10
“ยืนคุยอะไรกันอยู่ ทำไมถึงพากันทำหน้าเครียดแบบนั้น”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” คุณกานต์เป็นคนตอบเจ้านาย ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะทำให้คุณเกื้อคลายความสงสัยลงในทันที
“พวกนายทะเลาะกันเหรอ?” คนที่เป็นใหญ่สุดถามต่อ โดยคุณเกื้อก็หันหน้ามาทางใบว่านเหมือนต้องการให้เขาตอบ
“ไม่ใช่ครับ” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วทำไมถึงเสียงดังกันขนาดนั้น” คุณเกื้อยังคงถามต่อและในจังหวะเดียวกันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ใบว่านทำเอาไว้พอดี
“นายทำอาหารเช้าเหรอ” ว่าจบ คุณเกื้อก็ลากสายตากลับมามองใบว่านอีกครั้ง
“อ—เอ่อ ใช่ครับ” เขาพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ เตรียมใจว่าคงถูกคุณเกื้อดุเป็นแน่ เพราะอีกฝ่ายไม่กินอาหารเช้าและการที่ใบว่านทำแบบนี้ มันก็เปลืองวัตถุดิบของเจ้าตัว
“ผมขอโทษครับ ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณเกื้อไม่กินอาหารเช้า” ใบว่านรีบพูดต่อ เผื่อว่าคุณเกื้อจะโกรธกันน้อยลง ซึ่งหลังจากที่ใบว่านบอกออกไปอย่างนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งสามคนทันที
“ไม่เป็นไร ก็นายไม่รู้นี่”
“...”
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด” คุณเกื้อบอกกลับมาแค่เท่านั้นแล้วหันหน้าไปทางคุณกานต์ต่อ “ส่วนนายก็ไปทำหน้าที่ของนายไป เดี๋ยวฉันจะแวะไปฟิตเนสก่อน”
“ได้ครับ คุณเกื้อ” คุณกานต์ผงกหัวรับคำสั่งนั้น และพอคุณเกื้อเดินผ่านไปแล้ว ใบว่านกับคุณกานต์ก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผู้ช่วยคนเก่งจะถามบางอย่างกับเขา
“วันนี้คุณใบว่านมีเรียนหรือเปล่าครับ”
“มีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะไปเตรียมชุดนักศึกษาไว้ให้...”
“ไม่ต้องครับ” ใบว่านรีบปฏิเสธทันที “พอดีผมจะต้องกลับบ้านตัวเองอยู่แล้ว เพราะที่นั่นมีชีตเรียนที่ผมต้องใช้ในวันนี้”
“อ๋อ งั้นผมจะพาไปนะครับ เดี๋ยวให้คุณใบว่านกินข้าวเช้าจากที่นี่เลย ทำกิจวัตรของตัวเองให้เสร็จแล้วเราค่อยแวะไปเปลี่ยนชุดเอาของที่บ้านของคุณกัน” คุณกานต์พูดสรุปให้เสร็จสรรพ ซึ่งใบว่านก็อยากปฏิเสธกลับไปด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาไม่อยากสร้างความวุ่นวายเพิ่มเติมให้อีกฝ่าย สุดท้ายใบว่านจึงต้องว่าตามนั้น
“ผมรบกวนด้วยนะครับ” ใบว่านบอกคุณกานต์พลางหลุบตามองจานผัดผักของตัวเอง เห็นทีใบว่านน่าจะต้องห่อเจ้าสิ่งนี้กลับไปกินเป็นมื้อกลางวันด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียดายของแย่ เนื่องจากใบว่านอุตส่าห์ตั้งใจทำขนาดนี้
เพราะเมื่อคืนนี้คุณเกื้อบอกว่าใบว่านดื้อ พอวันถัดมาใบว่านจึงอยากทำตัวดี ๆ กับอีกฝ่ายบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณเกื้อคงหาคำพูดเจ็บแสบมาพูดกระทบใบว่านอีกเป็นแน่
หลังรู้แล้วว่าจะต้องจัดการยังไงกับผัดผักจานยักษ์ เวลาต่อมาเมื่อใบว่านอาบน้ำและอยู่ในชุดลำลองที่คุณกานต์จัดเตรียมมาให้แล้ว เขาก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะกินอาหารเพียงลำพัง นั่งกินข้าวเช้าฝีมือตัวเองอย่างเงียบ ๆ ซึ่งท่ามกลางความเงียบที่ใบว่านมี ในหัวเล็กของเขาก็ขบคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
