12
เมื่อคืนนี้หลังจากที่ใบว่านรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาช่วงกลางดึก เขาก็ไม่สามารถข่มตานอนได้อีกเลย เนื่องจากลมหายใจร้อนกรุ่นของคุณเกื้อมันรบกวนการพักผ่อนของเขา ครั้นจะพลิกตัวหนีผลักไสคุณเกื้อออกให้ห่างตัว ใบว่านก็ไม่มีความกล้ามากพออีก เขากลัวอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาอาละวาดตอนกลางดึก สุดท้ายใบว่านจึงต้องปล่อยให้คุณเกื้อนอนซุกไซ้ซอกคอของตัวเองอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน
ซึ่งพอนาฬิกาปลุกระบุว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว ใบว่านก็รีบขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดของคุณเกื้อแล้วลุกลงจากเตียงนอนทันที โดยการขยับตัวของเขาก็ทำให้คุณเกื้อรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง
“กี่โมงแล้ว” คุณเกื้อถามกันเสียงเข้ม หลังอีกฝ่ายเห็นว่าใบว่านตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไปทั้งที่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างด้วยซ้ำ
“ตอนนี้หกโมงเช้าแล้วครับ”
“...”
“ผมขอยืมครัวคุณเกื้อหน่อยนะ พอดีผมต้องกินข้าวเช้า” พูดจบ ใบว่านก็รีบพาตัวเองเดินออกมาจากห้องนอนทันที และพอเขาเดินพ้นออกมาแล้ว ใบว่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“นี่ก็จ้องจะจับผิดกันตั้งแต่เช้าตรู่เลยแฮะ” เขาบ่นอุบอิบ ก่อนจะเดินไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองที่ยังถูกตั้งทิ้งไว้บนโซฟา เพื่อดูว่าคุณกานต์หยิบจับอะไรใส่มาในกระเป๋าบ้าง ได้เก็บกางเกงตัวโปรดของเขามาด้วยหรือเปล่า
“โห คุณกานต์นี่สุดยอดเลยแฮะ นอกจากจะรู้ใจคุณเกื้อแล้วเขายังรู้ใจเราอีกเหรอ” เมื่อเห็นกางเกงขาสั้นตัวโปรดที่ใบว่านมักจะใส่อยู่บ้านเป็นประจำวางอยู่ในกระเป๋า เขาก็เอ่ยชมผู้ช่วยของคุณเกื้ออย่างอดไม่ได้ เนื่องจากใบว่านไม่ได้คาดหวังว่าคุณกานต์จะยัดกางเกงตัวนี้ใส่มาในกระเป๋าด้วย
ซึ่งหลังจากที่ใบว่านหยิบมันขึ้นมาแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำทันที เพราะตอนนี้ใบว่านกำลังใส่ชุดนอนที่เป็นกางเกงขายาว เวลาที่เขาทำอาหารใบว่านก็จะรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกเสมอ กลัวขากางเกงจะเปื้อน ใบว่านจึงชอบเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นเวลาเข้าครัวแทน
ต่อมาพอเขาจัดการเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นแล้ว ใบว่านก็เดินเข้ามาวุ่นวายในโซนครัวของคุณเกื้อต่อ โดยวันนี้เขาก็ไม่ต้องรีบเร่งทำอะไรนัก เนื่องจากใบว่านมีเรียนตอนบ่าย ดังนั้นตลอดทั้งช่วงเช้านี้หากคุณเกื้อไม่คิดใช้งานอะไร ใบว่านก็จะมีเวลาว่างหลายชั่วโมง
“มีแต่ของฝรั่งทั้งนั้น แล้วเราจะกินเป็นไหมเนี่ย” ระหว่างที่กำลังยืนค้นตู้เย็นของคุณเกื้อ ใบว่านก็พูดกับตัวเองเสียงเบา เมื่อของในตู้เย็นมีแต่วัตถุดิบแปลก ๆ ที่คนทั่วไปไม่นิยมใช้มาทำอาหารกินในโอกาสปกติ แถมใบว่านก็ไม่รู้ด้วยว่าของสดแต่ละชิ้นที่อยู่ในตู้เย็นของคุณเกื้อมันราคาสูงหรือเปล่า
แล้วถ้าหากมันราคาสูง ใบว่านก็คงไม่กล้าหยิบมากิน
“งั้นเราทำไข่ดาวดีกว่า จะได้ไม่เปลืองของในตู้เย็น” ใบว่านว่าต่อ หลังเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น ทว่าในจังหวะที่ใบว่านกำลังหยิบเอาไข่ไก่ลูกใหญ่ออกมาจากตู้ เขาก็เผลอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะทำไข่ดาวเผื่อคุณเกื้อดีหรือเปล่า
