หลินเจียวเจียวได้กวักมือเรียกทั้งสองคนอีกครั้งเพื่อให้เดินเข้ามาข้างในก่อนจะบอกให้ทั้งสองคนล้างเนื้อล้างตัว มากินขนมและซาลาเปาที่เธอทำมาให้
“นี่ค่ะทุกคน วันนี้ฉันทำขนมและซาลาเปามาให้ลองชิม ฉันรู้ว่าหมู่บ้านข้างๆ เขาเปิดตลาดวันเว้นวัน ฉันเลยอยากจะทำซาลาเปาไปขาย ส่วนขนมนั้นฉันอยากจะฝากให้พี่ใหญ่ช่วยขายกับเพื่อนๆ ที่โรงงาน ทุกคนคิดว่ายังไงบ้างคะ” หลินเจียวเจียวถามอย่างอารมณ์ดี
เธอคิดว่าจะได้ไปขายของที่ตลาด เพราะตลาดที่นี่เปิดการขายเสรีให้กับชาวบ้านที่ต้องการนำของมาขาย แต่ก็มีบางอย่างที่ควบคุมเหมือนกันเช่นเนื้อสัตว์หรือว่าสบู่ สบู่นั้นเธอเคยไปซื้อที่ตลาดแต่คุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดีที่ว่าในตลาดไม่ต้องใช้คูปองเหมือนกับที่ต้องไปซื้อที่สหกรณ์ แต่ว่าต้องแอบขายซึ่งมันเสี่ยงเกินไปสำหรับเธอ เธออาจจะไปดูของในห้างที่อยู่ในมิติว่ามีอะไรที่พอจะเอามาขายได้บ้าง อาหารนั้นไม่มีปัญหา ในห้างมีแผนกอาหารสำเร็จรูปเยอะแยะไป เธออาจจะเลือกมาสักอย่างสองอย่างขายคู่กับซาลาเปาของเธอ เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เวลาของในมิติสำหรับเธอจะได้ใช้ทุกอย่างไหม แต่เธอเอามาเผื่ออนาคตเท่านั้นเอง ในเมื่อท่านเทพบอกว่าอยากเอาอะไรให้เอามา เธอก็เอามาทั้งห้างและร้านแถบนั้นที่เธอคิดว่าใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ ไม่แน่บางอย่างเธออาจจะได้เอามาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็ได้ ในเมื่อเธอมีมิติและของเยอะแยะบางทีเธออาจจะอยากทำความดีบ้างก็ได้ใครจะรู้
“เจียวเจียวน้องแน่ใจนะว่าจะไปขายของที่ตลาดไม่ใช่ไปหาเรื่องใครเขา” หลินตงหนิงพูดกับน้องสาว เขาคิดว่าเธอจะขายได้ไหม ในเมื่อตัวของเจียวเจียวเองหาเรื่องทะเลาะกับคนไปทั่ว แต่ว่าไม่ใช่เธอไม่มีเหตุผลส่วนมากที่เธอตบตีกับคนอื่นเพราะว่าเธอโดนหาเรื่องก่อนในบางครั้ง พอครั้งต่อไปเวลาเจอหน้าก็แทบจะขยุ้มหัวกันเสียทุกครั้งไป
“เอ๊ะ ลูกรองนี่ยังไง น้องตั้งใจทำมาหากินก็ไปแขวะน้องอยู่ได้ ตกลงจะกินไหมซาลาเปาเนี่ย ถ้าไม่กินแม่จะเก็บ ตาเฒ่าด้วยจะกินหรือไม่กิน” จางย่าเจียวเอ็ดลูกชายที่พูดให้น้องสาวใจเสีย
“กินครับแม่/กินจ๊ะเมียจ๋า” สองพ่อลูกตอบพร้อมกัน สร้างความขบขันให้กับหลินเจียวจูเป็นอย่างมาก
เมื่อสองพ่อลูกได้กัดซาลาเปาเข้าปากก็ทำให้ตื่นเต้นกันมาก เพราะไม่คิดว่าหลินเจียวเจียวจะทำซาลาเปาได้อร่อยขนาดนี้ เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำไม่แห้งเกินไป อร่อย อร่อยมากๆ ไม่นานสองพ่อลูกก็กินซาลาเปาไส้เนื้อหมูไปคนละ สามลูก และไส้ผักอีกคนละ หนึ่ง ลูก
“เจียวเจียวน้องทำอร่อยมาก รับรองว่าขายได้แน่นอน พี่รับประกัน จริงไหมพ่อ” หลินตงหนิงหันไปขอความเห็นจากพ่อที่กินซาลาเปามากเท่ากันกับตัวเอง
“จริง เจียวเจียวลูกทำขายได้เลย เพราะที่ตลาดเขาไม่ได้ห้าม ชาวบ้านสามารถขายได้ อีกอย่างคนไปที่ตลาดนั้นเยอะ แล้วเจียวเจียวจะได้กำไรเหรอลูก ใส่เนื้อเยอะขนาดนี้ เจียวเจียวจะขายลูกละเท่าไหร่” หลินเหวินเทาถามลูกสาวเพราะเขากลัวว่าถ้าขายถูกไปจะไม่ได้กำไร แต่ถ้าของแพงไปจะไม่มีคนซื้อ
“ไส้ผักขายราคาทั่วไปค่ะพ่อ ลูกละ สามเหมา แต่ถ้าไส้เนื้อฉันจะขาย ห้าเหมา แต่ถ้าซื้อ ห้าลูกฉันแถมไส้ผักให้ หนึ่งลูก ทุกคนว่าดีไหม” หลินเจียวเจียวเฮไม่คิดว่าราคาจะแพงไปหรอก เพราะในเมืองก็ขายราคาประมาณนี้เหมือนกัน แต่ของเธอใส่เนื้อและใส่ไส้มากกว่า
“แล้วจะได้กำไรเหรอลูก ขายแค่ลูกละ ห้าเหมา ใส่ไส้เต็มขนาดนั้น” จางย่าเจียวถามลูกสาว
“ได้สิแม่ฉันมีแหล่งซื้อเนื้อ พี่ที่ฉันรู้จักในสหกรณ์สามีเขาทำอยู่ที่โรงเชือด ฉันได้ในราคาถูกแถมไม่ต้องใช้ตั๋วในการซื้อด้วยนะ แม่ก็ดูเนื้อที่ฉันเอามาให้สิ แม่ว่าอย่างดีรึเปล่าละ” หลินเจียวเจียวอ้างพี่ที่เธอรู้จัก จริงๆ แล้วเธอเอาวัตถุดิบมาจากในมิติแทบจะทั้งหมด
“เจียวเจียวพี่ถามน้องจริงๆ นะว่า น้องยังป่วยหรือไม่สบายตรงไหนไหม” หลินตงหนิงยังไม่วางใจ เขาคิดว่าน้องสาวเขาต้องไม่สบายจนหัวกระแทกพื้นแล้วเพี้ยนไปหรือเปล่า
“ฉันปกติดีพี่รอง การที่ฉันป่วยปางตายนั้นทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายๆ อย่าง ฉันรู้แล้วว่าชีวิตนี้ไม่มีใครรักฉันเท่าครอบครัวฉันอีกแล้ว ส่วนลูกๆ ฉันปล่อยปะละเลยทั้งสองคนมานานแล้ว ฉันควรที่จะเป็นแม่ที่ดีได้แล้ว ส่วนพี่เฉินหยางนั้นหากฉันทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ว่าเขายังไม่รักหรือไม่สนใจฉันอีก ฉันก็พร้อมที่จะหย่าแล้วพาลูกๆ กลับมาที่บ้านของเรา พ่อแม่และพี่ชายของฉันจะรังเกียจฉันไหมหากฉันเป็นหม้ายหย่าสามี” หลินเจียวเจียวพูดอ้อนทุกคนที่บ้านของเธอ
“ไม่เลยบ้านนี้ยินดีต้อนรับน้องและหลานๆ เสมอ ไม่ว่าน้องจะหย่าหรือไม่น้องและหลานๆ ก็สามารถกลับมาที่นี่ได้ตลอดเวลา จริงไหมพ่อ แม่” หลินตงหนิงให้กำลังใจน้องสาว
“ฉันรักพ่อ แม่ และพี่ชายทั้งสองคนมากนะคะ ฉันสัญญาว่าฉันจะปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่ไม่สร้างเรื่องสร้างราวให้ทุกคนหนักใจหรือเสียใจเพราะฉันอีกแล้ว” หลินเจียวเจียวพูดจบก็ก้มลงคุกเข่าคำนับแทบเท้าพ่อกับแม่ รวมไปถึงพี่ชายรองของเธอด้วย
ทั้งสามคนเมื่อหลินเจียวเจียวสำนึกได้ก็ดีใจจนแห่งความเสียใจแต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจที่ทั้งสามคนได้ลูกสาวและน้องสาวที่น่ารักคนเดิมกลับมาจากนั้น สี่คนพ่อแม่ลูกก็กอดกันกลมขาดแต่พี่ชายใหญ่คนเดียวที่อยู่ที่โรงงานยังไม่ถึงวันหยุดที่กลับบ้าน เด็กน้อยทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าตายายและลุงกอดแม่เจียวเจียวก็ได้วิ่งเข้าไปกอดด้วย สร้างเสียงหัวเราะให้กับบ้านหลินด้วยความเอ็นดูหลานชายและหลานสาว
หลังจากที่หลินเจียวเจียวอยู่ทานอาหารที่บ้านแม่เสร็จ ไม่นานหลินเจียวเจียวก็เตรียมพาลูกทั้งสองคนกลับบ้านของตัวเอง ก่อนกลับเธอบอกกับแม่
“แม่ค่ะ พรุ่งนี้ฉันฝากหลานๆ สักครึ่งวันได้ไหม ฉันจะไปซื้อของในอำเภอ อีกไม่กี่วันต้องไปขายซาลาเปาแล้ว ฉันจะไปหาซื้อของที่ยังขาดอยู่นะ”
