สูตรสำเร็จรัก 4

2213 คำ
สูตรสำเร็จรัก 4 “ไงคนสวย” ช่วงสายของวันถัดมาทั้งป๊าและม๊ากำลังยืนจ้องฉันจากข้างเตียงนอน ลืมตาตื่นม๊าก็ขยับเข้ามาจุ๊บที่หน้าผากทันที “ล้างหน้า อาบน้ำนะคะ ม๊าจะทำมื้อเช้าไว้ให้” “...” พยักหน้าตอบทั้งสองคน เมื่อคืนฉันโทรหาม๊าและเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังแล้ว และม๊าเป็นห่วงมาก บอกว่าจะมาหาพอเช้ามาก็เจอม๊ากับป๊าอยู่ข้าง ๆ แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกไปกอดอ้อนทั้งป๊าและม๊าที่กำลังช่วยกันเตรียมมื้อเช้าให้ฉันทันที กอดอ้อนป๊าเสร็จก็กอดม๊าต่อ เธอขาของฉันนั้นน่ารักมาก น่ารักจนป๊าหวงอยู่ทุกวินาทีกับลูกก็หวง นี่เลยเป็นเหตุผลที่ฉันชอบแกล้งป๊า “หอมเยอะเกินไปแล้ว นั่นเมียป๊านะ” “ก็ม๊าหนูอะ เนอะเธอขา” ฉันชอบอ้อนม๊าแล้วเรียกว่าเธอขา ม๊าฉันน่ะชื่อว่าม๊ารักเธอ เวลาป๊าเรียกม๊าทีไรเราสองพี่น้องก็เขินม้วนกันเสียทุกครั้ง เราเลยหาคำมาเรียกม๊าตัวเองหวาน ๆ เหมือนกับป๊าเลยออกมาที่คำว่าเธอขานี่แหละ “แกล้งกันอีกแล้วสองคนนี้ มานั่งค่ะจะได้กินข้าว ยาอีกเม็ดอยู่ไหน?” “น้องเอาไว้ที่โต๊ะค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอาเอง” บอกม๊าเสร็จก็เดินไปเอายาคุมฉุกเฉินที่ต้องกินอีกเม็ดตามเวลาที่กำหนด เราทั้งสามคนกินข้าวและคุยกันไปเรื่อย ม๊าก็เพียรถามว่าโอเคหรือเปล่าไหวไหม อยากไปหาหมอหรือเปล่าวนไปมาอยู่แบบนั้นโดยมีป๊าคอยนั่งสังเกตอาการอยู่เรื่อย ๆ กินข้าวกินยาเสร็จก็นอนพัก นอนกอดม๊าอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีที่ถูกปรับเป็นที่นอน โดยมีป๊านั่งอ่านงานวิจัยอยู่อีกด้านของม๊า แม้ตอนนี้จะไม่ได้วิจัยอะไรเป็นหลักแต่ก็ชอบอ่านอยู่ดังเดิม แต่ช่วงนี้ฉันและป๊ากำลังศึกษาการแปรรูปผลไม้ให้เป็นชาชงดื่มอยู่ และตอนนี้กำลังเริ่มทำนำร่องไปแล้วรอเพียงแค่ฉันเข้าไปช่วยเสริม “หลับแล้วเหรอ?” “หลับแล้ว ลูกโตเร็วเยอะ เหมือนเมื่อวานเพิ่งหัดปั่นจักรยานลงแปลงองุ่นอยู่เลย” “นั่นสิ แต่ไม่ว่ายังไง ขอมองดูลูกโตแบบนี้แล้วกัน” “พี่เองก็เหมือนกัน จะเป็นเบาะรองรับตอนที่พวกเขาเหนื่อยแล้วกันนะ” “อื้อ พี่นอนพักเถอะขับรถมาตั้งนานนะ” “ครับ หนูนอนก่อนเลยอ่านเอกสารชุดนี้เสร็จพี่จะนอนกอดนะ” “ค่ะ” เรียน คุณตรมปตี ศิลาธาร เรื่อง ขอฝึกประสบการณ์ อีเมลที่แจ้งเตือนเข้ามาทำให้หัวใจฉันเต้นลิงโลดไปหมด เพราะได้รับการตอบรับการฝึกงานจากบริษัทที่ยื่นไปแล้ว และเป็นบริษัทชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศแม้จะเป็นการฝึกประสบการณ์เพียงแค่สี่เดือนแต่ฉันก็พร้อมที่จะเรียนรู้งานและนำกลับมาปรับใช้กับงานที่ตัวเองจะทำในภายภาคหน้า แต่น่าแปลกที่บริษัทนี้มีนัดสัมภาษณ์นักศึกษาที่ยื่นฝึกงานด้วย แปลกดีแต่ก็ต้องยอมทำนั่นแหละ หลังจากรู้วันฉันก็เตรียมเอกสารและชุดไปสัมภาษณ์ เพื่อนฉันเองก็ได้ที่ฝึกงานแล้วแต่เป็นบริษัทใกล้ ๆ กันหมดเลย