพราะน่าจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ “อ้าว สวัสดีค่ะคุณเกื้อ วันนี้นัดกับSAไว้เหรอคะ” “ไม่ครับ พอดีผมมาที่นี่ก็เลยแวะมาสักหน่อย” คุณเกื้อตอบพนักงาน แสดงความคุ้นเคยต่อกันเหมือนเจ้าตัวรู้จักกับพนักงานขายที่สาขานี้เป็นอย่างดี “ว่าแต่ช่วงนี้มีอะไรเข้าใหม่บ้าง?” “แบบที่เหมาะกับคุณเกื้อ น่าจะ...” “ไม่ครับ” คุณเกื้อรีบพูดขัด ก่อนที่พนักงานขายจะเอ่ยจบประโยคดี “...” “เอาแบบที่เหมาะกับคนนี้” คุณเกื้อไม่พูดเปล่า แต่อีกฝ่ายยังชี้นิ้วมาทางใบว่าน ในขณะที่เขาได้แต่ระบายยิ้มแห้ง ๆ ให้กับพนักงานเท่านั้น ไม่กล้าขัดใจคุณเกื้อ เนื่องจากใบว่านเริ่มรู้แล้วว่าไม่มีใครขัดใจคุณเกื้อได้ หากเจ้าตัวต้องการอะไร “อ๋อ งั้นมีหลายชิ้นเลยค่ะ เดี๋ยวรบกวนช่วยนั่งรอทีนะคะ จะเอาคอลเลกชันใหม่มาให้ดูค่ะ” พนักงานบอกกลับทั้งรอยยิ้ม พลางผายมือไปทางโซฟาตัวใหญ่ เพื่อบอกให้ใบว่านกับคุณเกื้อไปนั่งรอที่นั่น ไม่มีการถามความชอบกันสักนิด ตลอดทั้งการอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อโปรดของคุณเกื้อ ใบว่านก็ถูกอีกฝ่ายจับแต่งตัวลองนั่นลองนี่ประหนึ่งว่าเขาเป็นตุ๊กตา ซึ่งพอเจ้าตัวซื้อของจนได้ยอดที่พอใจแล้ว คุณเกื้อถึงได้ฤกษ์พาใบว่านเดินออกมาจากร้านท่ามกลางใบหน้าบูดบึ้งของเขา “ฉันอุตส่าห์ซื้อของให้ตั้งหลายชิ้นยังไม่ชอบอีกเหรอ งั้นเราเข้าอีกสักร้านดีไหม” “ไม่เอาแล้วครับ พอแล้วครับคุณเกื้อ” เพียงได้ยินเช่นนั้น ใบว่านก็รีบห้ามผู้อุปถัมภ์ของตัวเองทั้งหน้างอ ก่อนที่คุณเกื้อจะพาเขาเข้าอีกร้านจริง ๆ “งั้นก็ช่วยทำหน้าดี ๆ หน่อย” “...” “ทำหน้าดีกว่านี้” “คุณเกื้อครับ เดี๋ยวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเขาก็นึกว่าผมเป็นบ้าหรอก” ใบว่านเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณเกื้อแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายมากแค่ไหน คุณเกื้อก็ยังไม่มีท่าทีพอใจเช่นเดิม “งั้นนายก็เลิกทำหน้างอได้แล้ว เพราะฉันเห็นแล้วมันหงุดหงิด” อีกฝ่ายบอกกลับมาพร้อมก้าวเดินนำออกไปที่ลานจอดรถ ตลอดการเดินทางกลับไปยังโรงแรมที่เป็นบ้านของคุณเกื้อ ใบว่านที่นั่งข้างคนขับก็คอยหันมองคนเป็นเจ้าของรถอยู่เป็นระยะ เมื่อเขาเพิ่งนึกได้ว่ามีบางอย่างอยากพูดกับคุณเกื้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกอีกฝ่ายบ่นอีกหรือเปล่า “พูดมาสิ” “ครับ?” “เห็นหันหน้ามามองหลายครั้งแล้ว มีอะไรก็พูดมันออกมาสิ” คุณเกื้อเอ่ย ขณะที่สายตาของเจ้าตัวก็จับจ้องถนนตรงหน้าไปด้วย “วันนี้ผมกับคุณกานต์แวะไปเอาของที่บ้าน แล้วผมก็เพิ่งนึกได้ว่าคุณเกื้อยังไม่ซ่อมประตูให้ผมเลย” “...” “ไม่ทราบว่าคุณเกื้อจะรับผิดชอบยังไงครับ ในเมื่อคุณเป็นคนทำมันพัง” ใบว่านกลั้นใจถามออกไป ต้องการให้อีกฝ่ายรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ทว่าท่าทีที่เขาได้รับกลับมานั้น คุณเกื้อกลับแค่นหัวเราะเหมือนขำให้กับคำพูดของใบว่าน “นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องแค่นี้เองหรอกเหรอ” คุณเกื้อเอ่ยกลับมา ทำเอาคนที่นั่งข้างกันถึงกับคิ้วกระตุก “จะมาเรื่องแค่นี้ได้ยังไงครับ ในเมื่อคุณทำทรัพย์สินบ้านผมเสียหายอะ” “...” “รับผิดชอบมาเลย ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่” ใบว่านขู่ หวังจะให้คุณเกื้อหัดเกรงกลัวกันบ้าง “น้ำหน้าอย่างนายจะทำอะไรฉันได้” “คุณเกื้อ!” “เดี๋ยวฉันจะให้กานต์จัดการให้ก็แล้วกัน ส่วนนายก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วนะ ฉันจะเปลี่ยนประตูให้เลย