“ได้สิ พามานี่หรือจะให้แม่ไปดูให้ที่บ้านละ” จางย่าจูถามลูกสาว
“แม่ไปที่บ้านฉันได้ไหมคะ ส่วนพ่อกับพี่ชายรองว่างไหมพรุ่งนี้ฉันอยากให้ทำแคร่ที่เอาไว้หลังบ้านให้หน่อยได้ไหม ฉันจะได้มีที่ทำของได้สะดวก”
“ได้สิ พรุ่งนี้พ่อกับเจ้ารองจะไปทำให้” หลินเหวินเทารับปากลูกสาวเพราะพรุ่งนี้ไม่มีงานอะไร
“ขอบคุณมากนะคะพ่อ พี่ชายรอง เดี๋ยวฉันจะเตรียมอาหารไว้ให้นะ วันนี้ฉันกลับก่อนนะคะ เด็กๆ ลาคุณตาคุณยาย และลุงรองก่อนลูก เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
“กลับก่อนนะคะคุณตาคุณยาย ลุงรอง” ซ่งเหมยจูบอก
“กลับละครับทุกคน” ซ่งจื้อผิงบอกลาคนสุดท้าย หลินเจียวเจียวได้แต่ส่ายหัวกับลูกชายคนเล็ก เป็นเด็กที่ประหยัดคำพูดซะจริงๆ
เมื่อแต่ละคนร่ำลากันเสร็จแล้วหลินเจียวเจียวก็พาลูกๆ ทั้งสองคน เพราะนี่ก็บ่ายแล้วเด็กๆ ควรจะได้นอนพักผ่อน เธอตั้งใจว่ากลับบ้านจะชงนมให้ลูกๆ ดื่มคนละแก้วก่อนนอน ทั้งสองคนจะได้โต เพราะตอนนี้ลูกของเธอทั้งสองคนนั้นผอมจนเธอปวดใจ แต่ก่อนที่จะถึงบ้านเธอก็ต้องมาเจอกับคนที่น่าเบื่อน่ารำคาญอย่างสะใภ้รองบ้านซ่ง ซึ่งก็คือพี่สะใภ้ของสามีเธอนั่นเอง
“แหมๆ ๆ ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างหลินเจียวเจียวจะมาพร้อมกับลูกทั้งสองคน” หานอี๋ฉิงพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังผ่านศาลาที่เธอและเพื่อนๆ นั่งอยู่
“นั่นนะสิ อี๋ฉิง ฉันก็คิดว่าตอนแรกมองผิดเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ซูเย่วอิงพูดแล้วก็หัวเราะตาม เธอไม่ชอบหลินเจียวเจียวเพราะมาแย่งพี่เฉินหยางจากเธอไป ท่านป้าซ่งพูดแล้วว่าเธอจะได้เป็นภรรยาพี่เฉินหยาง แต่ใครจะคิดว่าหลินเจียวเจียวจะหน้าด้าน
“ฉันถามจริงเถอะ พวกเธอทั้งสองคนไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงได้หาเรื่องฉันทุกครั้งที่เจอ หรือว่าฉันเอาของเสียไปปาหลังบ้านพวกเธอกัน ห๊า!” จากที่อารมณ์ดีตอนนี้หลินเจียวเจียวเริ่มจะอารมณ์เสียแล้ว อีกอย่างลูกๆ ของเธอก็อยู่ตรงนี้ เธอไม่อยากให้เด็กทั้งสองซึมซับความก้าวร้าวและสิ่งไม่ดีเข้าไปในสมองน้อยๆ ของลูกทั้งสองคน
“แล้วก็นะอี๋ฉิง เธอก็อย่าเห็นแก่ตัวให้มันมาก งานบ้านก็ปล่อยให้พี่สะใภ้ใหญ่ทำคนเดียวส่วนตัวเองมานั่งนินทาคนอื่นกับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน เอ… หรือว่าไม่มีใครเอากันแน่ ระวังไว้เถอะฉันหมดความอดทนเมื่อไหร่ เธอไม่อยู่สุขแน่ๆ”
“ส่วนเธอซูเย่วอิงเป็นถึงลูกสาวผู้นำหมู่บ้านแทนที่จะทำเรื่องให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ คุณลุงผู้นำหมู่บ้านก็เป็นคนดี ทำไมถึงมีลูกนิสัยผิดแปลกไปจากท่านทั้งสองคนละ แล้วก็เรื่องที่หวังว่าสามีฉันจะหย่ากับฉันแล้วมาเอาเธอนะ เลิกคิดไปได้เลยเพราะสามีไม่มีทางหย่ากับฉันแน่ๆ จำใส่หัวเอาไว้ด้วย”
หลินเจียวเจียวพูดจบก็พาลูกทั้งสองคนกลับบ้านโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามองทั้งสองคน
*******************