ชายหนุ่มเงยหน้าจากการอ่านข่าวบนหน้าจอไอแพดเครื่องบางเฉียบของตนเองแล้วมองไปยังลูกชายที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ กับครอบครัวของน้องชายคนเล็ก
ครอบครัวของเขามีด้วยกันสามคน ตัวเขาเองเป็นพี่คนโตที่ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว ฟรานเชสโก้ น้องชายคนรองและราฟาเอลน้องชายคนเล็ก ทั้งสองคนต่างมีนิสัยที่แตกต่างกันแต่ที่เหมือนกันคือพวกเขาหลงรักหญิงสาวชาวไทย ราฟาเอล-น้องชายคนเล็กเลือกใช้ชีวิตกับครอบครัวที่แสนน่ารักที่เมืองไทย ส่วนฟรานเชสโก้ดูแลกิจการของภรรยาอเมริกา
อันโตนิโอ ซิวีลิอาโน่ ถอนหายใจระบายความเครียดในอก อีกสองสัปดาห์อลองโซ-ลูกชายของเขาก็จะอายุสิบขวบ แต่หัวใจของคนเป็นพ่อก็ต้องปวดร้าวเมื่อลูกชายเขาไม่พูดไม่จามาเกือบสามปีแล้ว เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียภรรยาที่แต่งงานกันมาเจ็ดปี แม้อลองโซจะรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ลูกชายเขาต้องอยู่ห้องไอซียูนานสามสัปดาห์แต่เมื่ออลองโซลืมตาจากเด็กชายที่ร่าเริงสดใสกลับเป็นคนเงียบงันเก็บตัวและที่สำคัญ เขาไม่ยอมพูดจากับใครแม้กับคนเป็นพ่อ เขาพยายามรักษาทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสียเงินทองเท่าไหร่ หมอที่ว่าดีๆ เขาพาลูกชายคนเดียวตระเวนไปหาเพื่อให้ได้ลูกชายคนเดิมกลับมาแต่ก็พบกับความผิดหวัง การรับรักษากับจิตแพทย์เป็นทางเลือกสุดท้ายและคำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด
“เขาได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก คงต้องให้เวลาเขาสักหน่อย มีผู้ป่วยหลายคนที่ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง”
ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่ลูกชายเขาก็ยังไม่เปิดปากพูดกับเขาหรือกับใครเลยสักคำ เขาไม่ได้ไปเรียนแบบเด็กปกติทั่วไป อาการของอลองโซทำให้เขาต้องจ้างครูมาสอนที่บ้าน และเมื่อเขาจำเป็นต้องเดินทางไปไหนหลายวันก็จะพาลูกชายไปด้วยเสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่บิดาส่งเขามาตรวจดูงานความเรียบร้อยทั่วไปแทบเอเชียเขาจึงพาลูกชายมาด้วย
“พี่น่าจะหาพี่เลี้ยงให้อลองโซสักคนนะ พาไปไหนมาไหนแบบนี้พี่เองจะลำบาก” ราฟาเอลเอ่ยทัก
“หาพี่เลี้ยงไม่ยากหรอก แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกใจอลองโซเลยสักคน” อันโตนิโอยิ้มเหนื่อยๆ “แล้วแต่ละคนที่เข้ามาก็ไม่ค่อยสนใจลูกชายพี่สักเท่าไหร่ ไม่อยากเป็นพี่เลี้ยงแต่อยากจะเป็นแม่เลี้ยงซะมากกว่า”
ราฟาเอลแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “มันก็จริงนี่พี่...พี่ชายผมหน้าตาดีแถมร่ำรวยอีกต่างหาก ใครจะอยากเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กกันเล่า”
