ผมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างเสียสติทันทีที่นึกถึงน้ำสีใสที่ไหลจากปลายนิ้วชี้ของหมอนั่น
“จะบ้าตาย อะไรวะเนี่ย”
ไอ้มนุษย์ต่างดาวมองผมนิ่งจนผมต้องละมือลง แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด พลันถามกลับอย่างเอาเรื่อง
“แล้วนี่นายต้องการอะไรถึงได้มาที่โลกมนุษย์”
“ก็บอกแล้วว่ามาเพื่อภารกิจบางอย่าง”
“วางไข่เนี่ยนะ?” ผมย่นคิ้วยู่ หากแต่อีกฝ่ายส่ายหน้า
“วางไข่เป็นเพียงการเอาตัวรอดในดาวที่มีชั้นบรรยากาศต่างจากดาวของข้ากับขยายเผ่าพันธุ์เท่านั้น ข้ามาเพื่อภารกิจอย่างอื่น”
ผมปวดหัวหนึบขึ้นมาทันที ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าหมอนี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร เดี๋ยววางไข่ เดี๋ยวดาวยูนิกมา เดี๋ยวภารกิจ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะบ้าเข้าไปทุกทีเลยให้ตาย
“จะอะไรก็ช่าง ถ้านายหมดธุระกับฉันแล้วก็ไสหัวไปซะ จะกลับดาวไปก็ได้ ไปไหนก็ไป ไม่ต้องโผล่มาที่นี่อีก” ผมตัดบทเอาดื้อๆ พลันขับไล่ไสส่งอย่างไร้เยื่อใย
ก็ควรจะไล่อยู่หรอก ขืนให้มันอยู่ต่อ มีหวังมันได้ทำให้ผมช็อคตายแน่
หากแต่หมอนั่นไม่หือไม่อือ เอาแต่มองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเผยอปากออกมา
“ข้ายังไปไม่ได้”
“แล้วนายต้องการอะไร” ผมย่นคิ้วยู่ เชื่อเลยว่าตอนนี้หน้าผมยับยิ่งกว่าผ้าที่หมกไว้ในตู้และยังไม่ได้รีดไปเรียบร้อยแล้ว
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้านัก เพียงแค่ต้องการพึ่งพาสักระยะเท่านั้น”
พึ่งพา? พึ่งพาอะไรวะ? หมายถึงมาขออยู่ด้วยแบบนี้น่ะเหรอ เหย... ใครมันจะไปยอมวะ แหกสะดือกันซึ่งๆ หน้าแล้วยังมาขออยู่ด้วยหน้าด้านๆ อีก ให้อยู่ด้วยก็บ้าแล้ว!
“ไม่ให้พึ่งพาอะไรทั้งนั้นแหละ จะไปไหนก็ไป ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ามนุษย์โลกใจร้ายไม่ได้นะเว้ย!” ผมเดือดดาลเอาก็ตอนนี้ หันซ้ายหันขวาหาของมาขว้างใส่เขา พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างหัวเตียง
หากแต่พอขว้างใส่แล้ว หมอนั่นกลับรับมันไว้ได้ทันและออกแรงบีบจนนาฬิกาแตกออกเป็นเสี่ยงด้วยมือเพียงข้างเดียว
ผมอ้าปากค้างพร้อมกับเสียวสันหลังวาบ
นะ...นอกจากจะท้องไม่เลือกเพศแล้ว ยังมีพลังมหาศาลอีกเหรอเนี่ย!?
