จากการประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ แล้ว หมอนี่น่าจะสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรได้ ร่างกายกำยำสูงใหญ่กอปรกับหน้าตาหล่อชวนฝันนั่นทำให้สาวๆ หลงใหลหลงใหลได้ไม่ยาก แถมยังแก้ผ้าล่อนจ้อนอีกต่างหาก ดูดีๆ เนื้อตัวยังมีคราบเมือกแห้งๆ ติดอยู่เลย เห็นแล้วก็ชวนให้อยากล้วงคออีกรอบเป็นบ้า
“ข้าไม่ได้เป็นชาติพันธุ์ของดาวนี้ แต่ข้ามาจากดาวที่ห่างจากดาวของเจ้าสิบห้าพันล้านปีแสง”
หัวสมองผมประมวลผลคำพูดของหมอนี่ทันที
ไม่ได้เป็นชาติพันธุ์ของดาวนี้ ก็แสดงว่า...
“มะ...มนุษย์ต่างดาว...” ผมครางออกมาอย่างไม่เชื่อ
ทว่าอีกฝ่ายกลับพยักหน้ารับ “ถ้าเป็นภาษาของชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินล่ะก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่ เผ่าพันธุ์ในจักรวาลจะเรียกพวกข้าว่าชาวยูนิกมา เพราะดาวของข้าชื่อว่ายูนิกมา”
ผมทำหน้าไม่เชื่อ แต่ถึงจะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันเหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติมากหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใดๆ จะมาอธิบายได้แล้ว นี่ถ้าไม่ได้มาเจอกับตัวล่ะก็ ใครเล่าให้ฟัง ผมก็คงจะด่าว่าบ้าไปแล้ว ร้ายกว่านั้นก็คือ... มันโผล่มาที่โลกทำไม
และเพราะท่าทางของผมแสดงออกชัดเจนว่าหวาดกลัวชัดเจน หมอนั่นจึงรีบชิงพูดขึ้นก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป
“ข้ามาเยือนดาวของเจ้าก็เพราะภารกิจบางอย่าง แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ามาอย่างสันติ ไม่ทำอันตรายคนของดาวเจ้าทั้งนั้น”
“สันติตรงไหนวะ ผุดออกจากสะดือให้เห็นกันจะๆ นี่ ไม่มีใครเรียกว่าสันติแล้ว” ผมพึมพำออกไปอย่างลืมตัว
อีกฝ่ายมองหน้าผมนิ่งจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตาด้วยเกรงว่าจะถูกทำอันตรายขึ้นมา พลันคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ๆ มากอดแน่นบังร่างตัวเองเอาไว้ เผื่อว่าถ้าถูกจู่โจม อย่างน้อยหมอนก็น่าจะบรรเทาแรงปะทะได้ไม่มากก็น้อย
แต่ผิดคาด หมอนั่นไม่ได้จู่โจมใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากว่าหน้าตายเท่านั้น
“เรื่องนั้นข้าต้องขออภัยที่เสียมารยาท ปกติชาวยูนิกมาจะไม่กระทำอย่างที่ข้าทำ เราจะขออนุญาตก่อน เมื่อได้รับการยินยอม เราถึงจะวางไข่ แต่ที่ข้าไม่ได้รอให้เจ้ายินยอมก่อนนั้น เป็นเพราะอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น”
วางไข่อีกแล้ว ถ้าจำไม่ผิด หมอนี่พูดว่าวางไข่ให้ผมได้ยินจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วมั้งเนี่ย
“ละ...แล้วไอ้วางไข่นี่คืออะไร” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“การวางไข่คือวิธีการสืบพันธุ์และการสร้างร่างใหม่ของชาวยูนิกมา” เขาว่าแล้วอธิบายยาว “การสืบพันธุ์ของชาติพันธุ์เราสามารถสืบพันธุ์ได้โดยการวางไข่ผ่านทางปากให้กับอีกฝ่าย อย่างที่ข้าทำกับเจ้า การสร้างร่างใหม่ก็เช่นกัน”
ผมนึกถึงวัตถุทรงกลมขนาดเท่าถั่วแมคคาเดเมียที่กลืนลงไปเมื่อคืนขึ้นมาทันที
ยะ...อย่าบอกนะว่าไอ้นั่นคือไข่หมอนี่น่ะ แล้วไอ้ที่จู่ๆ ผมก็พุงป่องขึ้นมาน่ะ ก็คือการตั้งท้องหมอนี่ใช่มั้ย!?
ผมลมแทบจะใส่เมื่อนึกถึงอาการแพ้ท้องที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน นี่ผมเป็นผู้ชายนะเว้ย มาตั้งทงตั้งท้องอะไร แถมยังตั้งท้องมนุษย์ต่างดาวอีกด้วย กินไข่มันเข้าไปแล้วก็คลอดออกมาเป็นมันอีกที คุณพระคุณเจ้า! ฝันร้ายชัดๆ!
“ไม่ต้องกังวลไป ครั้งแรกก็จะตกใจเช่นนี้ แต่การฟักตัวและคลอดของชาวยูนิกมาไม่ทำให้ผู้ตั้งครรภ์เจ็บปวดหรือเป็นอันตรายใดๆ ทั้งนั้น เพราะเมือกของตัวอ่อนที่หลั่งออกมาจะทำให้เส้นประสาทที่สัมพันธ์กับความเจ็บปวดเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ และยังทำให้ผิวหนังหน้าท้องยืดและหดได้ ทุกอย่างจะกลับคืนเหมือนเดิมเมื่อคลอดออกมาแล้ว อีกทั้งการเจริญเติบโตก็ตัวอ่อนก็มีระดับการเติบโตในครรภ์จำกัด ต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหนก็ไม่ใหญ่เกินกว่าผู้ตั้งครรภ์จะรับไหว แต่จะมาขยายใหญ่เมื่อสัมผัสชั้นบรรยากาศด้านนอกอีกครั้ง อย่างไรก็ไม่เป็นอันตราย” เขาโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะร้องไห้ออกมาให้ได้
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่อันตรายหรือไม่อันตรายเว้ย มันอยู่ที่จู่ๆ นายที่เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้โผล่มาทีละส่วนจากสะดือของชาวบ้านต่างหาก อย่างกับหนังสยองขวัญเกรดบี ใครไม่เสียสติก็บ้าแล้ว” ผมก่นด่ายาวอย่างลืมตัว “ที่สำคัญ ฉันเป็นผู้ชายเว้ย ท้องอย่างนี้ยังมีหน้ามาเรียกว่าปกติได้อีกเหรอวะ”
แล้วก็ตบท้ายด้วยอาการหัวเสียสุดๆ ที่หมอนี่ทำท่าเหมือนทุกอย่างปกติ
“สำหรับชาวยูนิกมาแล้ว ไม่ว่าจะเพศชายหรือหญิงก็สามารถวางไข่และตั้งท้องได้ทั้งนั้น เพราะการตั้งท้องของชาวยูนิกมาไม่จำเป็นต้องอาศัยมดลูกอย่างชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินหรือชาติพันธุ์บางพันธุ์ เพียงอาศัยกระเพาะอาหารซึ่งเป็นอวัยวะหลักของสรีระชาติพันธุ์ในอวกาศทุกพันธุ์ในการฝังตัวและดูดซึมอาหารผ่านเส้นเลือดก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตแล้ว”
ผมอ้าปากค้าง มิน่า ทำไมหมอนี่ถึงได้ทำเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ ตั้งครรภ์บ้านมันได้ทั้งชายทั้งหญิง แถมยังโตในกระเพาะอาหาร แม่งมนุษย์ต่างดาวจากดาวโฮโมฯ ชัดๆ!
“และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าอ่อนเพลียหลังคลอด เจ้าสูญเสียสารอาหารในร่างกายไป ข้าจึงชดเชยคืนให้โดยการให้เจ้าดูดสารอาหารจากข้า” หมอนั่นยังพล่ามต่อ
ผมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างเสียสติทันทีที่นึกถึงน้ำสีใสที่ไหลจากปลายนิ้วชี้ของหมอนั่น