ฝ
อาร์เดนนั่งอยู่ในห้องทำงานหลังผ้าม่านสีดำอย่างเช่นทุกวัน โดยมีบอดี้การ์ดคนสนิทนั่งอยู่ตรงข้าม การลอบวางระเบิดรถยนต์สังหารพ่อของเขาเมื่อ 2 ปีก่อนยังคงคอยตามหลอกหลอนอาร์เดนอยู่ทุกวัน และที่เขาเรียกมาตินมาวันนี้ก็เพื่อจะวางแผนสืบหาว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
อาร์เดนสงสัยว่าจะเป็น เดอะไลอ้อนกรุ๊ป ที่เป็นกลุ่มมาเฟียคู่แข่ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถลงมือแก้แค้นได้ทันที อาร์เดนยังจำเป็นที่จะต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่เขาจะเริ่มดำเนินการใด ๆ ได้
“เราต้องหาวิธีล้วงข้อมูลโดยที่จะไม่ดึงความสนใจจากพวกนั้นมากเกินไป” อาร์เดนพูดกับมาตินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ผมว่าเป็นความคิดที่ดีนะครับคุณท่าน เราให้คนของเราแฝงตัวเข้าไปล้วงข้อมูลจากคนในองค์กรของพวกมัน เผื่อจะได้ข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว” มาตินเสนอความคิดให้เจ้านาย
“เป็นความคิดที่ดี แต่ว่าเราจะต้องรอบคอบ เพราะฉันไม่อยากจะให้พวกมันรู้ว่าเรากำลังสนใจพวกมันอยู่” อาร์เดนพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังกำชับลูกน้องให้ทำงานให้รอบคอบที่สุด
“หรือเราจะลองซื้อตัวลูกน้องของมันด้วยจะดีไหมครับคุณท่าน เผื่อเราจะได้ข้อมูลที่เร็วขึ้น”
“มันเสี่ยงมากนะ แต่ก็เป็นความคิดที่ใช้ได้ แกลองให้คนไปจัดการดูก่อน แต่อย่าพึ่งผลีผลามล่ะ ค่อย ๆ ดูลาดเลาไปก่อน” อาร์เดนเห็นด้วยกับความคิดของมาติน แต่ก็ยังกังวลผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะถ้าหากพลาดแม้แต่นิดเดียว นอกจากที่เขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนลอบสังหารพ่อของเขาแล้วลูกน้องที่เข้าไปสืบข้อมูลอาจจะถูกฆ่าตายไปด้วย
“ว่าแต่ แล้วที่คาสิโนช่วงนี้เป็นไงบ้าง” อาร์เดนเงยหน้าขึ้นมาถามลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง
เพราะช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่งอยู่กับการซื้อขายอาวุธกับลูกค้าทางอเมริกาเลยไม่มีเวลาเข้าไปดูที่คาสิโนด้วยตนเอง
“ก็ดีครับคุณท่าน ลูกค้าเศรษฐีรายใหญ่ที่เคยไปเล่นที่คาสิโนของเดอะไลอ้อน ตอนนี้หันมาเล่นที่เราเยอะขึ้นครับ นี่รายงานฉบับย่อครับ” ลูกน้องคนสนิทตอบกลับพร้อมกับยื่นแท็บเล็ตที่เปิดไฟล์เอกสารไว้ให้อาร์เดนดู
“อืม ดี งั้นแกก็จัดคนเข้าไปดูแลเพิ่มสักหน่อยนะ ฉันกลัวว่าไอ้พวกนั้นจะมาป่วน เดี๋ยวลูกค้าจะหนีหายไปหมด” อาร์เดนวางแท็บเล็ตคืนให้ลูกน้องแล้วก็สั่งงานเพิ่ม
“ได้ครับคุณท่าน” มาตินโค้งหัวรับคำสั่งด้วยความเคารพ
“คุณท่านคะ หนูเอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” ขณะกำลังคุยกันอยู่ เสียงใส ๆ ของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของผ้าผ่าน อาร์เดนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานทันที
“เดี๋ยวครับ คุณท่านจะไปไหนครับ” มาตินถามเจ้านายด้วยความสงสัย
“ก็จะไปกินข้าวไง นี่แกหูหนวกเหรอ ไม่ได้ยินเหรอว่าหนูพิมพ์บอกว่าเอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟ” คำตอบของอาร์เดนยิ่งทำให้มาตินสงสัยหนักเข้าไปอีก จะไปทานข้าวเย็นน่ะเขาพอเข้าใจ แต่ปกติอาร์เดนจะรอให้แม่บ้านที่ยกอาหารมาเสิร์ฟออกไปก่อนค่อยทานเพราะไม่ชอบให้ใครเห็นหน้าตัวเอง แต่นี่ดูท่าทางรีบร้อน แถมยังเรียกแม่บ้านคนใหม่ว่าหนูพิมพ์อีก
“วันนี้มีอะไรกินบ้าง”
“วันนี้มีปลาเปรี้ยวหวาน แกงเผ็ดเนื้อ แล้วก็ต้มจืดค่ะ”
“น่าอร่อยดีนะ”
“รับรองว่าอร่อยทุกเมนูค่ะ เพราะหนูทำเองทุกอย่างเลยค่ะ”
มาตินได้แต่ยืนฟังบทสนทนาอยู่ใกล้ ๆ มันแปลก แปลกมากจริง ๆ ที่คุณท่านของเขาจะคุยกับเด็กรับใช้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้แถมยังมีรอยยิ้มเล็ก ๆ นั่นอีก มันผิดปกติเกินไป
“จะยืนอยู่ทำไมอีก สั่งงานอะไรก็รีบไปทำสักทีสิ” คนตัวโตนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารหันไปถลึงตาใส่ลูกน้องที่ยืนทำหน้ามึนงงอยู่ข้าง ๆ
“ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับคุณท่าน” มาตินโค้งหัวทำความเคารพแล้วก็รีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“มือเป็นไงบ้าง หายดีหรือยัง มาให้ฉันดูหน่อย” เสียงเข้มใส่ลูกน้องแต่หันมาเสียงอ่อนกับแม่บ้านตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน หายดีแล้วค่ะ” พิมพ์มาดาโบกไม้โบกมือปฏิเสธเมื่อเห็นว่าอาร์เดนยื่นมือมาจะจับมือเธอ
“พิมพ์มาดา อย่าดื้อ ส่งมือเธอมานี่” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายเริ่มเสียงเข้มใส่ พิมพ์มาดาก็เลยยอมยื่นมือเล็กไปให้เขาดูตามคำสั่ง
อาร์เดนจับมือเธอขึ้นมาดูอย่างแผ่วเบา ท่าทีของเขาทำให้หญิงสาวเจ้าของมือเล็กนั้นร้อนผ่าวไปทั้งหน้าราวกับเป็นไข้หวัด
“หายดีแล้วจริง ๆ ด้วย ทีหลังก็ระวังหน่อยล่ะ เดี๋ยวจะเจ็บตัวอีก”
“ค่ะ คุณท่าน” พิมพ์มาดาก้มหน้าก้มตาตอบ ตรงกันข้ามกับอาร์เดนที่จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเหมือนกับกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง นัยน์ตาสีน้ำตาลเทานั้นแวววับราวกับงูที่กำลังจ้องจะฉกเหยื่อ
“เธอกินข้าวเย็นมาหรือยัง ปกติกินตอนกี่โมง” ระหว่างที่กำลังตักอาหารเข้าปากอาร์เดนก็ถามพิมพ์มาดาขึ้นมา
“ปกติหนูจะกินจากบ้านก่อนมาทำงานค่ะ” พิมพ์มาดายังก้มหน้าก้มตาตอบคำถามอยู่เช่นเดิม
“กินเร็วขนาดนั้น กว่าจะถึงเวลาเลิกงานเธอคงหิวแย่ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จัดจานมาสองชุด เธอก็มากินข้าวเย็นกับฉันที่นี่ก็แล้วกัน” ดวงตากลมโตเงยขึ้นมาสบตาของอาร์เดนอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่นัก