พักเที่ยงเดินมากินข้าวด้วยกันได้ หากเพื่อนว่างนะถ้าไม่ว่างค่อยนัดเจอกันวันหยุดก็ไม่สาย “สวัสดีค่ะ” วันสัมภาษณ์ฉันเดินเข้าไปทักทายพี่ประชาสัมพันธ์พร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะติดต่ออะไรคะ?” พี่คนตรงหน้าส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “สัมภาษณ์ฝึกงานค่ะ” “เข้าไปในลิฟต์นะคะ ชั้นห้าเลี้ยวซ้ายจะเจอพนักงานลงทะเบียนรออยู่ค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่” ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินไปตามทางเดินที่พี่เขาแจ้งมาก่อนหน้านี้ นอกจากฉันแล้วยังมีนักศึกษามาสัมภาษณ์ฝึกงานเกือบหนึ่งร้อยคน แต่เหมือนที่นี่จะรับเพียงสามสิบคนเลยต้องมีการสัมภาษณ์เพราะจะได้คัดคนที่พร้อมจะฝึกจริง ๆ ฉันทำใจเผื่อไว้แล้วล่ะว่าหากไม่ได้ ฉันจะยื่นเอกสารไปที่โรงแรมศิลาธารในทันที “เธอ ๆ จากม.xx เหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชวนฉันคุย ท่าทางประหม่าและตื่นเต้นนั้นทำให้เลือกที่จะตอบกลับไปเช่นเดียวกัน “ใช่ เธอมาจากไหนอะ” “ม.xx ถ้ามีโอกาสฝึกด้วยกัน เอาไว้เรามาเป็นเพื่อนกันนะ” “อื้อได้เลย แต่ตอนนี้ขอให้ผ่านก่อนนะคนเยอะมาก” “นั่นสิ เราไม่กวนแล้ว” คนข้าง ๆ ส่งยิ้มให้ก่อนจะกลับไปนั่งนับนิ้วตัวเองต่อ ส่วนฉันก็เตรียมเอกสารประกอบการสัมภาษณ์ไปพลาง ที่นี่ได้รับความสนใจเยอะเพราะที่นี่เครดิตดีมากในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงหากระหว่างการฝึกงาน การทำงานเข้าตาหัวหน้าแผนกก็จะมีโอกาสได้ทำงานที่นี่ต่อสูงมาก รวมถึงค่าตอบแทนที่ให้สูงเหมือนไม่ใช่นักศึกษาฝึกงาน แน่นอนว่าเขาจะให้ลองทำงานจริง ๆ แต่วันนี้ฉันได้คิวแทบจะสุดท้ายเลยทั้งที่มาลงทะเบียนคนแรก แต่ก็ไม่เป็นไรนั่งรอไปเรื่อย ๆ พักกินข้าวก็ไปกินแล้วกลับมานั่งรอต่อไม่ได้บ่นอะไร แต่ตรวจเอกสารที่จะยื่นจนแทบจะจำตัวอักษรบนเอกสารได้หมดทุกตัวและฉันได้เริ่มสัมภาษณ์ในช่วงเวลาสี่โมงเย็น เป็นคนสุดท้ายจริง ๆ เพราะในขณะที่ฉันเดินเข้าห้องสัมภาษณ์พี่ ๆ ก็เก็บโต๊ะเก็บเก้าอี้ไปกันแล้ว “รอนานหน่อยนะครับคนเยอะ” ผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร ฉันยกมือไหว้คนทั้งสามคนก่อนจะถูกเชิญนั่งที่เก้าอี้และเริ่มการสัมภาษณ์ซึ่งไม่มีอะไรมากเลย เพียงแค่แนะนำตัวเบื้องต้นและตอบคำถามสามสี่คำถามเท่านั้น “หากทางบริษัทจะให้ฝึกงานก่อนกำหนดคุณจะสะดวกไหม?” “สะดวกค่ะ” “เก็บชั่วโมงฝึกให้ครบสี่เดือนเท่านั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ทางคณะแจ้งให้ฝึกครบสี่เดือนค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน “ถ้าอย่างนั้นจะให้ฝ่ายบุคคลโทรหาเรื่องวันเริ่มฝึกนะครับ” “ขออนุญาตสอบถามค่ะ” แม้จะได้ยินแบบนั้นแต่ฉันก็อยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้เสียหน่อย “หมายความว่าหนูสัมภาษณ์ผ่านแล้วได้ฝึกงานที่นี่ใช่ไหมคะ?” “ใช่ครับ คุณผ่านแล้ว เจอกันวันฝึกงานครับ” “ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้ทั้งสามคนก่อนจะเดินออกจากห้องสัมภาษณ์พร้อมกับรอยยิ้มกว้างดีใจ ระหว่างที่เดินออกจากลิฟต์เพื่อไปขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ตั้งแต่เช้า มือก็กดโทรหาน้องชายหวังจะเล่าเรื่องที่น่ายินดีนี้ให้ฟัง (ตัว เป็นยังไงบ้าง) ยังไม่ทันได้ทัก พอใจกลับเป็นฝ่ายทักฉันกลับมาทันทีเมื่อได้รับสายฉัน “ผ่านแล้ว เค้าได้ฝึกที่นี่แล้ว ดีใจมาก ตื่นเต้นอะ” อยากจะร้องกรี๊ดดัง ๆ เลยล่ะ ฉันหวังกับที่นี่มากแต่ก็ต้องเผื่อใจเพราะที่นี่มีคนยื่นฝึกเยอะทุกปีและมีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง (น้องยินดี มาฉลองไหมบ้านพี่) “พี่จี้ หนูคิดถึง” รีบเอ่ยอ้อนแฟนของน้องชายทันทีที่ได้ยินเสียง (คิดถึงก็มาหาพี่นะ เย็นนี้กลับคอนโดด้วยกัน) “ได้เลย เดี๋ยวหนูออกไปหาพี่เลยนะคะ พี่เอาอะไรไหม?” (ไม่มีเลย พี่รอนะขับรถระวังด้วย) “ได้ค่ะ เจอกันนะคะ” วางสายพร้อมกับเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง ตอนนี้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากจริง ๆ ฉันขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยเลี้ยวไปที่หมู่บ้านของพี่จี้ ตอนนี้เย็นมากแล้วพี่ ๆ น่ะกลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วฉันมั่นใจ และเหมือนจะมีงานเลี้ยงกันด้วยไม่รู้ว่าเลี้ยงในโอกาสอะไร แต่พี่จี้และเพื่อน ๆ กินเลี้ยงกันบ่อยมากเลยนะฉันเองก็มาร่วมอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน สนุกมากเลยล่ะ “สวัสดีค่ะพี่ ๆ” ยกมือไหว้พี่ ๆ เพื่อนพี่จี้และพนักงานร้านพี่จี้ที่กำลังช่วยกันเตรียมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน วันนี้ไม่มีป้าจันแต่มีพี่ซ่อนกลิ่น พี่วอร์มและพี่วิคสองแฝดที่เราเคยเจอกันอยู่บ้างในครั้งก่อน ๆ “เป็นไงสัมภาษณ์ผ่านไหม?” พี่วิคเอ่ยถามฉันทันทีที่เจอหน้า “ผ่านค่ะ รอฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งวันเริ่มฝึก” “เก่งมากเลย ยินดีด้วยนะ” พี่จี้สวมกอดหลวม ๆ มอบความอบอุ่นและความยินดีผ่านอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้ “ขอบคุณค่ะพี่จี้” “เปลี่ยนชุดก่อนไหม จะได้นั่งกินสบาย ๆ ค่อยกลับพร้อมกัน” พอใจเดินเข้ามาถาม คนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยไปนั่งที่เก้าอี้แล้วเช่นเดียวกัน “ไม่เป็นไร รอกลับไปเปลี่ยนที่ห้องทีเดียว ไปกินข้าวกันเถอะเค้าหิวมาก เค้าได้คิวสุดท้ายเลยอะ” บ่นให้น้องชายฟังแต่แขนนั้นกอดแขนพี่จี้เดินไปนั่งที่เก้าอี้ มื้อเย็นของฉันในวันนี้ได้กินข้าวและคุยเล่นกับพี่ ๆ อย่างสนุก ความเป็นกันเองที่ได้รับมาทำให้ฉันมีความสุขมาก เพราะสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเมื่อก่อนทำให้ฉันกล้าที่จะใช้ชีวิตและกล้าที่จะรู้จักคนรอบข้างเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน “ยินดีฝึกแผนกไหนนะ” พี่วอร์มเอ่ยถามระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ “น่าจะอยู่บริหารค่ะ ตอนอยู่ในลิฟต์ได้ยินว่ามีหัวหน้าบุคคลให้หลานตัวเองฝึกผู้ช่วยเลขาไปแล้ว” “ยังมีเส้นสายอีกเหรอเนี่ย” “นั่นสิ” พี่ ๆ สองแฝดคุยกันอย่างสงสัยและเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อได้ยินเสียงพี่จี้กระแอมไอเบา ๆ คล้ายกับจะเตือน กินข้าวเสร็จเราก็เดินทางกลับไปพักที่คอนโด ฉันขับรถตัวเองกลับโดยมีพี่จี้นั่งมาเป็นเพื่อน ส่วนน้องชายนั้นขับรถตามอยู่ด้านหลัง วันนี้ได้ไลน์และเพิ่มเพื่อนจากโซเชียลจากพี่ ๆ สองแฝดด้วยนะ พี่วิคถ่ายรูปตอนเรานั่งกินข้าวด้วยกันแล้วแท็กลงโซเชียลด้วย คนคอมเมนต์เยอะมากไม่รู้ว่าทำไมพี่มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น “เราแอบไปกินส้มตำหน้าคอนโดดีไหมพี่จี้” หันมามองหน้าพี่จี้อย่างต้องการแนวร่วม เรื่องร้านอร่อย ของอร่อยฉันกับพี่จี้นี่เซียนมากเลยนะคะ ขอบอก เราเคยแอบพอใจไปกินข้าวตอนสีหนึ่งมาแล้วแต่ก็ถูกจับได้หลังจากนั้นเพียงแค่สิบนาที รายนั้นหวงแฟนมากจะไปไหนก็ตามติด “เอาสิ พี่อยากกินตำป่าเผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ” “หนูก็ด้วย เดี๋ยวเราไปจอดรถที่คอนโดแล้วค่อยเดินดีกว่า” “ได้ ๆ ถ้าพอใจไม่ไปเราให้ไปรอที่ห้องแล้วกัน” พี่จี้บอกมาแบบนั้น “เชื่อสิ ยังไงก็ตามไปอยู่แล้ว ไม่มีหรอกจะปล่อยพี่จี้ให้ห่างสายตา หวงเหลือเกิน ม๊าบอกว่าพอใจนิสัยเหมือนป๊า” เริ่มเมาส์เรื่องน้องชายกับพี่จี้ “ยังไงเหรอ?” “ก็หวง ห่วง แล้วก็คลั่งรัก ม๊าบอกป๊ากับพอใจเวลามีความรักจะเหมือนกันมาก ม๊าคอนเฟิร์ม” “ฮ่า ๆ ๆ พี่ว่าก็น่าจะจริงนะ” พี่จี้หัวเราะอย่างสนุก เราคุยกันจนกระทั่งฉันจอดรถที่ช่องจอดรถของตัวเอง ไม่นานช่องข้าง ๆ ก็มีรถของพอใจเคลื่อนเข้ามาจอด เราสองสาวยืนรอหนุ่มหล่ออยู่ข้างรถเพื่อที่จะบอกว่าเราจะไปกินส้มตำกันต่อ และสิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ต่างจากที่คุยกับพี่จี้ก่อนหน้านี้มากนัก “ไปด้วย” “งั้นก็ไป ดีเสียอีกตัวจะได้เลี้ยงเค้ากับพี่จี้” “ก็เลี้ยงตลอด หนักไหมแฟ้มน่ะ เอามาเดี๋ยวเค้าถือให้” พอใจยื่นมือมารับแฟ้มในมือฉันไปถือเอง ฉันจึงถือโอกาสกอดแขนพี่จี้เดินดูร้านที่อยากกิน มื้อดึกเราจบลงในช่วงเวลาห้าทุ่ม ฉันโบกมือลาทั้งน้องชายและแฟนน้องชาย เมื่อกลับเข้าห้องก็เดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็น ๆ ดื่มสักขวด ไม่คิดที่จะแวะนั่งเล่นที่โซฟาเลยสักวินาที แต่เลือกที่จะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว อาบน้ำเปลี่ยนชุดพร้อมนอนพักผ่อน ====== พอใจคือเหมือนป๊าเลยใช่ไหมคะ เรื่องนี้อาจจะมียัยจี้กับพอใจมาแจมเยอะหน่อยนะคะ น้องยินดีเป็นน้องรักของยัยจี้น่ะสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม