สูตรสำเร็จรัก 5

1458 คำ
สูตรสำเร็จรัก 5 ฉันไม่มีเรียนแล้วในตอนนี้ และรอเริ่มฝึกงานเวลาว่างจึงนอนเล่นและทำความสะอาดห้องพักวนไป เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่พออยู่นานเข้าก็เริ่มที่จะเบื่อเหมือนกันนะ คิดได้ดังนั้นก็ตัดสินใจชวนเพื่อนไปเดินเล่นที่ห้างด้วยกัน แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะฉันลืมไปว่าเพื่อนกลับบ้านจะกลับมาอีกทีก่อนเริ่มฝึกงาน “งั้นก็ไปเดินเล่นคนเดียวก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” พึมพำกับตัวเองพร้อมกับให้กำลังใจตัวเองไปในที เมื่อตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นคนเดียว วันนี้ฉันเองก็เลือกที่สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนเท่านั้นเพราะตั้งใจมากินข้าวและเดินซื้อของเข้าห้อง ไม่ได้อยากจะไปไหนต่อ แต่มาถึงร้านอาหารที่อยากกินโต๊ะที่ร้านดังกลับว่างเพียงแค่โต๊ะเดียว เท่านั้น และมีคนข้างหน้าฉันอีกคิว “เอ่อ โต๊ะว่างแค่หนึ่งโต๊ะค่ะ” “มาด้วยกันครับ” เสียงทุ้มดังจากคนด้านหน้า เงยหน้าขึ้นไปมองก็อยากจะเมินหน้าหนีเมื่อเห็นว่าคนที่พูดประโยคเมื่อกี้คือใคร นี่มันเรื่องบังเอิญหรือโลกมันกลมกันนะ “งั้นไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบพนักงานและตั้งใจจะเดินไปหาร้านอาหารร้านอื่นกินแทน หากไม่ติดว่ามีคนจับข้อมือไว้แน่นเสียก่อน “รบกวนปล่อยด้วยค่ะ” บอกกับคนตรงหน้าและพยายามดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย “พาไปที่โต๊ะเลยครับ” “นี่คุณ ปล่อยฉันนะ” “หิวก็ไปนั่ง อย่าเล่นตัว” ถ้อยคำนั้นทำให้ฉันถึงกับโมโหฟึดฟัดไม่น้อย แอบหยิกมือข้างที่จับมือตัวเองไว้ด้วยความไม่พอใจทันที “ไม่ได้เล่นตัว แต่ฉันไม่อยากนั่งโต๊ะเดียวกับคุณ” “อย่าเยอะ นั่งลงจะได้สั่งอาหาร” เขาไม่ฟังและจับฉันยัดเข้าไปนั่งด้านในของโต๊ะ ไม่พอเขายังนั่งขวางทางออกไว้ไม่ยอมให้ฉันได้ขยับหนีไปไหนเลยสักทาง ฉันกับเขาไม่ได้รู้จักกันเลยนะ แล้วจู่ ๆ จะบังคับให้มานั่งกินข้าวกับเขาแบบนี้ถามความสมัครใจฉันบ้างหรือยัง “ออกไป อึดอัด” “แหม ตอนที่อยู่บนเตียงไม่เห็นพูดแบบนี้ โอ๊ย ตีทำไมเนี่ย” ฉันฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนเขาเต็มแรงเมื่อได้ยินถ้อยคำไม่น่าฟัง และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าพูดไม่ดีเลยรีบเอ่ยขอโทษกลับมาอย่างไม่คิดไว้ฟอร์ม “ขอโทษครับ จะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” “...” “สั่งข้าวก่อนเถอะ” อีกฝ่ายบอกสั้น ๆ พร้อมกับยื่นเมนูอาหารของที่ร้านมาให้ฉันได้เลือก ทีแรกว่าจะไม่สั่งแล้วนะแต่พอเห็นอาหารที่อยากกินก็เลือกสั่งไปสองสามอย่างทันที “ย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้ามได้ไหมคะ” “ครับ แต่อย่าหนีแล้วกัน” อีกฝ่ายยอมในที่สุด ระหว่างเราที่นั่งรออาหารมีเพียงความเงียบเท่านั้น ไม่ได้เอ่ยพูดหรือพูดคุยอะไรกันเลยสักประโยค ที่จริงก็ตกใจอยู่มากที่มาเจอเขาที่นี่แล้วยังถูกดังรั้งให้เข้ามานั่งกินข้าวกับเขาอีก เพิ่งรู้ว่าวันไนท์เขาบังเอิญเจอแล้วมากินข้าวด้วยกันได้เหรอ “เรามาแนะนำตัวกันหน่อยไหม?” นานเกือบครึ่งชั่วโมง คนที่นั่งตรงข้ามถึงได้เอ่ยคุยกับฉัน แต่ถามว่าได้ตอบไหมก็คงบอกว่าไม่ได้ตอบ ฉันนั่งตักกับข้าวใส่จานตัวเองและกินไปเรื่อย ๆ ร้านนี้เป็นร้านอาหารสี่ภาคมีเมนูที่หลากหลาย ฉันสั่งมาเยอะมากทั้งส้มตำไก่ย่าง คั่วกลิ้ง ไส้อั่วไม่ลืมสั่งต้มยำกุ้งมาด้วย และเป็นร้านดังขึ้นห้างด้วยไงประเด็นคนเลยเยอะแทบจะตลอดเวลา “ผมชื่อโย อายุ 29 ปี คุณชื่ออะไร” อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าฉันยังเงียบก็เอ่ยแนะนำตัวเองก่อนและถามกลับมา มือก็ยื่นมาตักคั่วกลิ้งมาใส่จานให้ “ยินดีค่ะ อายุ 21 ปี” เอ่ยแนะนำตัวเองกลับไปเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท “เด็ก...” “คุณก็แก่เหมือนกัน” ฉันย้อนกลับทันที คนตรงข้ามหัวเราะเบา ๆ อย่างพอใจที่ถูกเถียงกลับไปในแทบจะทันทีที่เขาเอ่ยจบ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ยื่นมือมาหยิกแก้มฉันพร้อมกับทำท่าทางมันเขี้ยวแบบนั้น “เอ๊ะ คุณนี่” “หึ กินข้าวได้แล้ว” “นี่คุณ” “ครับ?” คนอายุเยอะกว่าเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับทำหน้าสงสัยที่จู่ ๆ ฉันก็เอ่ยเรียกเขา “วันไนท์ถ้าบังเอิญเจอกัน เขามานั่งกินข้าวด้วยกันได้ด้วยเหรอ?” “ก็ไม่ ปกติไม่สนใจกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างใช้ชีวิต” “นั่นน่ะสิ แล้วทำไมฉันกับคุณต้องมานั่งด้วยกันและคุยกันแบบนี้ด้วย ต่างคนต่างอยู่อย่างที่ต้องเป็นไม่ได้เหรอคะ?” “ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้แล้ว กินข้าวเถอะ” อีกฝ่ายเอ่ยประโยคแสนจะคลุมเครือนั้นออกมาและยังเปลี่ยนเรื่องคุยอีก ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจึงไม่คิดจะตอบคำถามอะไรเขาอีก ก้มหน้าก้มตากินข้าวให้เสร็จเพื่อที่จะได้ไปเดินเลือกซื้อของใช้ต่ออีกหน่อย “ไปไหนต่อ...” “...” ฉันหงุดหงิดผู้ชายคนนี้จริง ๆ ค่าข้าวก็ไม่ยอมให้ฉันจ่ายแล้วยังจะเดินตามอยู่แบบนี้อีก น่าหงุดหงิดเสียเหลือเกิน แม้จะเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อีกฝ่ายก็ยังเดินตามไม่หยุดจนเป็นฉันเองที่รู้สึกเหนื่อยเดินไปนั่งที่ร้านกาแฟสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาหนึ่งแก้วและพิมพ์ข้อความส่งหาพอใจ ที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นพนักงานร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว ติดแฟนมากรายนั้น “ว่าไงตัว” รับสายพอใจที่โทรเข้ามาหลังจากขึ้นอ่านข้อความที่ฉันส่งไป และเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณวาโยอะไรนั่นลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉัน (ตัว...มีเรื่องอยากให้ช่วย) “มีอะไรว่ามาเลย เค้าพร้อมช่วยมาก” ต้องบอกว่าว่างมากถึงจะถูก (มีรองเท้ารุ่นใหม่เข้าที่ช็อป ตัวไปดูให้เค้าหน่อย) “ตัวได้สั่งไว้ไหมอะ” เอ่ยถามพอใจ มืออีกข้างก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับเดินออกจากร้าน (ยังไม่ได้สั่ง แต่ฝากตัวไปดูหน่อยถ้ามีซื้อมาเลย) “ใส่เบอร์เดิมใช่ไหม?” ระหว่างที่คุยกับพอใจก็เดินดูดน้ำไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นช็อปรองเท้าอยู่ไม่ไกล (เบอร์เดิม ตัวเริ่มฝึกงานวันไหนนะ) “วันจันทร์นี่แหละ ตื่นเต้นมาก” (งั้นเย็นนี้เค้ากลับไปกินข้าวด้วยแล้วกัน) “ได้ ๆ เดี๋ยวเค้าเข้าไปดูให้ก่อนนะ” “สวัสดีครับสนใจรุ่นไหนครับ” ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปภายในช็อปพนักงานก็เดินออกมาต้อนรับทันที ฉันแจ้งรุ่นที่สนใจก่อนที่พนักงานจะเดินนำไปยังจุดโชว์ตัวอย่างรองเท้า “มีเบอร์ สี่สิบสองไหมคะ?” “ขอตรวจสอบสักครู่นะครับ เอ่อ คุณลูกค้าเชิญแฟนมานั่งรอก็ได้นะครับหรือจะเดินดูอย่างอื่นรอก็ได้ครับ” แฟน? แฟนอะไร? มองตามสายตาพนักงานก็เจอกับคุณวาโยที่ไม่รู้ว่าเดินตามมาตั้งแต่ต้นหรือบังเอิญมาที่ร้านนี้เหมือนกัน แต่ฉันก็เลือกที่จะมองเมินเขา และสนใจสินค้าตรงหน้ามากกว่า กล่องรองเท้าถูกบรรจุลงในถุงสองถุงหลังจากที่ฉันจ่ายเงินเรียบร้อย เสร็จจากร้านรองเท้าก็เดินเข้าโซนซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าห้อง ทั้งของใช้และของสด กว่าจะกลับถึงห้องก็เย็นมากแล้ว ตั้งแต่ออกจากห้างสรรพสินค้าฉันก็ไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลยที่ชื่อว่าวาโย แต่มันก็ดีแล้วที่ไม่ได้เจอเขาอีก แม้ฉันจะหลงใหลและหวนคิดถึงสัมผัสจากเขาอยู่ตลอดก็ตาม แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบนั้นด้วยกันอีก “เลิกฟุ้งซ่านได้แล้วยินดี” บอกกับตัวเองครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ย้ำเตือนกับตัวเองเท่านั้น ===== อูวววว น้องยินดีคือแซบนะ ถามไปเลยสิคะ นี่เรื่องปกติใช่ไหม แต่ลุงคนนั้นน่ะดูหลายอารมณ์ดีจัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม