บทที่ 9 แม่สามีบุกมาหา

2005 คำ
หลังจากที่ซ่งฮ่าวหยูทะเลาะกับแม่ของตัวเองเสร็จแล้ว ก็เข้ามาดูภรรยา แต่พอเขาจับตัวภรรยาเท่านั้น เขารู้เลยว่าภรรยาของเขาตัวร้อนมาก ซ่งฮ่าวหยู่ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะใจดำได้ขนาดนี้ แม้แต่เงินให้ไปซื้อยาให้ภรรยาเขาแม่ก็ไม่ยอมให้ ซ่งฮ่าวหยูคิดกับตัวเองไม่นานก็บอกกับลูกสาวทั้งสองคนว่า “หยู่ฉี ยวี่อิ๋ง ลูกทั้งสองช่วยเช็ดตัวให้แม่ก่อนนะ พ่อจะไปหายาให้แม่กิน หนูทั้งสองคนดูแลแม่ดีๆ นะ อย่าให้ใครเข้ามาในห้อง หนูล็อกประตูหลังจากที่พ่อออกไป ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดให้นอกจากพ่อคนเดียวรู้ไหมคะ” “รู้ค่ะพ่อ/หนูก็เหมือนกันค่ะ พ่อไม่ต้องห่วงนะ หนูกับน้องจะดูแลแม่เอง” หยู่ฉี และยวี่อิ๋งรับคำพ่อของพวกเธอ หลังจากที่ซ่งฮ่าวหยูออกมาจากบ้านแล้ว ที่เดียวที่เขานึกถึงคือบ้านน้องสามของเขา ที่ตอนนี้มีเพียงน้องสะใภ้หลานๆ ใจหนึ่งก็ไม่อยากเข้าไปเพราะไม่อยากให้ใครนินทา แต่เพราะเขาเป็นห่วงภรรยามากจึงตัดใจเดินไปเรียนน้องสะใภ้ที่บ้าน “สะใภ้สาม อยู่บ้านหรือเปล่า สะใภ้สาม” ซ่งฮ่าวหยูตะโกนเรียกน้องสะใภ้อยู่ที่หน้าบ้านเพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปด้วยตัวเขาเองเป็นผู้ชาย ถึงพวกเขาจะไม่คิดอะไร แต่ปากชาวบ้านไม่มีใครห้ามได้หรอก หลินเจียวเจียวได้ยินเสียงเหมือนมีใครเรียกที่หน้าบ้านก็ได้เดินออกมาดู ก็เจอเข้ากับพี่ชายของสามี “อ้าวพี่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาก่อนสิคะ” หลินเจียวเจียวเมื่อเห็นว่าเป็นพี่ใหญ่ของสามีเธอจึงเอ่ยทักอย่างปกติ เธอจำได้ว่าชาติก่อนเมื่อเธอตายไปแล้วตอนที่ลูกเธออยู่ที่บ้านซ่งก็ได้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่นั่นแหละที่คอยแอบให้อาหารลูกๆ ของเธอ ใครที่มีบุญคุณเธอไม่เคยที่จะลืม แต่ใครที่ทำร้ายครอบครัวหรือคนที่เธอรักเธอไม่มีทางปล่อยไว้แน่ “ไม่เป็นไรพี่เกรงใจ พี่จะมาถามว่าน้องสะใภ้พอจะมียาลดไข้หรือยาแก้ตัวร้อนบ้างไหม พอดีว่าหัวหลิงตัวร้อนเช็ดตัวแล้วก็ไม่เย็นลงเลย พี่เลยต้องมารบกวนเรานะ” ตอนนี้ซ่งฮ่าวหยูถึงแม้ว่าจะเกรงใจน้องสะใภ้สามแค่ไหน แต่เพื่อภรรยาเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเอ่ยออกมา “มีสิพี่ใหญ่ เข้ามาก่อนไหม พ่อกับแม่ฉันก็อยู่” หลินเจียวเจียวบอกกับพี่ชายของสามี “อ้าวพี่ฮ่าวหยู เข้ามาก่อนสิพี่” หลินตงหนิงเหมือนจะได้ยินว่าน้องสาวคุยกับใครที่หน้าบ้านจึงได้เดินออกมาดู “ได้ ขอบใจมากนะ” ซ่งฮ่าวหยูเมื่อเห็นว่ามีหลินตงหนิงอยู่ด้วยเขาจึงกล้าที่จะเข้ามาในบ้าน “พี่ใหญ่รอเดี๋ยวนะฉันไปเอายาให้” หลินเจียวเจียวเดินเข้าไปในห้องเพื่อที่จะหยิบยาในห้างสรรพสินค้า จากนั้นเธอออกมาตักบะหมี่หมูใส่เกี๊ยวพร้อมกับตักน้ำซุปใส่หม้อเล็กให้กับพี่ชายสามีไปด้วย “มาแล้วค่ะ นี่เป็นยาลดไข้กับแก้ตัวร้อนนะคะ ส่วนนี่เป็นบะหมี่ที่ฉันทำเอง เอาไปให้พี่สะใภ้ทานก่อนกินยา แล้วมีส่วนของพี่ใหญ่และเด็กๆ ด้วยนะ ส่วนเงินนี้พี่อย่าว่าฉันเลยนะเอาติดตัวไว้หากว่าพี่สะใภ้ไม่ดีขึ้นก็เอาไว้ไปหาหมอ ส่วนเด็กๆ ถ้าไม่มีใครดูก็เอามาให้เล่นกับเหมยจูกับจื้อผิงที่นี่ก็แล้วกัน” หลินเจียวเจียวส่งของให้ทั้งหมดพร้อมกับยื่นเงินให้อีก ยี่สิบหยวน เธอรู้สถานการณ์ของครอบครัวพี่ใหญ่ดีไม่ต่างจากตัวเธอสักเท่าไหร่หรอก ดีที่สามีเธอขอแยกบ้านมาก่อน “แต่ว่ามันเยอะไปนะน้องสะใภ้ พี่ว่าเราเอาคืนไปเถอะ” ซ่งฮ่าวหยู่ตกใจกับอาหารก็พอแล้ว น้องสะใภ้ยังให้เงินเขามาอีก นี่มันดีกว่าคนที่เป็นแม่แท้ๆ ของเขาอีก “เอาไปเถอะพี่ แต่ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะ ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา ขาดพี่สักคนบ้านนั้นคงไม่อดตายหรอก ที่ฉันพูดเพราะพี่เป็นพี่ชายของสามีฉัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยุ่งเด็ดขาด พี่รีบเอาอาหารและยาไปให้พี่สะใภ้กับเด็กๆ กินก่อนเถอะ ฉันเชื่อว่าแต่ละคนคงยังไม่ได้กินอะไร” “ขอบใจมากนะน้องสะใภ้ บุญคุณครั้งนี้พี่จะไม่ลืมเลย ขอบใจมากจริงๆ” ซ่งฮ่าวหยู่พูดจบก็รีบกลับไปหาภรรยาและลูกๆ เขากอดตะกร้าที่ใส่อาหารไว้แน่น พร้อมกับยาและเงินที่น้องสะใภ้ให้มา เขาจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ หากมีโอกาสเขาจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน หลินเจียวเจียวก็ได้แต่มองตามหลังของซ่งฮ่าวหยูที่รีบวิ่งหลบไปหาภรรยาและลูกๆ ที่บ้านหลังนั้น เธอเป็นเพียงแค่น้องสะใภ้ไม่ใช่คนในครอบครัวจริงๆ เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ อยู่ที่ตัวพี่สามีเองว่าเขาจะกล้าที่จะเดินออกมาจากครอบครัวที่เห็นแก่ตัวนั้นไหม ถ้าพี่สามีและพี่สะใภ้กล้าที่จะเดินออกมาเธอก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ แต่ถ้ายังจมปลักอยู่อย่างนี้ เธอก็คงจะช่วยได้แค่นิดหน่อย “น่าสงสารพี่ฮ่าวหยูนะเจียวเจียว ทำงานแทบเป็นแทบตายแต่ไม่เคยดีในสายตาของคนเป็นแม่เลย คุณลุงซ่งนั่นก็ภรรยาพูดอะไรก็เชื่อหมด” หลินตงหนิงคุยกับน้องสาว “ใช่พี่รอง พี่สามีเป็นคนดีเกินไป ถ้าเขาเห็นว่าครอบครัวกำลังโดนทำร้ายฉันเชื่อว่ายังไงพี่สามีก็ต้องเดินออกมา” หลินเจียวเจียวหวังไว้แบบนั้น “ไปเถอะไปทานอาหารกันต่อ ใกล้จะมืดแล้วพี่กับพ่อแม่จะได้กลับบ้าน” หลินตงหนิงบอกกับน้องสาวจากนั้นก็ชวนกันเข้าไปกินอาหารต่อที่บ้าน “หยู่ฉี่เปิดประตูให้พ่อหน่อย พ่อกลับมาแล้ว” ซ่งฮ่าวหยูเคาะประตูเรียกลูกสาว “พ่อกลับมาแล้ว หนูเช็ดตัวให้แม่แล้วตอนนี้แม่ตัวไม่ร้อนมากแล้วค่ะ” ซ่งหยู่ฉีเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพ่อ “รีบปิดประตูก่อนลูก” “หัวหลิงน้องพอจะลุกขึ้นไหวไหม พี่ไปหาน้องสะใภ้สามมา เธอให้อาหารมาแล้วก็ยามาด้วย น้องลุกขึ้นมากินก่อนนะ จะได้กินยา ลูกๆ ด้วยนะ อาสะใภ้สามแบ่งมาให้ลูกๆ ด้วย” ซ่งฮ่าวหยูเรียกภรรยาให้มากินอาหารก่อนที่จะกินยา และบอกให้ลูกสาวทั้งสองคนมากินด้วยกัน เมื่อซ่งฮ่าวหยูเปิดตะกร้าที่น้องสะใภ้ให้มา ก็เจอกับบะหมี่ที่มีเนื้อหมูและยังมีเกี๊ยวหมูใส่มาจนเต็มแทบจะไม่เห็นเส้นบะหมี่ ไหนจะมีน้ำซุปกระดูกหมูอีก น้ำตาลูกผู้ชายแทบจะไหลเลยทีเดียว “พ่อขาอาหารนี่เรากินได้จริงๆ เหรอคะ” เด็กน้อยถามพ่อของตัวเองตาเป็นประกาย เพราะเธอทั้งสองคนแทบจะไม่เคยได้กินเนื้อกันเลย มีแต่ครอบครัวอารองที่ได้กิน “กินได้สิ อาสะใภ้สามเป็นคนแบ่งมาให้ ลูกทั้งสองคนกินได้จนอิ่มเลย” ซ่งฮ่าวหยูลูบหัวบอกลูกสาวทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “สามีคะ เราแยกบ้านกันดีไหม ถึงแม้ว่าต้องไปแต่ตัวน้องก็ยอมค่ะ น้องสงสารลูก” โกวหัวหลิงที่พอจะลุกได้ก็พูดกับสามี เธอไม่อยากจะทนแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้สามีอกตัญญูต่อครอบครัว หรอกนะแต่เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ ตัวเธอเองยังพอที่จะทนได้ แต่ลูกๆ ของเธอละ จริงๆ แล้วหยู่ฉีถึงเวลาที่ต้องเข้าเรียนแล้วแต่แม่สามีไม่อนุญาต แต่ผิดกับครอบครัวน้องรอง แม่สามีเตรียมที่จะให้เด็กทั้งสองคนของบ้านรองเข้าเรียน ทั้งๆ ที่เงินนั้นเธอและสามีก็ช่วยกันหาเหมือนกัน “น้องไม่ต้องคิดมากพี่สัญญาไม่เกิน สามวันพี่พาน้องและลูกๆ กลับไปอยู่บ้านเดิมของน้อง ต่อให้พ่อไม่ยอมพี่ก็คงต้องอกตัญญูแล้ว” ซ่งฮ่าหยู่บอกกับภรรยา จากนั้นทั้งสี่คนก็ทานบะหมี่กันอย่างอร่อย โกวหัวหลิงนั้นเมื่อรู้ว่าน้องสะใภ้สามให้เงินสามีมาเพื่อรักษาเธอด้วยอีก ยี่สิบหยวนทำให้เธอจดจำบุญคุณของน้องสะใภ้คนนี้ไว้เงียบๆ ในใจหากมีโอกาสเมื่อไหร่เธอจะตอบแทนน้องสะใภ้สามคนนี้ทันที เช้าวันถัดมา หลินเจียวเจียวก็ลุกขึ้นมาทำอาหารให้กับลูกๆ พร้อมกับเตรียมของที่จะทำซาลาเปา เธอแอบเห็นว่ามีเกี๊ยวสำเร็จรูปอยู่ในห้างสรรพสินค้า เธอตั้งใจว่าจะเอาเกี๊ยวมาขายด้วย เธอคิดว่าจะทำเองอีกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนในครอบครัวสงสัยว่าเธอไปทำตอนไหน สามคนแม่ลูกนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างอร่อยได้ไม่นานก็มีเสียงโวยวายขึ้นหน้าบ้าน ตอนแรกหลินเจียวเจียวนึกว่าพ่อกับแม่เธอมา แต่พอฟังดีๆ กลับไม่ใช่แต่กลายเป็นแม่สามีตัวแสบพร้อมกับสะใภ้รองของเธอนั่นเอง “นังหลินเจียวเจียวเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้แกเปิดประตูไม่ได้ยินหรือไง” กู้เจียงหลานตะโกนเรียกลูกสะใภ้สามที่เธอเกลียดแสนเกลียด “เด็กๆ จำไว้นะลูก ห้ามออกมาจากบ้านเด็ดขาด แม่ออกไปแล้วล็อกประตูทันที ถ้าไม่ใช่แม่ หรือว่าคุณตาคุณยานห้ามเปิด แต่ถ้าเป็นลุงรอง หนูเปิดได้เข้าใจไหม” หลินเจียวเจียวสั่งเด็กน้อยทั้งสองคน “เหมยจูลูกดูน้องด้วยนะ เดี๋ยวแม่กลับมา” จากนั้นหลินเจียวเจียวเปิดประตูเดินออกมาหน้าบ้าน “ไม่ทราบว่าแม่สามีมาหาสะใภ้อย่างฉันมีเรื่องอะไรไม่ทราบ” หลินเจียวเจียวถามแต่ยังคงไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้ทั้งสองคนเข้ามา “นี่แกไม่คิดจะเปิดประตูให้คุณแม่เหรอ” หานอี๋ฉิงพูดขึ้น “แน่ใจนะอยากจะให้เปิด” หลินเจียวเจียวถาม “นี่ถ้าไม่เปิดแกจะให้ฉันที่เป็นแม่สามียืนพูดหน้าบ้านหรือไง” กู้เจียงหลานตวาดขึ้น ใจจริงกู้เจียงหลานไม่อยากจะมาเหยียบที่นี่เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ภรรยาของลูกรองบอกกับเธอว่าเมื่อวานนังหลินเจียวเจียวซื้อของมามากมายไหนจะเนื้ออีก ถ้าไม่คิดว่าจะมาแบ่งเนื้อเธอก็ไม่อยากจะมา “เชิญค่ะ” หลินเจียวเจียวเปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้ามา เมื่อกู้เจียงหลานและหานอี๋ฉิงเข้ามาแล้วก็กวาดสายตามองแต่ไม่เจออะไรจึงตั้งใจจะเข้าไปเปิดประตูบ้าน “ทำอะไร ใครให้เข้าไปในบ้านฉัน” หลินเจียวเจียวเมื่อเห็นว่าแม่สามีกำลังจะเปิดประตูบ้านก็ถามขึ้นอย่างเสียงดัง เพราะเวลานี้หลินเจียวเจียวรู้ว่าชาวบ้านเริ่มออกกันมาแล้ว ในเมื่อคิดว่าจะมาหาเรื่อง คนอย่างหลินเจียวเจียวก็พร้อมที่จะสู้เหมือนกัน ‘อย่ามาว่าลูกสะใภ้คนนี้อกตัญญูไม่ได้นะคะคุณแม่สามี’ ********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม