ก้องหล้าวิ่งมาถึงก่อน เขารีบวิ่งไปประคองปารวีลุกขึ้น ชายหนุ่มช่วยปัดเศษหญ้าออกจากตัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เจ้าของไร่วิ่งตามเสียงมาติดๆ ยิ่งเห็นแบบนั้นเจ้าของไร่ก็ยิ่งเดือดพล่าน เดินเข้าไปกระชากแขนของหญิงสาวที่เกาะไหล่ของก้องหล้าออกอย่างแรง
“ถ้าเธอเอาเวลาไปใส่ใจงาน เหมือนเอาเวลามาทำอย่างนี้เรียกร้องความสนใจคงดี” ชายหนุ่มมองหญิงสาวเหยียดๆ
“อ้อ! ฉันลืมไปว่าไอ้เรื่องแบบนี้เป็นงานถนัดของเธอมากที่สุด แต่ช่วยไปทำที่อื่นได้ไหม ไม่ใช่กลางไร่อย่างนี้”
“คุณดูถูกฉันมากไปแล้วนะ...หยาบคาย ปากเสียไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ ไม่ว่าจะเวลาไหน”
“ใช่! ฉันก็คิดว่าฉันดูเธอถูก คุณปารวี เธอเองก็เคยบอกไม่ใช่หรือ ถ้าไม่อยากให้ดูผิดก็กรุณาทำงานให้ได้ประสิทธิภาพเหมือนโปรยเสน่ห์กับผู้ชายด้วยก็จะดีมาก” ชายหนุ่มต่อว่า
หญิงสาวเชิดคอขึ้นมามองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “มันใช่เวลาที่ต้องมายืนด่าฉันไหม เอาเวลาของคุณไปทำงานเถอะ เวลาที่เสียไปเมื่อครู่ ฉันจะชดเชยเป็นล่วงเวลาให้จนถึงเย็น จบไหมคะ”
“มันสะกิดใจผู้หญิงเธอขึ้นมาละสิ ถึงได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างนี้”
“แล้วคุณรู้จักฉันดีพอแล้วหรือ”
“รู้สิ...มากเสียจนขยะแขยง” ชายหนุ่มเน้นเสียง
ก้องหล้าขยับตามเข้ามาเมื่อเห็นว่าสองคนกำลังถกเถียงไม่ยอมกัน และเพื่อนของเขาก็ชวนหาเรื่องมากกว่าคุยดีๆ
“มันจะมากไปแล้วนะธามส์ แกก็รู้นี่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ใครที่ไหนจะอยากกลิ้งลงเนินให้เจ็บตัวฟรีล่ะ แกจะอะไรนักหนาวะ จะถามไถ่เรื่องราวก่อนไม่ได้หรือยังไง” ก้องหล้าต่อว่าเพื่อนที่ว่าปารวีเกินกว่าเหตุ แต่พอเจ้าของไร่เห็นเพื่อนออกรับแทนหญิงสาวก็หน้าหงิกไม่พอใจ
“ดีนี่...ตอนนี้มีคนถือหางคอยออกรับแทน ไปนั่งคุย นอนคุยกันมาแล้วนิ” พ่อเลี้ยงธามส์ยังแขวะไม่เลิก ไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น อารมณ์ยังขุ่นมัวกับเรื่องวันก่อนที่เห็นเพื่อนกับหญิงสาวหายหันไปยันเช้า แล้วยิ่งก้องหล้ามาออกรับแทนเธออีก มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดไปกันใหญ่
ก้องหล้าซัดหมัดกระแทกปากพ่อเลี้ยงหนุ่มโครมใหญ่ เขาไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำพูดหยาบคายออกมาจากเพื่อนของเขาคนนี้
“ถ้าแกไม่ให้เกียรติคุณรวี แกก็น่าจะรู้จักฉันดี!”
มือของก้องหล้ายังกำหมัดแน่นค้างเอาไว้ ริมฝีปากสั่นจนเจ้าของต้องขบเม้มเอาไว้
ปาวรีเห็นเรื่องราวจะบานปลายก็แตะแขนก้องหล้าเอาไว้
“พอเถอะค่ะคุณก้อง คนพรรค์นี้ลองได้คิดแต่เรื่องต่ำๆ คุณจะฉุด จะดึง จะลาก ก็เหนื่อยเปล่า”
หญิงสาวบอกก้องหล้าก่อนที่จะหันกลับไปถามเจ้านายหนุ่ม
“คุณมีเรื่องจะต่อว่าดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้ทำงานต่อ เจ้านายก็ควรจะเลิกเห่าเสียที ถ้าจะเห่าต่อ...ฉันก็ขอตัวค่ะ” ปารวีเหน็บพ่อเลี้ยงธามส์ แล้วหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่สนใจคนโดนว่าที่โกรธหน้าเขียวหน้าเหลืองตรงหน้าแม้แต่น้อย ความโกรธของเธอที่มีตอนนี้กลบความเจ็บปวดเอาไว้สนิท
“มันจะมากไปแล้วนะ เธอเปรียบเทียบฉันเป็นหมาเลยรึ!” ชายหนุ่มตะโกนถามตามหลังไป หญิงสาวชะงักขาหันกลับมาตอบ
“ค่ะ! แล้วที่จำได้...ก็เคยว่ามาแล้วหลายครั้ง ฉันก็เห็นคุณยอมรับทุกครั้งนะคะพ่อเลี้ยง ขอตัวอีกครั้งค่ะ” คราวนี้ปารวีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มและสุภาพ ทว่าแววตากลับทิ้งรอยเยาะไว้ในทีและเดินออกจากตรงนั้นไป