โอเคไหม?” คุณเกื้อร่ายยาวเหมือนตัดความรำคาญ ไม่ต้องการให้ใบว่านพูดถึงเรื่องนี้ซ้ำ “ได้ครับ คุณเปลี่ยนใหม่ให้ผมเลยแล้วผมก็ขอด่วน ๆ ด้วยเดี๋ยวของในบ้านหาย” ใบว่านตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เหอะ คงไม่มีใครเขาเข้าไปหยิบจับของในนั้นหรอก เพราะถ้าเอาไปขายคงไม่ได้ราคา” อีกฝ่ายสวนกลับมา ทำเอาใบว่านถึงกับควันออกหูหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรอีกฝ่ายนอกจากส่งเสียงโวยวาย เพราะลึก ๆ แล้วใบว่านก็ยังมีความเกรงกลัวคุณเกื้ออยู่ “คุณเกื้ออะ!” หลังกลับมาถึงโรงแรมพร้อมกับคุณเกื้อแล้ว ในหัวของใบว่านก็เอาแต่คิดเรื่องการประทุษร้ายอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการออกลายแม่ไม้มวยไทย รวมไปถึงการทำอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้คุณเกื้อร้องโอดโอยได้ แต่ไม่ว่าใบว่านคิดจะทำอะไร เขาก็ทำได้แค่ในความคิดเท่านั้น เพราะถ้าหากทำจริง ๆ นอกจากใบว่านจะไม่ได้เรียนต่อแล้ว เขาก็น่าจะถูกคุณเกื้อจับส่งตำรวจด้วย “ทำสายตาเหมือนจ้องจะทำร้ายฉันอย่างนั้นแหละ” ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน เตรียมทะยานขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของโรงแรม เสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้น “ผมเปล่า!” ใบว่านรีบปฏิเสธเสียงลนลาน “แล้วจะเสียงดังทำไม นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจริง ๆ น่ะ” “เปล่าสักหน่อย” คราวนี้ใบว่านพูดเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พลางกะพริบตาปริบ ๆ ใส่คุณเกื้อ เมื่อเขากำลังถูกคนแก่กว่าใช้สายตาจับผิดกัน “งั้นก็อย่าให้รู้แล้วกัน” คุณเกื้อบอกเสียงเข้มพร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้ใบว่าน คล้ายต้องการจะไล่ต้อนกัน โดยในจังหวะเดียวกันนั้นประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกพอดี ซึ่งพอเห็นเช่นนั้น ใบว่านก็ไม่รอช้าเขารีบพุ่งตัวออกไปจากลิฟต์ด้วยความไวแสง เพราะถ้าหากเขายังยืนตัวแข็งทื่อปล่อยให้คุณเกื้อไล่ต้อนตัวเองแบบนั้นอยู่ เห็นทีใบว่านน่าจะเผลอสารภาพความคิดของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้แน่ “ไวจริง ๆ” คุณเกื้อพูดตามหลังมา หลังใบว่านอาศัยความว่องไวพุ่งตัวเข้าไปในบ้านของอีกฝ่ายแล้ว เมื่อเข้ามาข้างใน ต่อมาใบว่านก็มายืนทำคิ้วขมวดอยู่ที่โซนหน้าโซฟาต่อ เนื่องจากกระเป๋าใบคุ้นตาที่ใบว่านจำได้ว่ามันเป็นของบ้านตัวเองได้ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ “กระเป๋าใบนี้มันของผมนี่” ใบว่านหันไปบอกคุณเกื้อ หลังอีกฝ่ายเดินตามเข้ามาแล้ว “สงสัยกานต์เขาคงไปจัดการให้มั้ง นายจะได้ไม่ต้องแวะไปที่นั่นบ่อย ๆ” คุณเกื้อบอกกลับมา ขณะที่ใบว่านก็เดินเข้าไปรูดซิปกระเป๋าเปิดดูของข้างในนั้น ซึ่งมันก็มีแต่เสื้อผ้าของใบว่านทั้งนั้น “ใจคอพวกคุณจะให้ผมอยู่ที่นี่ยาว ๆ เลยเหรอครับ” ใบว่านถามต่อ “ก็ตามสัญญาไง ลืมหรือไง” “...” “ถ้าไม่อยากอยู่ก็จ่ายมาห้าล้าน ขอเป็นเงินสดไม่รับผ่อน” คุณเกื้อทวนสัญญาให้ฟัง ทำเอาใบว่านได้ยินแล้วก็เกิดอาการฉุนเฉียวเล็กน้อย อยากจะพูดบางอย่างกลับไป แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่พูดมัน “คุณเกื้อรังแกเด็ก” ใบว่านเลือกที่จะพูดคำนี้ออกมาแทน “พวกคุณใช้จังหวะที่ผมกำลังเสียใจเอาเปรียบผม” “ฉันเปล่า” “เปล่าได้ไง ในเมื่อคุณทำจริง ๆ” ใบว่านเถียงสู้ “...” “ตอนนี้ผมไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว พอดีผมไม่อยากทำร้ายคนแก่” เขาว่าต่อแล้วรีบถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปยังห้องนอนของคุณเกื้อ เนื่องจากมันไม่มีที่หนีแล้ว โดยจังหวะที่ใบว่านหันไปมองอีกฝ่ายเป็นการทิ้งท้าย เขาก็สังเกตเห็นว่าคุณเกื้อมีอาการคิ้วกระตุกด้วย เนื่องจากคำว่าคนแก่มันคงจะไปกระทบจิตใจของอีกฝ่ายน่าดู หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่พูดคุยกันอีกเลย พอเข้ามาในห้องได้ใบว่านก็ทำกิจวัตรของตัวเองตามปกติ เขาถือวิสาสะใช้ห้องน้ำในห้องของคุณเกื้อ และนั่งทำงานจากมหาลัยอยู่ในห้องนอนของอีกฝ่าย ซึ่งคุณเกื้อเองก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับเขาเช่นกัน จนกระทั่งถึงคราวที่อีกฝ่ายจะต้องเข้ามาอาบน้ำนอนแล้ว ความอึดอัดก็เริ่มทำงานทันที เพียงแค่สบตากัน จู่ ๆ ใบว่านก็เกิดอาการทำตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้น ดวงตากลมโตจ้องใบหน้าคนแก่กว่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะทำทีกลับมาให้ความสนใจกับงานตรงหน้าของตัวเอง แล้วปล่อยให้คุณเกื้อเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวพร้อมด้วยชุดคลุมอาบน้ำเดินเข้าไปในห้องน้ำ “เฮ้อ...” ทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้นแล้ว ใบว่านก็ถึงกับถอนหายใจออกมาโดยพลัน “งั้นค่อยไปทำต่อพรุ่งนี้แล้วกัน” เขาพึมพำกับตัวเอง พร้อมจัดการเก็บข้าวของทุกอย่างลงใส่กระเป๋า เมื่อใบว่านคิดได้ว่าเขาควรจะอาศัยจังหวะที่คุณเกื้อกำลังอาบน้ำอยู่รีบเข้านอนเลย เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดกับคุณเขามากกว่านี้ ต่อมาหลังจัดการเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ใบว่านก็กระโดดขึ้นเตียงนอนของคุณเกื้อโดยพลัน ซึ่งเขาก็ยังคงนอนฝั่งริมระเบียงเช่นเคย เนื่องจากใบว่านชื่นชอบการจ้องมองแสงไฟจากพวกตึกสูงมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยออกไปบ้าง พอนอนหันหน้าไปทางฝั่งริมระเบียงได้ ใบว่านก็จ้องมองตึกสูงพวกนั้นอยู่นานพักใหญ่ ซึ่งในค่ำคืนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกทรมานมากนัก ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด เนื่องจากความคิดถึงพ่อไม่ได้ทำงาน ใบว่านปล่อยให้ตัวเองนอนเหม่ออยู่อย่างนั้น และเมื่อไม่มีสิ่งรบกวนใด ๆ อีก เปลือกตาของเขาก็เริ่มหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันปิดลงในที่สุด หลังเจ้าของร่างกายหลับไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี... เตียงนอนของคุณเกื้อก็นุ่มสบายมากจนทำให้ใบว่านไม่อยากขยับตัวด้วยซ้ำ เขาเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก ทว่าจังหวะที่ใบว่านกำลังจะพลิกตัวเพื่อเปลี่ยนท่านอน เขาก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อใบว่านรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นที่กำลังรดรินช่วงต้นคอของตัวเอง ไม่ใช่แล้ว หลังรู้สึกได้อย่างนั้น ใบว่านก็รีบลืมตาขึ้นมาโดยพลัน ก่อนที่ลมหายใจของเขาจะติดขัดเล็กน้อย เพราะเห็นว่าใบหน้าหล่อของคุณเกื้อกำลังซุกอยู่ที่ซอกคอของเขา แล้วถ้าใบว่านขยับตัวเพียงแค่นิดเดียว ริมฝีปากของคุณเกื้อต้องสัมผัสเข้าที่ต้นคอเขาเป็นแน่ “น—นี่มันอะไรกันเนี่ย” ใบว่านพึมพำ โดยเวลาเดียวกันนั้นคุณเกื้อก็รู้สึกตัวเช่นกัน “นายก็นอนไปสิ” คนแก่กว่าตอบกลับมาแค่นั้นและหลับตานอนต่อ ทำเหมือนไม่สนใจว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในท่าไหนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม