หญิงสาวจงใจเหน็บแรงๆ รู้ว่าเขามีเรื่องกับพี่ชาย รู้ว่าเขาจงใจแกล้ง แต่เธอก็จะไม่ยอมเป็นคนตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวเด็ดขาด
“เธอ” ชายหนุ่มขึ้นเสียง “เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังคุยกับใคร”
หญิงสาวยิ้มอ่อน “ทราบค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะคะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับเดินออกไป ทอดน่องชมความงามของแปลงกุหลาบยามเย็นอย่างมีความสุข คนงานกำลังเก็บอุปกรณ์เครื่องมือหลังจบเวลางานของวัน
ชายหนุ่มเดินหัวเสียไปหาคนงานอีกฝั่ง แต่สายตาก็ยังเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะ ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ เดินมายืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวที่ยืนกอดอกมองแปลงกุหลาบอย่างมีความสุข ไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างสักนิด
“วันนี้นัดใครไว้อีกล่ะ...ถึงได้มาเดินทอดน่องชมวิวอยู่กลางไร่ในเวลาขนาดนี้” เจ้าของไร่ไม่วายปากเสียเหมือนเดิม ตั้งใจเดินวนกลับมาหาเรื่อง
“คิดว่า...ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องป่าวประกาศบอกใครนะ”
“ก้องหล้า หัวหน้าคนงานแปลงปลูก หัวหน้าคนงานตัดดอก หัวหน้าคลังปุ๋ย หรือว่าระดับคนงานล่ะ” ชายหนุ่มยังเดาต่ออย่างยียวน
หญิงสาวหันกลับมายิ้มอ่อน ใบหน้าเหนื่อยหน่ายเพลียใจกับความคิดของเขา แต่จะให้ปฏิเสธหรือแก้ตัว เขาก็ไม่มีวันเชื่อ
“ไม่น่าเชื่อว่า...พ่อเลี้ยงจะมาสนใจลูกจ้างอย่างฉัน ถึงขนาดต้องแอบดูว่าคุยกับใครบ้าง ต้องขอบคุณในความใส่ใจจริงๆ แต่วันนี้...มันหมดเวลาทำงานของฉันแล้ว ฉันจะนัดกับใคร จะร่าน จะแรด หรือจะอะไรต่อมิอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับใคร ขอตัวอีกครั้ง!” ปารวีทิ้งเสียงหนัก ผลักอกแกร่งของเขาเปิดทางแล้วเดินออกไปทันที
เจอคำตอบกลับ พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับจุก พอตั้งสติได้เขาก็โวยวายเรียกหญิงสาวที่เดินออกไปเสียงดัง
“นี่! หยุดตรงนั้นเลยนะ เธอจะรีบไปไหนล่ะ จะไม่อยู่คุยกับนายจ้างก่อนหรือ คอยแต่หลบหน้า นานๆ จะได้เจอกันเสียที”
“นายจ้างหน้าเลือด ปากชักโครกห่างเป็ดโปรอย่างคุณ...แค่เสี้ยวนาทีที่เจอ...ก็ถือว่าเป็นเป็นมลพิษทางอารมณ์ และความโชคร้ายใหญ่หลวง ที่ฉันไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน”
“ยังไง” ชายหนุ่มถามอย่างไม่พอใจ
“ก็ทำให้เสียสุขภาพจิต หน้าแก่ลงเป็นปี แค่เสวนาด้วยไม่กี่คำ ฉันไม่อยากต้องหาเครื่องบำรุงมากมาย ทั้งที่มันมีทางออกอีกเยอะแยะที่จะหลีกเลี่ยง และที่ง่ายที่สุดที่ฉันจะทำ อย่างเช่น...ออกไปจากที่ที่มีมลพิษ”
“ไม่เหมือนไปกับคนอื่นสินะ ไปกันได้ยันเช้า...ถึงไหนกันแล้วล่ะ! แค่ซบอกหรือมากไปกว่านั้น”
“ค่ะ...ถ้ามีความสุข จะถึงไหนต่อไหนก็มีความสุข แล้วก็คิดว่า...ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ถ้าจะซบอกใคร...นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนคุณเหมือนกัน เพราะอกนั้น...คงไม่ใช่อกผู้ชายปากโสโครกอย่างคุณ” หญิงสาวตอบกลับมาได้เผ็ดร้อน ไม่ลดราวาศอกเลยสักนิด แต่เป็นคนที่เป็นคนหาเรื่องก่อนเสียอีกที่เดือดปุดๆ ไฟในดวงตาลุกโชนแทบเผาไหม้