“จะ จะดีเหรอคะ หนูกลัวคนอื่นจะมองไม่ดีน่ะค่ะ” เธอเพิ่งจะมาใหม่ หากแม่บ้านคนอื่นรู้ว่าคุณท่านให้เธอมาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยคงจะไม่ดีเป็นแน่ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องเกิดราวเขม่นหมั่นไส้กันซะเปล่า
“คำสั่งของฉันใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอก นอกเสียจากเธอไม่อยากจะกินข้าวกับฉัน”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ หนูก็แค่เกรงใจค่ะ คุณท่านเป็นเจ้านาย หนูเป็นเพียงแม่บ้าน มันดูไม่เหมาะค่ะ” พิมพ์มาดาละล่ำละลักตอบด้วยท่าทีร้อนรน เธอไม่ได้มีเจตนาหมายความอย่างที่เขาว่า เพียงแต่ไม่อยากให้แม่บ้านคนอื่นมองเธอไม่ดีก็เท่านั้น
“เธอยังจำเอกสารตอนที่เซ็นสัญญาได้หรือเปล่า”
“จำได้ค่ะ ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า ...ลักษณะงานมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับคำสั่งของคุณท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น..ค่ะ” พิมพ์มาดาทวนข้อความที่อยู่ในเอกสารเซ็นสัญญาให้อาร์เดนฟัง
“จำได้ก็ดี จากนี้ไปงานของเธอก็คือการที่ต้องมากินข้าวเย็นกับฉันทุกวัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะคุณท่าน” ถึงในใจอยากจะปฏิเสธเขามากแค่ไหน แต่เธอก็เป็นคนเซ็นเอกสารใบนั้นเองกับมือ เธอจึงทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น
อาร์เดนทานอาหารเย็นหมดเกลี้ยงเหมือนกับทุกวันที่เธอเอามาเสิร์ฟ ช้อนส้อมถูกวางรวบเข้าหากันอย่างเรียบร้อย ใบหน้าคมเข้มเงยขึ้นมามองหญิงสาวที่ยืนรอเก็บจานอยู่ สายตาของเขานั้นทำเอาพิมพ์มาดาต้องรีบหลบสายตาทันที เพราะดวงตาคู่นั้นมันเหมือนกับมีพลังที่สามารถดูดกลืนสติของเธอให้ล่องลอย
“พรุ่งนี้เธออยากกินอะไรก็ทำอย่างนั้นมา ฉันกินได้ทุกอย่างไม่เรื่องมาก” จู่ ๆ เขาก็ออกคำสั่งแปลก ๆ มีอย่างที่ไหนให้ทำอาหารตามที่คนใช้ชอบกิน
“แต่หนูว่ามันจะไม่ค่อยดีนะคะ เพราะว่าอาหารที่หนูชอบกินส่วนมากมันก็เป็นอาหารพื้นบ้านธรรมดา ๆ หนูเกรงว่าคุณท่านจะทานไม่ลงค่ะ” พิมพ์มาดาบอกเขาไปตามความจริง หากให้เธอทำเมนูที่ชอบกินมาเสิร์ฟ เกรงว่าคุณท่านของเธอจะพาลหน้ามืดเอาเสียก่อน
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ตกลงพรุ่งนี้ทำอาหารที่เธอชอบกินที่สุดมาให้ฉันลอง 3 อย่าง นี่คือคำสั่ง เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากออกมาจากห้องของคุณท่าน พิมพ์มาดาก็มานั่งครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับเมนูอาหารพรุ่งนี้ดี หากว่าทำสิ่งที่เธอชอบจริง ๆ เขาจะทานได้หรือเปล่านะ แต่นั่นก็ดันเป็นคำสั่งของเขาเสียด้วยสิ
“เอาก็เอา ถ้าเห็นเมนูแล้วเป็นลมจะมาโทษหนูไม่ได้นะคะคุณท่าน” พิมพ์มาดาจดรายการวัตถุดิบที่จะต้องซื้อลงกระดาษแล้วเอาไปติดไว้ตรงกระดานโน้ตอย่างเช่นทุกวัน
//////////////