เหมือนใบว่านได้ย้อนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาก็มีผู้ปกครองเป็นคุณเกื้อกับคุณกานต์ ทั้งสองมีหน้าที่ดูแลเขาคอยไปรับส่งเขาที่มหาลัย ดูแลกันตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งว่าเป็นพ่อแม่
“คิก...” พอนึกภาพว่ากำลังเล่นพ่อแม่ลูกกับคุณกานต์และคุณเกื้ออยู่ ส่วนตัวเองก็อยู่ในบทบาทของลูก เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นทันที ทั้งที่ตอนแรกใบว่านนั่งกินข้าวหน้าเครียด เพราะไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตตัวเอง
“นายหัวเราะอะไร?” ทันใดนั้นเสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้น ทำเอาคนที่นั่งอยู่ในโลกจินตนาการของตัวเองต้องหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ใบว่านตอบกลับไปเสียงนิ่ง ใบหน้าเริ่มซีดเผือด เนื่องจากกลัวว่าคุณเกื้อจะล่วงรู้ความคิด ซึ่งหลังจากที่เขาบอกไปอย่างนั้น คุณเกื้อที่เพิ่งกลับมาจากฟิตเนสก็หรี่ตามองกันด้วยสายตาจับผิด ก่อนที่เจ้าตัวจะถามบางอย่าง
“เห็นกานต์บอกว่านายจะต้องแวะไปที่บ้านก่อนเหรอ” อีกฝ่ายถามเสียงเรียบ
“อ๋อ ใช่ครับ”
“แล้ววันนี้เรียนเสร็จตอนไหน ฉันจะได้แวะไปรับเลย”
“แล้วทำไมต้องแวะไปรับด้วยล่ะครับ” ใบว่านถามกลับไปทั้งคิ้วขมวด
“ก็พวกเรามีธุระให้ต้องไปทำต่อไง”
“...”
“นี่นายคิดว่าฉันพิศวาสอยากไปรับนายนักเหรอ” อีกฝ่ายว่าต่อ ขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินไปที่หน้าตู้เย็นเพื่อกดน้ำเปล่าดื่ม
“ผมยังไม่ได้อะไรเลยนะครับ ก็แค่ถามเท่านั้น” ใบว่านปฏิเสธแล้วค่อยตอบในสิ่งที่คุณเกื้ออยากรู้ “วันนี้ผมเรียนเสร็จตอนเย็นเลยครับ มีเรียนทั้งวันเลย”
“งั้นถ้านายเรียนเสร็จตอนไหนก็โทรมาบอกกานต์แล้วกัน” ว่าจบ คุณเกื้อก็เดินมาที่โต๊ะทานอาหาร อีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งตรงหัวโต๊ะแล้วออกคำสั่ง “ไปตักข้าวมาให้ฉันสิ”
“ครับ? นี่คุณเกื้อจะกินข้าวเช้าเหรอ” ใบว่านถามทั้งตาโต รู้สึกประหลาดใจมากที่คุณเกื้อจะมานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน
“ไหน ๆ นายก็อุตส่าห์ทำอาหารเผื่อกันแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้นายเสียน้ำใจ” คุณเกื้อว่า โดยหลังจากที่อีกฝ่ายบอกเช่นนั้น ใบว่านก็รีบลุกขึ้นไปตักข้าวให้คุณเกื้อทันที เขารู้สึกดีใจมากที่คุณเกื้อจะมานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน เนื่องจากใบว่านตั้งใจทำให้อีกฝ่ายอยู่แล้ว
“เมื่อเช้านายตื่นตั้งแต่ตอนไหน” หลังใบว่านเดินไปตักข้าวมาให้คุณเกื้อเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็ถามกันอีก
“ตีสี่ครับ”
“ทำไมตื่นเช้าจัง”
“อ๋อ มันเป็นเวลาปกติที่ผมต้องตื่นอยู่แล้วครับ ต่อให้ไม่ตั้งนาฬิกาปลุกร่างกายผมมันก็จะรู้สึกตัวอยู่ดี” ใบว่านบอกกลับไป ซึ่งกิจวัตรช่วงที่พ่อของเขายังอยู่คือใบว่านกับพ่อจะไปรับจ้างพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านขายอาหารไปซื้อของที่ตลาดสดให้ โดยพวกเขาก็จะได้ค่าจ้างครั้งละร้อย
มันอาจไม่ได้เป็นค่าตอบแทนมากมายอะไร แต่มันก็เป็นเงิน
“แต่เมื่อคืนนี้นายเข้านอนตอนเที่ยงคืนกว่า แล้วถ้าให้นับชั่วโมงนายเพิ่งนอนไปได้แค่สี่ชั่วโมงเองนะ” คุณเกื้อพูดเสียงเรียบ ระหว่างที่เจ้าตัวกำลังตักผัดผักฝีมือของใบว่านขึ้นมาละเมียดชิม
“...”