“เขาไม่กินมื้อเช้านี่ เราก็ไม่ต้องทอดเผื่อน่ะถูกแล้ว แต่ว่า...ถ้าเราไม่ทำเผื่อ มันจะดูเป็นคนแล้งน้ำใจเกินไปไหมนะ” ใบว่านตบตีกับความคิดตัวเองอยู่ที่หน้าตู้เย็น โดยทางออกเดียวสำหรับเรื่องนี้คือเขาจะต้องกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อถามเจ้าของห้องว่าต้องการไข่ดาวฝีมือใบว่านหรือไม่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง ใบว่านก็ทำการเคาะประตูห้องไปสามที เพื่อให้คนที่ยังนอนอยู่รู้ตัว
“ผมว่าจะทำไข่ดาว ไม่ทราบว่าคุณเกื้อจะรับด้วยไหมครับ” หลังเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้ว ใบว่านก็ชะโงกหน้าเข้าไปถามคนที่ยังคงนอนอยู่เสียงแผ่ว
“ขอไข่ต้ม”
“อ๋อ ได้ครับ” พอได้รับคำตอบกลับมาอย่างนั้น ใบว่านก็พยักหน้ารับแล้วรีบปิดประตูให้คุณเกื้อทันที
“ถามถึงไข่ดาวแต่จะเอาไข่ต้ม เขานี่จริง ๆ เลยนะ” ใบว่านบ่นอุบอิบ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ลำบากตัวเองเลย ก็แค่ตั้งหม้อรอให้น้ำเดือดแล้วใส่ไข่ลงไปต้มเท่านั้นเอง
เวลาต่อมาหลังจัดการหุงข้าวเรียบร้อยแล้ว ใบว่านก็มายืนทำไข่ดาวของตัวเองและทำไข่ต้มไว้ให้คุณเกื้อต่อ โดยระหว่างที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา เขาก็มีการส่ายสะโพกไปมาเบา ๆ ตามจังหวะเพลงที่ร้องในลำคอ
ซึ่งในระหว่างที่ใบว่านกำลังง่วนอยู่กับการทำเมนูไข่ทั้งหลายแบบไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว เสียงเปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้นพอดีพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณเกื้อ
“แม่ครัวหัวไข่~ แม่ครัวหัวไข่ ยินดีเป็นแฟนพี่ชาย ถ้าพี่กินล่ะไข่ได้ทุกวัน ... โอ๊ย! คุณเกื้อจะตีทำไมเนี่ย” ยังไม่ทันที่ใบว่านจะร้องเพลงให้จบประโยคดี เขาก็ต้องหันไปถามคนแก่กว่าทั้งหน้ายุ่ง เมื่อจู่ ๆ คุณเกื้อที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาในโซนครัวตั้งแต่ตอนไหนได้หวดมือลงมาตรงบั้นท้ายของใบว่านเบา ๆ จริงอยู่ที่อีกฝ่ายไม่ได้ออกแรงตีกันจนเจ็บ แต่ก็สามารถทำให้ใบว่านสะดุ้งได้
“ก็หมั่นไส้” คุณเกื้อตอบกลับมาทั้งหน้าตาย พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วมารินน้ำเปล่าจากตู้เย็น
“แล้วจะมาหมั่นไส้ทำไมล่ะครับ ในเมื่อผมก็อยู่ของผมดี ๆ” ใบว่านหันไปเถียงทั้งหน้ายุ่ง พร้อมใช้ตะหลิวตักไข่ดาวของตัวเองลงจากกระทะ
“ส่ายก้นไปมาแถมยังร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ มีความสุขนักหรือไง” อีกฝ่ายถามต่อ
“คุณเกื้อนี่ก็แปลกคน เห็นคนอารมณ์ดีหน่อยมันขัดหูขัดตาเหรอครับ” ใบว่านสวนกลับแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ดุกลับมา “ตอนนี้ไข่ต้มของคุณเกื้อเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าจะให้ผมปอกให้เลยหรือเปล่า”
“อือ ปอกเสร็จแล้วก็เอาไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวเลย” คุณเกื้อสั่งการ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับแก้วน้ำ
“ต่อจากนี้ไปนายจะต้องเป็นคนเตรียมกาแฟให้ฉันทุกเช้า ส่วนเครื่องทำกาแฟ ถ้าใช้ไม่เป็นเดี๋ยวฉันจะให้กานต์เป็นคนสอนเอง”
“แล้วผมจะทำพังไหม?”