“ก็บอกว่ายังไปไม่ได้”
“ทะ...ทำไม ก็หมดธุระกับฉันแล้วนี่ ฉันให้นายวางไข่ก็ทำแล้ว คลอดนายก็ทำแล้ว จะเอาอะไรอีก” ผมว่าเสียงเครือ กลัวเหลือเกินว่าหมอนั่นจะเอามือมาบีบกะโหลกผมแหลกคามือ
หมอนั่นยังคงมองผมนิ่งๆ เช่นเคย ก่อนจะว่าออกมา
“อย่างที่บอกว่าข้าต้องพึ่งพาเจ้าสักระยะ ข้าไม่อาจอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้เกินเจ็ดวัน จำต้องลอกคราบและฟักตัวใหม่ ไม่เช่นนั้นข้าจะตาย ซึ่งการทำเช่นนั้น ข้าจำเป็นต้องมีร่างฝากเพื่อการเจริญเติบโต และนั่นหมายความว่าข้าต้องพึ่งเจ้า”
ภาพหนังเอเลี่ยนที่มันใช้ลิ้นเจาะฝากไข่กับมนุษย์แล้วตัวอ่อนเจริญเติบโตโดยการกินสารอาหารจากร่างกายมนุษย์ฉายแวบขึ้นมาในหัวผมทันที แต่ในหนังจะน่ากลัวกว่าหน่อยตรงที่เอเลี่ยนพวกนั้นมันแหวกอกคนที่ถูกวางไข่ออกมาหน้าด้านๆ ทว่าหมอนี่ทำแค่แหวกสะดือ แต่ถึงอย่างนั้น การแหวกสะดือนี่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หน้าด้านและไร้ยางอายเช่นกัน ถึงผมจะพอเข้าใจแล้วว่าที่หมอนี่วางไข่ใส่ผมก็เพราะมันเป็นวิธีการเอาชีวิตรอดก็ตาม
“ก็ไปหาร่างฝากที่อื่นสิวะ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย” ผมโวยวายลั่นถึงจะพอเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาแล้ว
“เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่โผล่มาตอนข้ากำลังจะตาย ข้าจึงจำต้องใช้เจ้า และเจ้าก็เป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าจึงจำเป็นต้องใช้เจ้าต่อไปอีกเช่นกัน การเปิดเผยตัวตนมากจนเกินไปไม่เป็นผลดีกับข้ามากนัก ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รบกวนนานนักหรอก เพียงแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังวางไข่ ข้าก็ฟักตัวแล้ว”
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การตั้งท้องยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ปัญหามันอยู่ที่ทำไมผมต้องไปรับอุ้มท้องให้มันด้วย!
“แล้วทำไมไม่ไปฝากร่างกับไอ้คนที่แทงนายตั้งแต่แรกเล่า!” ผมนึกถึงมีดที่ปักอยู่ข้างตัวเขาขึ้นมาได้ฉับพลัน ตอนที่โดนแทงก็น่าจะวางไข่ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเอาคืนไปซะก็หมดเรื่อง
“ข้าวิ่งตามไม่ทัน” มันว่าออกมาหน้าตาย
คำตอบของหมอนี่ทำให้ผมแทบจะทึ้งผมตัวเองรัวๆ ไอ้เอเลี่ยนนี่โคตรจะซื่อบื้อเลย หน้ามึนหน้าด้านยังไม่พอ ยังจะทึ่มอีก!
“แล้วนายไปถูกแทงมาได้ยังไง” ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ซักถามออกไป
“ข้าเพิ่งจะมาถึงดาวของเจ้าก่อนจะพบเจ้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง พอมาถึง ข้าก็พลัดหลงกับพรรคพวกหลังถูกโจมตีจึงเตร็ดเตร่ถามทางจนพบกับมนุษย์ผู้นั้น แต่ถูกมนุษย์นั่นถามหาบางสิ่งที่เรียกว่าเงินกับข้า พอข้าบอกว่าไม่มีก็ถูกทำร้ายอย่างที่เห็น”
“จากนั้นนายก็มาโผล่หลังไนท์คลับเนี่ยนะ เข้ามาได้ยังไงวะ” ผมทำหน้างงหนัก ก็ไนท์คลับที่ผมไปเมื่อคืนมันเปิดให้เฉพาะนักท่องราตรีที่เป็นสมาชิกระดับวีไอพีเท่านั้นนี่ ขนาดผมที่ไปบ่อยๆ ยังต้องมีคนพาเข้าเลย ไอ้มนุษย์ต่างดาวนี่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีบัตรวีไอพีอะไรเทือกนั้น ต้องมีคนพาเข้ามาเหมือนกันแน่
แต่แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ผมต้องตีหน้ายุ่ง