“ฮึฮึ...” ก้องหล้าขำในลำคอ เดินจากตรงนั้นไปคนละทางกับหญิงสาว เขาไม่ได้โกรธเพื่อนและไม่เห็นใครที่ทำให้เพื่อนเขาโกรธเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา สงสัยจะเจอมวยถูกคู่แล้วจริงๆ
พ่อเลี้ยงธามส์ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวลงที่คนงานที่ยืนมองอยู่ “ไม่อยากมีงานทำแล้วใช่ไหม” กลุ่มคนงานสลายม็อบทันทีที่สิ้นเสียงก้องคำรามของเจ้าของไร่
ชายหนุ่มเดินออกไปอย่างหัวเสีย ทำไมเขาจะต้องหงุดหงิดที่แกล้งหรือทำอะไรยัยนั่นไม่ได้สักทีด้วยนะ ทำไมคนที่นี่ต้องหลงเสน่ห์จอมปลอมที่แม่นั่นฉาบตัวไว้ด้วย
เจ้าของไร่เดินหัวเสียมาถึงปลายไร่กุหลาบ ก็ยังได้ยินคนงานในไร่ต่างก็ชื่นชมปารวี ว่าทั้งสวยและแสนดี เธอไม่มีอาการหยิ่งหรือถือตัวเลยสักนิด พวกเขาไม่รู้เลยว่าพายุกำลังจะมาในไม่ช้า
‘หึ! แม่นางฟ้านางสวรรค์ ชื่นชมกันเข้าไป’ อารมณ์พาลไปลงกับคนงานต่อ
“มาสุมหัวทำอะไรกันฮ้า! งานการไม่มีทำเลยหรือไง”
“คือพวกเรากำลังพูดถึงคุณรวีครับพ่อเลี้ยง เมื่อหลายวันลูกผมไข้ขึ้นสูง เธอยังมีน้ำในเอายามาให้ที่แคมป์คนงาน ยิ่งรู้ว่าเธอไปซื้อยาในเมืองมาให้อีก ผมก็ยิ่งประทับใจ นางฟ้าจริงๆ” คนงานหนุ่มเล่าเรื่องที่กำลังคุยกันให้พ่อเลี้ยงหนุ่มฟัง แต่คนฟังกลับคราง ฮึ่ม
‘แม่ตัวดี เป็นเจ้าของไร่หรือไงถึงได้ทำตัวเป็นนางฟ้าช่วยเหลือคนไปทั่ว’
“ไปทำงานกันได้แล้วไป๊! ถ้าฉันไล่ออก ไม่ว่านางฟ้าหรือนางสวรรค์ที่ไหนก็ช่วยพวกแกไม่ได้ หรือจะลอง” เจ้าของไร่ที่อารมณ์กำลังเดือดขู่เสียงเข้มดุดัน ได้ผลเกินคาด...
“ไม่ครับพ่อเลี้ยง ไปแล้วครับ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” หัวหน้าคนงานหันมาสั่งคนงาน ก่อนที่ม็อบขนาดย่อมสลายไปในพริบตา
“ดีนี่!..มาอยู่ในไร่ได้ไม่นาน เธอก็กุมหัวใจคนทั้งไร่ ไม่ว่าจะเป็นคนงานในโรงงาน คนงานในไร่ ก้องหล้า หรือแม้กระทั่งรษากับแม่นิ่มที่พวกเขาพูดถึงและชื่นชมเธอ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอใช้มารยาอะไรมาหลอกล่อพวกนั้น...ปารวี” พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ ไล่หลังคนงานที่เดินออกไปทำงานแล้ว
ค่ำคืนเดือนแรม...ปารวียืนมองแสงดาวทอประกายบนท้องฟ้า บ้านพักคนงานเริ่มมีเพื่อนข้างห้องมาพักบ้าง แต่เธอก็ชอบความเงียบเดินเลี่ยงออกมามองดาวตรงนี้บ่อยๆ
ในวันที่มีดวงดาวยังความหม่นเศร้าให้เธอเสมอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันยังคงกะพริบอวดแสงที่หลงเหลืออยู่ของมันเสมอ
“ดาวจ๋า...ฉันรู้ว่าเธอเคยทุกข์มากกว่าฉัน ฉันอยากถามเธอสักครั้งว่า...เธอเคยเหนื่อยบ้างไหม...ที่เธอเหมือนต้องทนฝืนกะพริบแสงรอบตัวตลอดเวลา ทั้งที่เธอเองก็ผ่านการเจ็บปวดมากมาย แต่ฉันต้องขอบคุณเธอนะ...ที่อย่างน้อยแสงของเธอก็ช่วยให้ฉันคลายความหมองเศร้าของฉันลงได้บ้าง ในวันที่ฉันมองไม่เห็นใครสักคน..ฉันก็ยังมีเธอเป็นเพื่อน เพื่อนที่อยู่เคียงข้างในวันที่ฉันเหงาอย่างนี้ ดาวจ๋า...วันนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันไม่รู้จะแบกรับความรู้สึกหนักอึ้งอย่างนี้ไปได้นานแค่ไหน”
“ถึงขนาดต้องมายืนวอนดาวเลยหรือ คนปากเก่ง...เมื่อเช้าหายไปไหนเสียล่ะ” วาจาที่ออกมาจากปากหนาของเขายังเหน็บแนมและเสียดแทงเธอเหมือนทุกครั้ง
“คุณ!...พ่อเลี้ยงธามส์”
“ก็ฉันน่ะซิ หรือคิดว่าเป็นใครล่ะ ดีนะ...เช้าคนเย็นอีกคน ทำตัวสมกับเป็นลูกสาวเสี่ยคุมซ่องจริงๆ”