เช้าวันถัดมา หลินเจียวเจียวตื่นมาตอน ตีสี่ เพื่อที่จะทำซาลาเปาเอาไปให้พ่อแม่และพี่รองของเธอ หลินเจียวเจียวทำซาลาเปาเสร็จแล้วก็ได้เตรียมขนมที่มีในมิติ และยังมีเนื้อหมูอีก สองชั่ง เอาไปฝากที่บ้านด้วย หากพ่อกับแม่ถามก็ค่อยบอกว่าเธอซื้อจากสหกรณ์ส่วนขนมเธอจะบอกว่าทำเองเพราะเธอตั้งใจให้ทุกคนลองชิมว่าอร่อยไหมถ้าอร่อยเธอจะฝากให้พี่ชายใหญ่ช่วยขายที่โรงงาน แต่เธอคิดว่าคงจะไม่มีใครถามอะไรเพราะปกติบ้านของเธอนั้นไม่ชอบถามอะไรซอกแซกอยู่แล้ว
เช้านี้เธอทำข้าวต้มหมูใส่ไข่ให้ลูกน้อยทั้งสองและเธอกิน ก่อนที่จะพาเด็กๆ ไปที่บ้านตายาย ช่วงนี้ที่กองพลน้อยไม่ค่อยจะมีงานอะไร เพราะตอนนี้รอที่จะเก็บเกี่ยวอย่างเดียวเธอคิดว่าแม่น่าจะอยู่ที่บ้าน แต่พ่อกับพี่ชายน่าจะอยู่ที่กองพลน้อยซะมากกว่า
จริงๆ แล้วหลินเจียวเจียวอยากจะเอาขนมที่มีในมิติไปให้พี่ชายใหญ่เธอได้ลองกิน และอยากให้พี่ชายใหญ่ช่วยขายให้ที่โรงงาน เธอจะได้มีรายได้นอกเหนือจากที่สามีส่งมาให้แต่ละเดือน ถึงแม้ว่าเธอจะมีทุกอย่างในมิติ ถ้าหากว่าเธอไม่ทำอะไรให้เห็นเลย ทุกคนจะสงสัยเอาได้ อย่างน้อยๆ ก็คนในบ้านเธอหละ ใจจริงเธออยากจะเข้าไปขายของในตลาดมืดเหมือนกัน เธอคุ้นชินกับตลาดมืดเป็นอย่างดี หลินเจียวเจียวเข้าไปซื้อของในนั้นบ่อย บ่อยซะจนเธอแทบจะไม่ต้องบอกรหัสผ่านเพราะคนที่เฝ้าประตูจำเธอได้แทบจะทุกคน
“จื้อผิง เหมยจูลูก ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วจ๊ะ” หลินเจียวเจียวเข้ามาปลุกลูกทั้งสองคน เด็กน้อยเมื่อเห็นว่าแม่เข้ามาปลุกก็บิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นช่วยกันเก็บผ้าห่ม เด็กๆ ทั้งสองคนรู้สึกว่าเมื่อคืนพวกเขาหลับสบายมาก จากนั้นทั้งสองคนก็ไปล้างหน้าล้างตากับน้ำที่แม่เตรียมไว้ให้ เช้านี้จึงทำให้ทั้งสองคนมีความสุขที่สุด เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารเหมยจูก็พูดขึ้น
“ข้าวต้มน่าทานมากเลยค่ะแม่ จริงไหมจื้อผิง” เหมยจูหันไปถามน้องชาย จื้อผิงก็ผงกหัวตอบพี่สาว
“ถ้าน่าทานก็ทานให้เยอะๆ นะลูกเดี๋ยวเราจะไปบ้านคุณตาคุณยายกัน ลูกทั้งสองคนอยากไปกับแม่ไหม” หลินเจียวเจียวเอามือลูกทั้งสองคน
“ไปค่ะ/ไปครับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน เด็กน้อยทั้งสองคนอยากที่เดินอวดแม่ คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาว่าหรือมาล้อเลียนว่าแม่ไม่รัก
ทั้งสามคนแม่ลูกกินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อย หลินเจียวเจียวเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูกน้อยทั้งสองคน เด็กน้อยทั้งสองได้ชุดใหม่ก็ทำให้ดีใจมาก ไม่คิดว่าแม่ของเขาหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจะใจดีขนาดนี้ แทบเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
หลินเจียวเจียวเตรียมของที่จะเอาไปให้บ้านพ่อแม่นำใส่ในรถเข็น เธอบอกให้ลูกน้อยทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนรถ จากนั้นเธอเดินกลับไปล็อกประตูในบ้านและประตูหน้าบ้าน ตัวเองเธอไม่ไว้ใจบ้านของแม่สามีเท่าไหร่ เธอเข็นรถที่มีของและลูกน้อยทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างไม่สนใจใคร บางทีเธอก็ก้มลงไปคุยกับเด็กๆ ทั้งสองคน สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็นมาก เพราะปกติแล้วหลินเจียวเจียวนั้นไม่เคยสนใจลูกทั้งสองคน วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ หรือว่าผีเข้าถึงได้พาลูกน้อยทั้งสองคนนั่งรถเข็นมุ่งหน้าไปทางบ้านพ่อบ้านแม่ของเธอ