“นั้นแหละปัญหา อลองโซถึงหาพี่เลี้ยงดีๆ ไม่ได้สักคน”
“ผมว่าพี่หาแม่ใหม่ให้ลูกชายก็น่าจะดีนะ” คราวนี้ราฟา-เอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้งอาจทำให้เขาดีขึ้นก็ได้”
“พูดเหมือนผู้หญิงดีๆ จะสั่งซื้อทางอีเบย์ได้อย่างนั้น” อันโตนิโอโคลงศีรษะไปมาแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ฉันต้องกลับแล้ว มีธุระต้องไปเจอคนๆ หนึ่ง”
“ฝากอลองโซไว้ที่นี่ก่อนก็ได้” ราฟาเอลพยักหน้าไปทางเด็กชายวัยสิบขวบที่อยู่กับภรรยาของตนและลูกชายวัยขวบเศษ “บ้านเรานี่มีแต่ลูกชายนะ เหมือนโดนสาปเลยแฮะ”
“ก็มีอีกสักคนซิ เผื่อจะได้ลูกสาว” อันโตนิโอแตะไหล่น้องชายเบาๆ “ชีวิตครอบครัวนายเพิ่งเริ่มต้น จะมีลูกกี่คนก็ไม่ยากหรอก”
“พี่ก็เหมือนกัน ชีวิตมันไม่ได้หยุดแค่นี้หรอก”
อันโตนิโอยิ้มเหนื่อยจนแทบจะกลายเป็นรอยยิ้มประจำตัวของเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันฝากลูกชายไว้สักสองสามชั่วโมงแล้วกัน เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับ”
“จะขับรถไปเองเหรอ” ราฟาเอลถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอก” ชายหนุ่มยักไหล่ “ให้คนขับรถมารอแล้ว จะนั่งทำงานในรถต่อ”
“โอเค” ราฟาเอลพยักหน้ารับ “ทำธุระตามสบาย ไม่ต้องเร่งรีบ เรื่องอลองโซเราช่วยดูแลให้”
“สองอาทิตย์นี้ลำบากนายกับครอบครัวที่ต้องช่วยดูแลลูกชายฉัน”
“เคยบ่นว่าลำบากเหรอ” ราฟาเอลหัวเราะ “พี่ดูแลผมลำบากกว่าเยอะ”
“เรามันครอบครัวเดียวกันนี่”
“แต่ครอบครัวเรามันไม่ธรรมดา”
ชายหนุ่มสองคนหัวเราะออกมาแล้วพี่ชายคนโตก็เดินไปลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ อลองโซเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาว่างเปล่า
“อยู่กับน้องก่อนนะลูก พ่อออกไปทำธุระเดี๋ยวจะกลับมารับ”
เด็กชายไม่เอ่ยตอบอะไรเช่นเคย เขาพยักหน้ารับแล้วหันไปนั่งนิ่งกับหนังสือเล่มหนาของตนเอง อันโตนิโอชินแล้วกับการตอบสนองของลูกชายแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็อยู่ในที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย หนุ่มใหญ่เดินออกมาจากบ้านของราฟาเอล รถเก๋งสีดำมันวาวจอดรออยู่หน้าบ้าน คนขับรีบเปิดประตูรถให้อย่างรู้หน้าที่และขับออกไปโดยไม่ถามย้ำถึงจุดหมายปลายทาง