“ต่อจากนี้ไปฉันไม่อนุญาตให้นายตื่นมาเวลานี้อีกแล้วนะ อย่างเร็วสุดคือหกโมงเช้าเท่านั้น” อีกฝ่ายออกคำสั่งแล้วพูดต่อ เหมือนรู้ว่าใบว่านคงแย้งแน่ “ความขยันมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้านายตึงจนเกินไปมันก็ไม่ดี นายเพิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เอง รู้จักห่วงสุขภาพตัวเองบ้าง”
“คุณเกื้อนี่เขาเป็นคนชอบพูดจาอ้อมโลกนะครับ”
“...”
“บอกว่าเป็นห่วงตั้งแต่แรกก็จบแล้ว นี่เห็นพูดมายาวเป็นโยชน์แต่ความหมายก็มีอยู่แค่เท่านี้แหละ” ระหว่างที่กำลังนั่งอยู่บนรถเตรียมเดินทางไปมหาลัย โดยมีผู้ช่วยของคุณเกื้อเป็นคนไปส่ง ใบว่านก็กล่าวถึงเจ้านายของอีกฝ่ายไปด้วย เมื่อเขานึกไปถึงบทสนทนาครั้งล่าสุดขึ้นมา
“เขาอาจทำตัวไม่ถูกมั้งครับ” คุณกานต์ที่ยังรับตำแหน่งคนขับเหมือนทุกครั้งพูดทั้งรอยยิ้ม ขณะที่สายตาของเจ้าตัวก็จ้องไฟแดงตรงหน้าไปด้วย
“ทำตัวไม่ถูกยังไงครับ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ใบว่านถามกลับไป
“ก็ปกติคุณเกื้อไม่เคยมาทำแบบนี้ไงครับ”
“...”
“ตอนนี้ครอบครัวของคุณเกื้อเหลือแค่คุณแม่เท่านั้น เขาก็เลยเคยชินกับการแสดงออกแค่กับคนในครอบครัว” สิ้นเสียงของคุณกานต์ รถของอีกฝ่ายก็ขับมาถึงหน้ามหาลัยพอดี
“ขอให้เรียนให้สนุกนะครับ” อีกฝ่ายพูดตัดบท เหมือนต้องการกล่าวถึงเจ้านายเพียงแค่เท่านั้น
“ขอบคุณมากครับ” ใบว่านบอกกลับไป จากนั้นเขาก็เดินลงมาจากรถของคุณกานต์ทันที โดยเขาก็ยืนมองรถของอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งคุณกานต์ขับออกไปไกลแล้ว ใบว่านถึงค่อยเดินเข้ามหาลัย
เพราะในเทอมถัดไป ใบว่านก็จะต้องออกไปฝึกงานแล้ว ดังนั้นในเทอมนี้ทางมหาลัยของเขาจึงอยากให้นักศึกษาเน้นการฝึกปฏิบัติมากกว่า เช่นช่วยกันจัดงานสัมมนาสักงานขึ้น และหัวข้อของงานสัมมนาก็จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียนมา
“จัดการเรื่องพ่อเสร็จแล้วเหรอ?” หลังเดินมาหากลุ่มเพื่อน ตาลที่เป็นเพื่อนสนิทของใบว่านก็ถามไถ่กันทันที
“อือ จัดการเสร็จแล้ว” ใบว่านพยักหน้าตอบกลับไป โดยคนที่เป็นธุระทำให้เขาจัดการเรื่องงานศพของพ่อเร็วขนาดนี้ก็คือคุณกานต์
“แล้ว... ยังเศร้าอยู่หรือเปล่า อยู่ไหวไหม” เธอถามต่อ
“ไหวแหละ ต่อให้ไม่ไหวก็ต้องไหวให้ได้” เขาบอกเธอแล้วนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง “มันก็มีบ้างที่รู้สึกคิดถึง รู้สึกโดดเดี่ยว แต่มันก็ดีขึ้นกว่าช่วงแรก ๆ แล้วแหละ”