“ทีกับคนอื่นทำเป็นพูดด้วยดียิ้มแย้มแจ่มใส ฉันเป็นเจ้านายแท้ๆ กลับมาตีหน้ายักษ์ใส่แบบนี้ ลูกจ้างที่ไหนเขาทำกันบ้าง”
“ลูกจ้างอย่างฉันนี่ละค่ะ ถ้าคุณอยากให้ฉันพูดดีด้วย กรุณาช่วยลดความปากสุนัขลงบ้าง หรือถ้าคิดว่าทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง ฉันก็พร้อมที่จะไปได้ทุกเมื่อ บอกมาได้เสมอ ถ้าคุณต้องการ...ขอตัวอีกครั้ง! และคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของวันนี้” ปารวีทิ้งคำพูดสุดท้ายเสียงหนัก เธอเดินหน้าตึงออกไปทันที ทิ้งให้คนชอบหาเรื่องยืนหน้าหงิกมองตามอย่างไม่พอใจ
“กลับมาคุยก่อนนะปารวี ไม่ต้องมาเดินหนีอย่างนี้”
“กรุณาสั่งเฉพาะในเวลางาน เลิกงานแล้ว ดิฉันต้องไปอ่อยผู้ชายต่อ...ไม่ว่าง!” ปารวีตอกกลับ คนหาเรื่องยิ่งโมโหหนักขึ้น ที่ไม่เคยทำอะไรเธอได้สักที
คนที่ถูกตอกหน้าแล้วเดินหนีเหมือนทุกครั้งได้แต่ยืนโมโหที่ทำอะไรเธอไม่ได้อีกแล้ว เขาจะทำให้ปรินทร์เจ็บปวด แต่แค่น้องสาวของศัตรูเขายังทำอะไรเธอไม่ได้เลย
เย็นย่ำยามค่อนค่ำโพล้เพล้ ในวันเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไป วันนี้หลังจากเวลาเลิกงานของเธอปารวี เธอเดินเรื่อยๆ จนมาถึงกลางไร่กุหลาบ ตอนแรกเธอก็อยากจะไปหน้าผาเหมือนกัน แต่ก็กลัวเขาไปตามหาเรื่องอีก เธอเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวอย่างชาวเหนืออย่างไม่ได้ตั้งใจ
ชายหนุ่มชาวไร่ อยู่ในชุดเสื้อคอกลมสีขาวที่เธอเห็นเป็นประจำ สวมทับด้วยเสื้อยีนแขนยาวสีน้ำเงินเข้มพับแขนขึ้นมาลวกๆ เหนือข้อศอก ปล่อยชายเสื้อออกมานอกกางเกงยีนสีเดียวกัน เสี้ยวหน้าขาวคมเข้มที่มีไรหนวดเข้มๆ เหมือนไม่ได้การดูแลมานานหลายวัน แต่ก็รับกับสันจมูกโด่งได้รูป แต่น่าเสียดายที่นัยน์ตาคมถูกซ่อนอยู่ในเรย์แบนสีชาดูเข้ม หากแต่สะดุดตาของสาวๆ ไปอีกแบบ
พ่อเลี้ยงธามส์กำลังยุ่งกับการคุมคนงานตัดดอกกุหลาบเข้าโรงงาน โดยไม่รู้เลยว่าภาพนั้นอยู่ในสายตาคมเฉี่ยวคู่หนึ่งที่แอบมองเขาทำงานอยู่
“ตอนทำงานไม่ปากร้ายก็ดูดีอยู่หรอกนะพ่อเลี้ยงธามส์” หญิงสาวบอกเบาๆ ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มทำงานเงียบๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลย...และเย็นย่ำลงจึงเดินกลับไปทางเดิมที่เธอเดินมา
พระอาทิตย์ยามเช้าในไร่ขึ้นพ้นทิวไม้ในวันต่อมา นกกาบินว่อนออกไปหากิน อยู่ๆ ก็มีเสียงกรี๊ดของปารวีที่ร้องเสียงดังลั่น พร้อมกับกลิ้งลงเนินเขาไปกับก้องหล้า อยู่ห่างไม่ไกลกับที่พ่อเลี้ยงธามส์ยืนอยู่
กรี๊ดด!
พอได้ยินเสียงร้องชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที
“เกิดอะไรขึ้น” พ่อเลี้ยงธามส์ถามขึ้นทันทีที่วิ่งมาถึง ทว่าคนงานที่ยืนมุงดูก็ต่างเงียบ ไม่มีใครให้คำตอบเจ้านายหนุ่มได้สักคน ชายหนุ่มวิ่งตามสองร่างที่พันเกี่ยวกันลงไปข้างล่าง
พอเมธาวีรู้ว่าคนในไร่ชื่นชมปารวีเธอก็ยิ่งเคียดแค้นหนัก สบโอกาสเหมาะ เธอก็มาหางานให้ปารวีเพิ่มเสียหน่อย
“หึ...โชคดีนะ ฉันมาช่วยสร้างงานสร้าง สร้างความวุ่นวายให้เธอได้สนุกกันเล่นๆ ถ้าเธอจากไร่นี้ไปเมื่อไร ฉันคงจะหมดสนุกวันนั้น” เมธาวียิ้มเยาะปารวีที่กลิ้งลงไปเพราะงูปลอมที่เธอโยนให้ตอนที่เธอเผลอ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกจากตรงนั้นไปโดยที่ใครไม่ได้สังเกตเห็น