ใช่...ครอบครัวของเขาธรรมดาเสียทีไหนกัน พ่อของเขาได้ฉายาว่าเป็นมาเฟียแห่งอิตาลี อำนาจมืดที่มีในมือทำให้ผู้คนหวาดกลัวตระกูลของเขาพอๆ กับที่อยากเข้าใกล้เพราะกองเงินกองทองทีพ่อสร้างขึ้น ช่วงที่เขายังเด็กได้เห็นการทำงานทั้งดิบและเถื่อนของพ่อและลูกน้อง มันทำให้เขาแกร่งและกร้านต่อโลกใบนี้ จนต่อมาตระกูลของเขาได้พยายามทำธุรกิจอย่างขาวสะอาดแม้ว่ามันจะไม่อาจลบภาพชั่วร้ายในสายตาใครหลายคนได้ แต่กระนั้นครอบครัวของเขาก็เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากเลยทีเดียว
ธุรกิจของตระกูลขยายไปหลายด้านแม้หลักๆ จะเป็นด้านการเงินการลงทุนที่มันพัฒนามาจากการเงินกู้นอกระบบ ต่อมาก็อสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและโรงแรมหรูระดับห้าดาวตลอดจนมาถึงสื่อทั้งวิทยุโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และกำลังดูเรื่องโซเซียลมีเดีย เพราะแบบนี้บิดาของเขาจึงเข้มงวดกับเขาและน้องๆ เพราะทุกคนถูกวางตัวเพื่อให้สืบทอดอาณาจักรของตระกูล เขาทำงานให้บิดาและเดินตามทางที่วางไว้ให้มันไม่ใช่แค่การศึกษางานเท่านั้น เขาต้องฝึกการต่อสู้ทั้งด้วยมือเปล่าและใช้อาวุธ หลายครั้งที่เขาออกทำงานเองและกลับมาพร้อมรอยช้ำบนใบหน้า แม้จะมีสมุนลูกน้องมากแค่ไหนแต่คนระดับ ‘หัวหน้า’ ต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองแข็งแกร่งเพื่อให้เป็นที่ยำเกรง เรื่องเหล่านี้เขายอมทำได้แม้จะไม่เต็มใจจนกลายเป็นคนเย็นชาอย่างไม่รู้ตัว นั้นเพราะเขาไม่ใช่สายเลือดแท้ของตระกูลซิวีลิอาโน่ เรื่องนี้มีแต่เขากับริคาโด้ ซิวีลิอาโน่ ชายที่เขาเรียกว่าพ่อและเป็นผู้ที่เก็บเด็กข้างถนนอย่างเขามาชุบเลี้ยงให้เติบโตในฐานะ ‘ลูกชาย’ เรื่องนี้แม้แต่ราฟาเอลและฟรานเชสโก้ก็ยังไม่รู้!
รถยนต์แล่นออกมาได้ราวสี่สิบนาทีก็ถึงที่หมายซึ่งเป็นบ้านหลังย่อมอยู่ชานเมือง อันโตนิโอลงรถจากรถพร้อมถุงกระดาษใบสวยหลายใบ เขาเดินเข้าไปในบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบจนเหมือนถูกโอบกอดด้วยสีเขียว ก้าวเดินอย่างรู้ทางแม้จะไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยือนเจ้าของบ้านนานหลายปีแล้วก็ตาม
“ซาร่า ผมมาแล้วครับ” อันโตนิโอเรียกเจ้าของบ้านและเดาว่าคนที่ต้องการพบน่าจะอยู่หลังบ้านซึ่งจะมีมุมนั่งเล่นรับแดดอ่อนยามบ่าย
“สักครู่นะคะ”
ชายหนุ่มชะงักเท้าไปครู่หนึ่ง เสียงหวานใสที่ส่งเสียงตอบกลับทำให้เขาขมวดคิ้วเพราะเขามั่นใจว่าเขามาถูกที่แต่เสียงตอบรับกลับไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย ไม่กี่นาทีต่อมาร่างหญิงสาวในชุดเสื้อสีเชิ้ตแขนยาวสีเข้มกับกระโปรงสีเดียวกันยาวคลุมเข่าและมีผ้ากั้นเปื้อนแบบครึ่งตัวสวมทับอยู่ เธอโผล่หน้ามาจากด้านหลัง ใบหน้าของเธอมีผ้าปิดจมูกคาดทับปิดครึ่งใบหน้า ผมสีดำถูกมวยขึ้นมีหยากไยติดบนเส้นผม เขางุนงงกับสิ่งที่เห็นแต่อีกฝ่ายทำเหมือนเรื่องปกติหรือจะเป็นคนรับใช้?