“ข้าเห็นมันอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุจึงเดินเข้าไปพัก จากการเรียนรู้พฤติกรรมของชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ว่ากันว่าหากทำตัวนิ่งๆ และวางท่าเหมือนคุ้นเคยก็จะไม่มีใครสงสัย ข้าจึงเข้ามาได้โดยง่าย เพียงแค่เดินเข้ามาเฉยๆ เท่านั้น”
อีแบบนี้เค้าเรียกทำเนียนหน้าด้านๆ! มิน่าล่ะถึงได้ผ่านมาได้ง่ายนัก แต่ก็อย่างว่าแหละ พวกการ์ดที่นั่นมองรูปลักษณ์ของแขกที่มาเที่ยวเป็นหลัก ถ้าเห็นท่าทางภูมิฐานหน้าตาดีหน่อยก็ไม่เอะใจสงสัยอะไรแล้ว แต่ก็น่าแปลกนะที่พวกการ์ดไม่ได้เอะใจไอ้บอดี้สูทมันๆ เลื่อมๆ ที่ใส่ตอนแรกเลยแม้แต่น้อยว่ามันประหลาด หรือว่าเพราะเห็นหน้าหล่อจัดก็เลยปล่อยผ่านไปเฉยๆ? โคตรจะไม่แฟร์กับผมเลยว่ะ ผมแต่งตัวดีทุกครั้งที่ไปที่นั่นนะ แต่ก็ไม่เคยเข้าได้ด้วยตัวเองสักที
“แล้วร่างเก่าของนาย...?” ผมถามเมื่อนึกถึงร่างไร้ลมหายใจของเขาขึ้นมาได้
“ย่อยสลายไปแล้ว หลังจากวางไข่ก็จะย่อยสลายไปในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง” หมอนั่นตอบเรียบๆ
ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครมาเห็นร่างไร้วิญญาณของมัน ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ผมคงไม่มานั่งกังวลเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้ทั้งวันหรอก บัดซบเอ๊ย!
“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ให้นายมาวางไข่ใส่ฉันอีกไม่ได้ นายจะเป็นจะตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ไสหัวไปได้แล้ว” สุดท้าย ผมก็วกกลับมาเข้าเรื่องอีกครั้งพลันโบกมือไล่อย่างกับหมูกับหมา
แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าหมอนี่มันหน้าด้านจะตาย ปฏิเสธหน้ามึน ทำเอาเส้นความอดทนข้างขมัยผมเต้นกระตุกยิกๆ
“ไปไม่ได้ บอกแล้วว่าข้าจะเปิดเผยตัวตนกับมนุษย์โลกมากเกินไปไม่ได้ มันอันตรายต่อข้า”
“แล้วมาวางไข่ใส่ฉันมันไม่อันตรายหรือไงวะ!” ผมแผดเสียง ชักจะหัวเสียมากขึ้นเมื่อหมอนี่ไม่ยอมฟังอะไรเลย แล้วก็เปลี่ยนเป็นใจหายวาบทันทีที่ถูกขู่
“มันจะอันตรายเมื่อเจ้าไม่ให้ข้าพึ่งพา เพราะข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง รู้ตัวตนของข้าแล้วไม่อาจปล่อยไปได้”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก โดนมันวางไข่ แถมคลอดมันออกมายังไม่พอ ยังโดนขู่ฆ่าด้วย!
สีหน้าหมอนั่นบอกชัดเจนว่าไม่ได้พูดเล่น คิดถึงตอนเห็นหมอนั่นบีบนาฬิกาแหลกคามือแล้ว ผมก็กลัวตายขึ้นมาฉับพลัน และด้วยความกลัวตาย ผมจึงหลุดปากตอบตกลงโดยแทบไม่ทันคิด
“กะ...ก็ได้ แต่อยู่ด้วยกันจะต้องทำตามกฎกติกาของฉันเข้าใจมั้ย”
“ไม่มีปัญหากับข้อเสนอ ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ข้าได้วางไข่เจ้าอาทิตย์ละครั้งก็พอ”
ผมก็ตั้งใจจะบอกว่ากติกาของการอยู่ร่วมกันคือห้ามวางไข่นี่แหละ แต่มันดันชิงพูดออกมาเสียก่อน
“ถ้าสมมตินะ สมมติว่าฉันไม่ยอมให้นายวางไข่ล่ะ” ผมลองแย็บถามเผื่อว่าจะหาทางหนีทีรอดได้
ก็ใครมันจะไปยอมให้หมอนี่ผุดออกจากสะดือเป็นครั้งที่สองกันล่ะ ฝันไปเลย!
“ถ้าไม่ให้ข้าวางไข่ ข้าก็จะตาย บอกไปแล้ว จำไม่ได้รึ”
“อ้อ...” ผมแกล้งลากเสียงยาว ในหัวมีความคิดดีๆ แวบขึ้นมา
ความจริงหนทางกำจัดหมอนี่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเท่าไหร่แฮะ แค่ตอนที่หมอนี่จะวางไข่ ผมก็แกล้งออกจากบ้านแล้วขังหมอนี่ไว้ในบ้านทั้งวัน พอหมอนี่ไม่ได้วางไข่ก็ตาย แค่นั้นผมก็จะเป็นอิสระ
“แต่ถ้าเจ้ามีแผนหนียามข้าต้องวางไข่ล่ะก็ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าข้าจำกลิ่นกายของเจ้าได้ ประสาทสัมผัสของชาวยูนิกมาดีกว่าชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินหลายเท่านัก ต่อให้เจ้าหนีไปสุดหล้าอวกาศ ข้าก็ตามเจ้าเจอ” แล้วมันก็พูดดักคอผมขึ้นมาอีก
ผมบุ้ยปากด่ามันพึมพำทันใด
หน็อย... ดันมารู้ทันเสียได้ งั้นเอาเป็นว่าไม่ยอมให้มันวางไข่ก็แล้วกัน
“และถ้าเจ้าไม่ให้ข้าวางไข่ล่ะก็ ข้าก็จะขืนใจเจ้า” สุดท้ายก็รู้ทันผมอีกอยู่ดี
และคำพูดของหมอนี่ก็ทำให้ผมหันไปมองหน้าหล่อนั่นแบบเหวอๆ
ขืนใจวางไข่นี่มันพิลึกเกินไปแล้ว!
“เออๆ เอาเป็นว่าฉันให้นายอยู่ด้วยก็แล้วกัน เรื่องกฎกติกาอะไรนี่เดี๋ยวฉันคิดได้แล้วจะบอกนายอีกที” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนที่ประสาทจะเสียไปมากกว่านี้ พลันยื่นมือไปให้จับทักทาย
ตอนนี้ยังหาทางหนีมันไม่พ้น ก็ผูกมิตรไปก่อนจะดีกว่า
“ฉันชื่อกวินทร์ จะเรียกเควินก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หมอนั่นหยักยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มนั่นดูดีเป็นบ้า และมันก็เกือบทำให้ผมเป็นบ้าที่พอผมยื่นมือไปให้หมอนั่นจับ หมอนั่นก็คว้ามือผมไปดูดนิ้วชี้ดังจ๊วบ
“ข้าชื่อคีทาเย ซาเคมอร์ฟ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ทักทายบ้านมึงเค้าทำกันแบบนี้เหรอวะ!
ผมรีบดึงมือกลับมา เช็ดน้ำลายหมอนั่นกับขากางเกงเป็นวรรคเป็นเวร
ให้ตายเถอะ ขยะแขยงเป็นบ้า ทำไมผมต้องมาเจอตัวประหลาดอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้!