“ถ้านายไม่โง่มาก สงสัยอะไรแล้วถาม ข้าวของเครื่องใช้มันก็ไม่พังหรอก” ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวไข่ดาวเหยาะซีอิ๊วขาวพร้อมกับคุณเกื้อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หัวโต๊ะ เสียงสนทนาระหว่างใบว่านกับอีกฝ่ายก็ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อคุณเกื้อได้มอบหมายหน้าที่ที่ใบว่านจะต้องทำทุกเช้าให้กันแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายเห็นว่าใบว่านเป็นคนตื่นเช้า
“เป็นคนแก่ที่ปากร้ายใช่ย่อยเลยแฮะ”
“ว่าไงนะ”
“ผมบอกว่าเช้านี้อากาศดีมากครับ”
“...”
“จริง ๆ นะครับ คุณเกื้อดูสิ...ลมพัดผ่านหน้าเราเย๊นเย็น” ใบว่านพูดทั้งหน้าซื่อ หลังเขากำลังถูกคุณเกื้อหรี่ตามองกันคล้ายกับต้องการจับผิด
“ระวังตัวไว้เถอะ เดี๋ยวนายจะโดนไม่ใช่น้อย” คุณเกื้อบอกกลับมา ทำเอาใบว่านได้ยินแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เนื่องจากการที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้ มันหมายความว่าเจ้าตัวไม่ได้ยินคำบ่นของเขา
“แล้วหน้าที่ของผมมีแค่เท่านี้เหรอครับ” ใบว่านถามต่อ
“อาจจะ เพราะตอนนี้ฉันไม่รู้ว่านายมีความสามารถอะไรบ้าง เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกที” คุณเกื้อตอบกลับมา ซึ่งบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ก็สิ้นสุดลงแค่เท่านั้น เพราะใบว่านไม่รู้ว่าเขาต้องถามอะไรต่อ
หลังกินมื้อเช้าเสร็จ ใบว่านก็รับหน้าที่นำถ้วยจานทั้งในส่วนของตัวเองและของคุณเกื้อไปจัดการล้างต่อ โดยอันที่จริงในห้องของคุณเกื้อมันก็มีเครื่องล้างจาน แต่เพราะใบว่านใช้งานไม่เป็น นั่นจึงทำให้เขาเลือกที่จะล้างแบบปกติดีกว่าจะให้อีกฝ่ายมาคอยบอกสอน
“จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่พ่อเสีย เราก็ยังไม่เคยใส่บาตรให้เลยแฮะ” ระหว่างที่กำลังยืนอยู่โซนครัวเพียงลำพัง ใบว่านก็พูดกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่อเขาเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้
“ถ้าเราไปขอคุณเกื้อ เขาจะบ่นไหมนะ” ใบว่านพูดต่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เนื่องจากเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเกื้อมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้ หากใบว่านอยากจะขออีกฝ่ายออกไปใส่บาตรให้พ่อทุกเช้า
“นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ฉันขออย่างเดียว”
“...”
“อย่าลุกลงจากเตียงก่อนหกโมงเช้า เพราะมันจะทำให้ฉันตื่นตาม” หลังเดินเข้ามาหาคุณเกื้อที่ห้องทำงานเพื่อขออนุญาตสิ่งที่ต้องการ คนแก่กว่าที่กำลังนั่งจัดการกองเอกสารทั้งหน้ายุ่งก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับใบว่านเสียงนิ่ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังคงย้ำเรื่องเดิมคือไม่ต้องการให้ใบว่านลุกก่อนหกโมงเช้า
“ไอ้เรื่องตื่นเวลาตีสาม ตีสี่นี่พอเลยนะ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านนายและมันก็ไม่มีความจำเป็นที่นายจะต้องทำแบบนั้นด้วย” อีกฝ่ายว่าต่อ
“ก็มันเป็นความเคยชินนี่ครับ ต่อให้ผมไม่ตั้งนาฬิกาปลุก ผมก็รู้สึกตัวอยู่ดี” ใบว่านบอกกลับไปแล้วถามต่อ “ว่าแต่ถ้าผมตื่นหกโมง ผมจะเตรียมของใส่บาตรทันเหรอครับ”