เมื่อหลินเจียวเจียวมาถึงบ้านก็ได้ตะโกนเรียกแม่อยู่ที่หน้าบ้าน
“แม่คะ พ่อคะ อยู่บ้านกันรึเปล่า”
“เจียวเจียวเหรอลูก เข้ามาก่อนสิ” จางย่าเจียวตะโกนตอบลูกสาว เพราะตัวเธออยู่ในบ้านคิดว่าลูกสาวคงมาหาเหมือนปกติ
“คุณยายขา หนูกับน้องและแม่เจียวเจียวเอาของมาให้เต็มเลยคุณยายอยู่ไหนคะ” เมื่อจางย่าเจียวได้ยินเสียงหลานสาวตะโกนมาด้วยก็สร้างความแปลกใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก ทำให้เธอรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน พอมาถึงก็เห็นลูกสาวและหลานทั้งสองคนยืนยิ้มอยู่ที่หน้าบ้าน พร้อมกับของหลายอย่างในรถเข็น
“เข้ามาก่อนลูก นี่เกิดอะไรขึ้นหอบข้าวของมากันเต็มรถเลย” จางย่าเจียวถามด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เต็มทั่วใบหน้าที่เธอไม่ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว
“พ่อกับพี่รองล่ะคะแม่” หลินเจียวเจียวถามถึงพ่อและพี่ของเธอ
“ไปที่กองพลน้อยเห็นว่าจะต้องให้ซื้อยาอะไรไม่รู้ที่ต้องใช้ในแปลงนา เดี๋ยวก็คงจะกลับมา”
“ดีค่ะ วันนี้หนูเอาเนื้อหมูและทำซาลาเปามาให้ทุกคนเยอะแยะเลยค่ะ มีขนมด้วยนะคะ หนูลองทำดูไม่รู้ว่าอร่อยไหม” หลินเจียวเจียวรู้ว่าแม่คงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนนี้ แต่เธอยังไม่บอกตอนนี้หรอก รอทุกคนก่อน ปล่อยให้แม่แปลกใจเล่น
“เจียวเจียวทำเองเหรอลูก” จางย่าเจียวถามย้ำอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวที่อารมณ์ร้ายของเธอ ไหนจะมาพร้อมหลานๆ หรือว่าปีนี้จะเกิดหน้าแล้งถึงทำให้ลูกสาวเธอสมองกลับขนาดนี้
“จริงค่ะคุณยายขา แม่เจียวเจียวทำอาหารอร่อยมาก เมื่อวานทำอาหารให้หนูกับน้องกินด้วย เมื่อเช้าข้าวต้มที่แม่ทำก็อร่อย จริงไหมจื้อผิง” เหมยจูบอกกับคุณยายของเธอและก็ยังหันมาหาเสียงสนับสนุนเช่นน้องชาย ซ่งจื้อผิงเมื่อพี่สาวถามเขาก็ผงกหัวให้กับคุณยายพร้อมกับบอกว่า
“อร่อยมากจริงๆ ครับ พี่ใหญ่กินจนท้องยื่นออกมาเลย” จื้อผิงยืนยันกับคุณยายพร้อมแสดงท่าทางพุงยื่นของพี่สาว สร้างความเขินอายให้ซ่งเหมยจูเป็นอย่างมากที่น้องชายล้อเลียนเธอ
“น้องเล็กก็เหมือนกันละกินมากกว่าพี่อีก” เหมยจูไม่ยอมรับหรอกว่าเธอทานเยอะ เพราะน้องชายทานเยอะกว่าเธออีก
“แม่ว่าเราทั้งสองคนนั้นแหละที่ทานเยอะเพราะเมื่อเช้าข้าวต้มหมดหม้อเลย” หลินเจียวเจียวบอกกับลูกทั้งสองคน เมื่อเธอเห็นว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีใครยอมใคร สร้างความสุขเล็กๆ ให้กับคนเป็นแม่อย่างเธอ
“เจียวเจียวลูกยังไม่หายป่วยใช่ไหม” จางย่าเจียวถามลูกสาวอย่างห่วงใย
“แม่คะ หนูหายป่วยแล้ว ตอนนี้หนูแข็งแรงดีทุกอย่าง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะให้หนูกระโดดให้แม่ดูดีไหม” หลินเจียวเจียวพูดด้วยน้ำเสียงสดชื่นปนหัวเราะเล็กน้อย
