ผมรีบลุกพรวด สำรวจร่างกายตัวเองอย่างรนๆ ทันทีว่ามีตรงไหนสึกหรอไปหรือไม่ ก่อนจะลงจากเตียง ทำท่าจะวิ่งไปแต่งตัวแล้วไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่ามีร่องรอยบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เพราะถึงจะไม่เห็นความผิดปกติบนร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นปกติ
แน่ล่ะ มันไม่ปกติแน่นอนอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ผุดออกมาจากสะดือ ชาวบ้านที่ไหนมองว่าเป็นเรื่องปกติกันบ้าง! มันไม่ปกติตั้งแต่จู่ๆ ท้องก็ป่องเป็นคนท้องแล้ว!
หมอนั่นมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของผมได้ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยออกมาเสียงเรียบพร้อมกับดักหน้าผมเอาไว้
“ไม่ต้องตกใจ นี่เป็นเรื่องปกติ”
ปกติบ้านปู่มึง! แหกสะดือชาวบ้านออกมาอย่างนี้ มันไม่ปกติแล้วเว้ย!
ผมมองหมอนั่นด้วยสายตาหวาดกลัวระคนโกรธ พยายามเบี่ยงตัวหลบแล้วหนีออกจากห้องให้รวดเร็วที่สุด ทว่าความที่หมอนั่นตัวใหญ่กว่า ทำให้ผมหลบได้ไม่ง่ายนัก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาคว้าไหล่ผมไว้มั่น
“ขอบใจมากที่ให้ข้าวางไข่”
วะ...วางไข่อะไรอีกวะ!
ผมสะบัดตัวหนีเต็มแรง ใจหนึ่งก็อยากจะถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันคือเรื่องบ้าอะไร แต่ความกลัวในตอนนี้มันมีมากกว่า สัญชาตญาณบอกผมทันทีว่าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ต้องเป็นผีห่าซาตานอะไรสักอย่างถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ หากแต่พอผมหลบออกมาได้จนเกือบจะถึงขอบประตูห้อง หมอนั่นก็คว้าข้อมือผมเอาไว้อีกครั้ง
“อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ร่างกายเจ้ายังไม่คืนสภาพ”
“ปล่อยนะโว้ย!”
ผมโวยวายเสียงหลง พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมเต็มกำลัง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะไอ้บ้านั่นยังคงยืนจับข้อมือผมอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีก
“นอนเฉยๆ ก่อนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นอันตรายได้”
อยู่เฉยๆ นี่แหละอันตราย ใครจะไปอยู่ให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มุดออกมาจากสะดืออีกรอบกันวะ!
“บอกให้ปล่อย!”
ผมเหวี่ยงหมัดอีกมือหนึ่งใส่หน้าหล่อนั่นทันที กะว่าพอต่อยแล้วเขาหงายหลังไป จะใช้โอกาสนี้หนีเอาตัวรอด หากแต่พอปล่อยหมัดไป หมอนั่นก็ใช้มือที่ว่างอยู่รับหมัดหน้าตาเฉย
“นอนพักซะ”
“ปล่อยสิวะไอ้เวรเอ๊ย!”
ผมชักจะหมดความอดทน เหลือบไปเห็นไม้เบสบอลที่วางพิงกำแพงพอดีเลยคว้ามาถือ ตั้งใจว่าจะฟาดกระหน่ำไปยังคนตรงหน้าอีกครั้ง ทว่าในวินาทีที่ง้างไม้ขึ้น ความวิงเวียนก็จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว จนผมมองเห็นภาพตรงหน้าเลือนราง เซถลาไปทรุดลงบนพื้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไปพร้อมกับเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน
“บอกแล้วว่าร่างกายเจ้ายังไม่คืนสภาพ ชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงิน”
ไม่รู้ว่าผมหมดสติไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่มีอะไรบางอย่างเป็นแท่งๆ ยัดลงมาในปาก และพอลืมตาขึ้น ก็เห็นนิ้วชี้ของไอ้คนที่แหกสะดือผมออกมาคาปากอยู่ คาปากเฉยๆ ยังไม่เท่าไหร่ นี่มีน้ำอะไรใสๆ ไหลออกมาจากปลายนิ้วด้วยก็ไม่รู้ แย่ไปกว่านั้นคือ ผมดันดูดอย่างเมามันส์ประหนึ่งดูดจุกนมก็ไม่ปาน
“อะไรวะเนี่ย!”
ผมรีบเด้งตัวขึ้นบ้วนน้ำลายผสมกับน้ำรสหวานปะแล่มที่อบอวลอยู่ในปากทิ้งอย่างไม่ไยดี พลันถอยกรูดไปจนติดหัวนอน หัวสมองคิดทบทวนพลันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ก่อนจะระลึกได้ว่าก่อนหน้านี้ผมสลบไปหลังจากถูกไอ้หน้าตายที่นั่งอยู่ข้างเตียงแหกสะดือออกมา เท่านั้นก็ตัวสั่นงันงกขึ้นมาเมื่อตระหนักได้ว่าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์
“สารอาหารจากร่างกายข้า มันจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น” หากแต่หมอนั่นไม่สะทกสะท้านกับท่าทางของผม นอกจากชูนิ้วชี้ที่ผมดูดไปเมื่อครู่ขึ้น
น้ำสีใสแจ๋วหยดแหมะออกจากปลายนิ้วเขาตกลงบนผ้าปูเตียงสีขาวเป็นดวง ผมมองแล้วก็เกิดอาการคลื่นเ**ยนขึ้นมาพลัน
รู้สึกดีกับผี! ขยะแขยงเป็นบ้า! น้ำอะไรของมันเนี่ย!
ผมเอานิ้วล้วงคอแทบจะในทันใด พยายามขย้อนของในกระเพาะออกมาเต็มแรง แต่ก็มีเพียงน้ำลายเท่านั้นที่ออกมา นั่นก็เพราะวันนี้ทั้งวันผมยังไม่ได้กินอะไรไปเลยแม้แต่น้อย ขย้อนจนน้ำหูน้ำตาไหลได้พักหนึ่ง หมอนั่นก็ทำลายความเงียบขึ้นมาอีก
“ไม่เป็นไรหรอก สารอาหารจากร่างกายข้าเข้าได้กับทุกชาติพันธุ์ในจักรวาล”
นี่ไม่รู้จริงๆ เหรอวะว่าที่ผมสำรอกจะเป็นจะตายนี่เพราะอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับเข้าได้หรือไม่ได้เว้ย แต่มันขยะแขยง!
ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้สนใจน้ำบ้าๆ ที่ถูกยัดเยียดเข้าปากตอนไม่รู้สึกตัวเท่าไหร่นัก ที่สำคัญมากกว่านี้ก็คือ หมอนี่เป็นใครและเป็นตัวอะไรต่างหาก!
“นะ...นายเป็นใคร” เท่านั้นผมก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาก็ปราดมองสำรวจร่างกายเขาไปด้วย