“นายก็เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้านอนสิ ตื่นมาจะได้ไม่เสียเวลา” คุณเกื้อไม่พูดเปล่า แต่อีกฝ่ายยังเอาปลายปากกาเคาะที่ข้างขมับของตัวเองเบา ๆ ด้วย “หัดใช้ตรงนี้บ้างนะ”
“คุณเกื้อนี่ทำไมชอบพูดไม่ดีอยู่เรื่อยเลยครับ” คราวนี้ใบว่านเถียงสู้ ไม่คิดจะบ่นอุบอิบกับตัวเองอีกแล้ว
“นายว่ายังไงนะ” อีกฝ่ายถามกลับมาคล้ายไม่เชื่อหู
“ก็ผมพูดจริง ๆ นี่ ถ้าคุณเกื้อพูดเพราะกว่านี้ คุณเกื้อจะมีเสน่ห์มากเลยนะครับ ตอนแรกผมก็แปลกใจอยู่หรอกว่าทำไมคุณเกื้อถึงไม่มีแฟนสักที แต่ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้วครับ เพราะคุณเกื้อปากไม่สร้างสรรค์แบบนี้ไง คุณเกื้อก็เลยต้องอยู่ตัวคนเดียว” ใบว่านร่ายยาว ในขณะที่คุณเกื้อก็ได้นิ่งค้างไปแล้ว เหมือนอีกฝ่ายกำลังช็อกนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้กับเจ้าตัว ทว่ายังไม่ทันที่คุณเกื้อจะได้พูดอะไรกลับมา เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นเสียก่อน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ใครอีกล่ะ เข้ามา” คุณเกื้อตะโกนบอกคนหน้าห้องทั้งคิ้วขมวด ส่วนสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายกำลังอยู่ในโหมดไม่สบอารมณ์เช่นนี้ก็คงเป็นเพราะใบว่านนี่แหละ
“คุณเกื้อครับ คุณแม่มาหาครับ”
“...ให้ตายสิ” เพียงแค่ได้ยินคุณกานต์บอกอย่างนั้น คุณเกื้อก็ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมาทันที
“ตายจริง... สองคนนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วเนี่ย ยังไงแสดงว่าเรื่องที่คบกันคงเป็นเรื่องจริงนี่นะ”
“ผมก็บอกแม่แล้วไงครับว่าไม่ได้โกหก”
“แหม ตาเกื้อก็ตลอดเวลาที่ผ่านมาแกเอาแต่โกหกแม่ แถมยังโกหกเก่งจนแม่แทบไม่รู้อยู่แล้วว่าอันไหนเป็นเรื่องจริง อันไหนเป็นเรื่องโกหกแล้วจะให้แม่เชื่อได้ยังไงล่ะ” คุณแม่ของคุณเกื้อกระแหนะกระแหนลูกชาย ก่อนที่เธอจะหันหน้ามาให้ความสนใจกับใบว่าน หลังคุณเกื้อให้ใบว่านเดินออกมาต้อนรับแม่ของอีกฝ่ายด้วยกัน
“แล้วนี่ย้ายมาอยู่กับเกื้อนานหรือยังจ๊ะ” แม่คุณเกื้อถามใบว่าน
“ไม่นานครับ ผมเพิ่งย้ายมาเดือนก่อนนี่เอง” ใบว่านตอบกลับไปตามจริง พลางส่งสัญญาณให้คุณเกื้อเข้ามาช่วยเหลือกัน ก่อนที่แม่ของอีกฝ่ายจะถามอะไรที่ใบว่านไม่สามารถตอบได้
“ว่าแต่แม่มีอะไรเหรอครับ ทำไมถึงต้องมาหาผมตั้งแต่เช้าเลยล่ะ ทั้งที่เราสามารถโทรคุยกันได้” คุณเกื้อรีบพูดขัดขึ้นโดยพลัน
“อ๋อ ก็ที่แม่มาหาวันนี้คือแม่จะเอาตัวอย่างการ์ดแต่งงานมาให้ดูน่ะ” แม่ของคุณเกื้อตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ ทว่าคำพูดของเธอกลับทำให้ทั้งใบว่านและตัวของคุณเกื้อนิ่งค้างไปทันที
“สองคนนี้จะแต่งงานตอนไหนดี ไปหาฤกษ์ไว้รึยังหรือจะให้แม่เป็นคนหาให้” เธอถามต่อ พลางมองหน้าใบว่านและคุณเกื้อสลับกันไปมา
“แต่ผมยังเรียนไม่จบเลยนะครับ” ใบว่านที่ตั้งสติได้ก่อนรีบแย้งกลับไป
“แต่ก็ใกล้จะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“...”
“แม่อยากให้ทั้งสองรีบแต่งงานกันไม่ได้ให้ท้องตอนนี้สักหน่อย เพราะงั้นมันไม่กระทบเรื่องเรียนหรอกจ้ะ” แม่ของคุณเกื้อเอ่ยพลางส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ คล้ายต้องการบอกว่าเรื่องที่ใบว่านยกมาอ้าง มันเป็นเรื่องเล็กสำหรับเธอ