“ไปเถอะเข้าบ้านกันดีกว่า เด็กๆ ด้วยนะ ดูสิเอาอะไรมาเยอะแยะ” เมื่อหลินเจียวเจียวยืนยันว่าไม่เป็นอะไรก็ทำให้จางย่าเจียวมีอาการเขินลูกสาวตัวเองเล็กน้อย เธอเลยเปลี่ยนเรื่องแล้วชวนทุกคนเข้าบ้าน
“มาจ๊ะเด็กๆ เข้าบ้านคุณยายไปกินขนมกันดีกว่านะ” หลินเจียวเจียวบอกกับลูกทั้งสองคน
เมื่อเข้ามาในบ้านหลินเจียวเจียวได้เอาของเข้าไปเก็บในห้องครัว ก่อนจะหยิบขนมใส่จานเอาออกมาให้แม่และลูกๆ ได้กินกัน
“แม่ลองทานขนมนี่สิ ฉันอยากรู้ว่าอร่อยไหม ฉันอยากฝากให้พี่ใหญ่ช่วยขายเพื่อนๆ ที่โรงงานให้ ฉันอยากหารายได้เพิ่ม เพราะไม่นานฉันจะให้ลูกๆ ทั้งสองคนเข้าเรียนหนังสือ” หลินเจียวเจียวบอกความต้องการของเธอ ตอนนี้ลูกๆ ของเธออายุ สี่ขวบ ไม่เกิน หนึ่งถึงสองปี ลูกๆ ก็สามารถเข้าเรียนได้แล้ว เธออยากให้ลูกทั้งสองคนได้เรียนหนังสือ เทพแห่งโชคชะตาให้เธอได้เห็นอนาคตที่เจริญมากขนาดนั้น เธอเองก็ตั้งใจจะส่งเสียให้ลูกได้เรียนเท่าที่ลูกๆ ของเธอต้องการ
“เจียวเจียวพูดจริงเหรอลูกที่อยากจะหาเงินเพื่อมาส่งเด็กๆ ได้เข้าเรียน” จางย่าเจียวเองก็ดีใจที่ลูกสาวของเธอคิดได้ซะที และหันมาสนใจลูกๆ ทั้งสองคนมากกว่าตัวเอง
“จริงค่ะแม่ ฉันอยากหาเงินให้มากๆ ถึงแม้ว่าพ่อของเด็กๆ จะส่งเงินมาให้ทุกเดือนแล้วก็ตาม”
เงินที่สามีเธอส่งมาให้นั้นมันก็มากอยู่แต่เพราะเธอคิดถึงอนาคตของลูกๆ จึงทำให้เธออยากที่จะหาเงินไว้เองด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าสามีเธอรักเธอมากก็ตาม แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตมันจะเปลี่ยนอีกไหม สู้เธอหาเงินเก็บเงินไว้เองด้วยดีกว่าและที่สำคัญเธออยากจะจัดการนังจิ้งจอกที่มันทลายอนาคตของพี่ใหญ่เธอด้วย หน๊อย…ท้องกับคนอื่นแล้ววางแผนเสียตัวให้กับพี่ใหญ่ มาให้พี่ชายที่แสนดีของเธอรับผิดชอบ
การที่เธอเห็นอนาคตนั้นก็ถือว่าดีเพราะจะทำให้เธอได้แก้ไขความผิดพลาดให้กับครอบครัวของเธอ ยิ่งกับพี่ใหญ่และพี่รอง พี่ชายที่แสนดีของเธอทั้งสองคน ใครดีมาเธอดีตอบ แต่ใครร้ายมาอย่าคิดที่จะให้เธอดีด้วยนั้นฝันไปเถอะ อย่างเช่นครอบครัวของสามี ถ้าเขาเลือกครอบครัว เธอก็พร้อมที่จะหย่าเหมือนกัน
หลินเจียวเจียวนั่งเล่นกับลูกๆ ไม่นานพ่อและพี่ชายรองก็กลับมาถึงที่บ้าน เมื่อเห็นว่าลูกสาวที่อารมณ์ร้าย และไม่เคยสนใจลูกของตัวเองตั้งแต่เกิด แต่วันนี้กลับนั่งเล่นนั่งหัวเราะกับลูกน้องทั้งสองคนอย่างมีความสุข หลินเหวินเทาได้แต่หันไปมองหน้าลูกชายด้วยสายตาที่ต้องการคำตอบ หลินตงหนิงเมื่อเห็นพ่อหันมามองเขาด้วยสายตาที่มีคำถาม เขาก็ได้แต่เกาหัวและยักไหล่ให้กับพ่อของตัวเอง ‘พ่อถามผมจะให้ผมถามใครละ เรากลับมาพร้อมกันนะพ่อ’ เขาได้แต่คิดในใจเพราะถ้าตอบไปแบบนั้นคงจะโดนพ่อไล่เตะแน่นอน
“อ้าวพ่อกับพี่รองมาแล้ว เข้ามาก่อนสิคะ จะยืนทำหน้างงกันทำไมตรงนั้นละ มากินขนมนี่ ลองชิมดูว่าอร่อยไหม ฉันทำเองเลยนะ” หลินเจียวเจียวกวักมือเรียกพ่อและพี่ชายรองของเธอด้วยรอยยิ้ม แถมยังชวนให้ลองชิมขนมของเธออีกด้วย
“ห๊า/ห๊า” สองพ่อลูกอุทานด้วยความตกใจ
หรือว่าปีนี้จะเกิดหน้าแล้งหรือว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศใต้แน่ๆ หากว่าหลินเจียวเจียวรู้ความคิดของทั้งสองคนเธอคงจะหัวเราะเสียงดังแน่ๆ
********************