“กอดนะมึง สู้!” พูดจบ ตาลก็เข้ามาสวมกอดกันเอาไว้คล้ายต้องการปลอบประโลมความรู้สึกเขา ซึ่งใบว่านเองก็ทำเพียงแค่กอดกลับไปพร้อมระบายยิ้มออกมาจาง ๆ เท่านั้น ในใจเขาก็นึกขอบคุณที่ได้เป็นเพื่อนกับตาล เพราะถึงแม้เธอจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้มาก แต่ตาลก็มักจะมีคำพูดดี ๆ หรือการแสดงออกในแง่บวกให้กันเสมอ
ช่วงเย็นของวัน
“ว่านจะกลับยังไงอะ”
“เอ่อ... เดี๋ยวมีคนมารับน่ะ” หลังเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จ ระหว่างที่กำลังเดินลงจากตึกคณะพร้อมกับเพื่อน ใบว่านก็หันไปพูดกับอีกฝ่าย เมื่อเขาถูกถาม
“หืม ใครกัน?” พอได้ยินอย่างนั้น ตาลก็ถามต่อทันที
“ผู้มีพระคุณของเราเอง พอดีเรากับเขามีธุระให้ต้องไปจัดการต่อ” ใบว่านบอกกลับไป และเวลาเดียวกันนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กด้วยว่ามีแจ้งเตือนจากคุณเกื้อหรือเปล่า เนื่องจากอีกฝ่ายบอกกันว่ากำลังเดินทางมาหา
“แย่เลย เราว่าจะชวนไปหาของอร่อย ๆ กินสักหน่อย งั้นไว้วันหลังก็ได้” ตาลบอกกลับมาด้วยน้ำเสียงสุดเสียดาย จากนั้นทั้งคู่ก็พูดร่ำลากันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่ใบว่านจะเดินแยกไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะเขานัดคุณเกื้อไว้ตรงฝั่งทางนั้น
อันที่จริงใบว่านก็ไม่รู้หรอกว่าธุระที่คุณเกื้อบอกมา มันคืออะไรกันแน่ แต่เพราะเขาไม่อยากเซ้าซี้ผู้มีพระคุณให้ปวดหัว นั่นจึงทำให้ใบว่านเลือกที่จะไม่ถามอะไรทั้งนั้น ขอแค่คุณเกื้อไม่เอาใบว่านไปขายอย่างที่เจ้าตัวเคยขู่ก็พอ
[ฉันใกล้จะถึงแล้ว ตอนนี้นายอยู่ไหน]
“ผมออกมารอคุณเกื้อแล้วครับ”
[อือ เห็นแล้วรถฉันคันสีดำ] พูดจบ คุณเกื้อก็ตัดสายไปทันที ทิ้งให้ใบว่านยืนทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากสีรถอีกฝ่ายก็ไม่ได้เด่นเลย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กวาดสายตามองหารถคันที่น่าจะเป็นของคุณเกื้อ มันก็มีรถยี่ห้อหรูสัญชาติอิตาลีมาจอดเทียบฟุตพาทตรงหน้าใบว่านพอดี โดยมันก็เป็นรถของคุณเกื้อ
“ขึ้นมาเร็ว” อีกฝ่ายที่ลงทุนขับรถมารับเอง ลดกระจกลงแล้วหันมาบอก ซึ่งรถคันนี้ใบว่านก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“อ้อ ได้ครับ!” ใบว่านที่เพิ่งได้สติพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปหลังรถเพื่อไปเปิดประตูอีกฝั่งหนึ่ง ทว่าเมื่อใบว่านเดินมาถึง เขาก็ต้องพบกับปัญหา หลังใบว่านเปิดประตูรถคันนี้ไม่เป็น เดือดร้อนให้คุณเกื้อต้องยืดตัวมาเปิดประตูรถให้กัน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ได้ขึ้นรถเป็นแน่
“นายนี่จริง ๆ เลยนะ” อีกฝ่ายพูดเสียงแผ่ว ระหว่างที่ใบว่านกำลังดึงสายรัดนิรภัยมาคาดตัวเอาไว้
“ก็ผมไม่เคยได้นั่งรถแบบนี้ไงครับ”
“...”
“เมื่อเช้าคุณเกื้อเพิ่งบอกเองว่าคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด เพราะงั้นคุณเกื้อห้ามโมโหใส่กันนะครับ” ใบว่านพูดต่อ และนั่นก็ทำให้คุณเกื้อปรายสายตามองกันเล็กน้อย ถึงค่อยพูดบางอย่างกลับมา
“ไอ้อาการขี้เถียงแบบนี้ มันคงเป็นนิสัยของนายแล้วสินะ”
หลังจากนั้นระหว่างทั้งคู่ก็ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีก ใบว่านเลือกที่จะปล่อยให้คุณเกื้อขับรถไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนอีกฝ่ายจะพาเขาไปไหนนั้นก็ปล่อยให้พาไปเลย เขาเอาแต่หันมองข้างทางอย่างเดียว ไม่ก็สำรวจตามรถของคุณเกื้อตามประสาคนที่ไม่เคยมีบุญได้นั่งรถหรูเท่านี้มาก่อน ซึ่งต่อมาพอใบว่านเห็นว่าคุณเกื้อเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแล้วนี่แหละ เขาถึงตัดสินใจถามอีกฝ่าย
“คุณเกื้อพาผมมาห้างทำไมเหรอครับ”
“ก็พามากินของอร่อยไง”
“...”
“เมื่อคืนฉันสัญญากับนายไปแล้วนี่ว่าจะพามากินของอร่อย”
“ผมนึกว่าคุณเกื้อแค่พูดจาส่ง ๆ เพราะรำคาญผมซะอีก” ใบว่านพูดแล้วถามต่อ “แล้วสรุปนี่คือธุระที่คุณเกื้อบอกเหรอครับ”
“อือ เดี๋ยวฉันจะลืม” อีกฝ่ายตอบ และในเวลาเดียวกันรถของคุณเกื้อก็มาจอดสนิทที่ลานจอดรถโซนพิเศษของทางห้างพอดี
เนื่องจากคุณเกื้อยังอยู่ในชุดทำงาน ส่วนใบว่านเองก็ยังอยู่ในชุดนักศึกษา พอทั้งสองเดินเข้ามาในห้างแล้ว ใบว่านจึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเลี้ยงของคุณเกื้ออย่างบอกไม่ถูก ยิ่งหน้าตาของทั้งคู่ไม่มีส่วนไหนที่คล้ายกันเลยสักนิด ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาและมองมาที่พวกเขาก็คงจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
“เป็นอะไร ไม่อยากมาที่นี่เหรอ” ระหว่างที่กำลังเดินไปยังร้านอาหารที่คุณเกื้อจองเอาไว้ เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น เมื่อเจ้าตัวหันมาเจอตอนที่ใบว่านกำลังย่นคิ้วเข้าหากันพอดี
“เปล่าครับ” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธกลับไป พยายามจะรักษาระยะห่างจากคุณเกื้อ เพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด
“แล้วทำไมนายถึงเดินห่างจากฉันขนาดนั้น” อีกฝ่ายถามต่อ เริ่มขมวดคิ้วไม่ต่างกัน
“ก็เดี๋ยวคนเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเด็กเลี้ยงของคุณเกื้อไงครับ” ใบว่านตอบไปตามตรง โดยเขาได้รับการส่ายหน้ากลับมาให้
“ไม่มีใครเขามาสนใจนายหรอก และต่อให้สนใจจริง ๆ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เขาก็ลืมแล้ว”
“...”
“เดินมายืนข้างฉันเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง” คราวนี้อีกฝ่ายเริ่มบอกเสียงเข้ม หลังเห็นว่าใบว่านยังคงดื้อรั้นอยู่แต่เพราะขนาดคุณเกื้อสั่งกันเสียงเข้มแล้ว ใบว่านก็ยังไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียที ต่อมาอีกฝ่ายจึงเลือกที่จะเรียกชื่อกันแทนพร้อมจ้องมองใบว่านตาเขม็ง
“ใบว่าน”
“คุณเกื้ออะ!” เนื่องจากสายตาที่คุณเกื้อมองมาดูน่ากลัวราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวร สุดท้ายใบว่านจึงต้องรีบเร่งฝีเท้าเดินไปยืนข้าง ๆ กับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ทำไมนายถึงชอบทำให้ฉันโมโหอยู่เรื่อยเลยนะ มันทำไมนัก” อีกฝ่ายถามกันด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ
“ผมไม่ได้ชอบสักหน่อย แต่คุณเกื้อเป็นคนขี้โมโหเองต่างหาก” ใบว่านเถียงสู้ ก่อนจะรีบปิดปากฉับ เมื่อเขาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่ควรเถียงคุณเกื้อ
“เดี๋ยวฉันจะได้ตัดลิ้นเด็กก็คราวนี้แหละ เถียงกันนัก ทั้งที่เมื่อคืนนี้ก็เพิ่งสอนไปแท้ ๆ”
“คุณเกื้ออะ!”
“ยังอีก”