ปารวีเดินมาถึงสำนักงานอีกครั้งก็ใช้เวลาปาไปร่วมชั่วโมง ผิวบางที่ไม่เคยต้องแดดจัดกลางแจ้งนานแดงเถือก หน้ามืดเหมือนเธอกำลังจะเป็นลมแดด รวมถึงรอยโดนน้ำร้อนลวกก็เริ่มบวมเป่งแดงนูนขึ้นมา
ก้องหล้าละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว จังหวะที่ปารวีกำลังโงนเงนจะล้มก็ตกใจ รีบวิ่งไปหาหญิงสาวที่หน้าประตูสำนักงาน
“คุณรวี!” ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถามจบประโยค ร่างบางก็ทรุดฮวบลงทันที ก้องหล้าช้อนรับตัวไว้ได้ทัน เขามองหาคนรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก็ช้อนอุ้มหญิงสาวกลับเข้ามาในห้องทำงาน ปากก็เรียกหาดารินไปด้วย
“คุณดารินช่วยหายาดมให้หน่อย คุณรวีเป็นลมแดด” ดารินรีบวิ่งออกมาจากอีกห้องทันที
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ”
“เหมือนจะเป็นลม มียาดมไหม” ชายหนุ่มบอกโดยที่ไม่หันไปมองคู่สนทนา
“สักครู่นะคะ” หญิงสาวรีบกลับมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นยาดมให้ชายหนุ่ม หลังจากที่ก้องหล้าวางปารวีลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว ดารินวิ่งกลับออกไปหยิบผ้าเย็บมาเช็ดหน้าให้เธออีกครั้ง
“ฉันช่วยดีกว่าค่ะ” ดารินบอกเมื่อเห็นก้องหล้าเก้กัง ไม่กล้านั่งบนโซฟาเดียวกับปารวี คนตัวสูงยืนโก้งโค้งแลดูขัดตา
ก้องหล้าขยับหลีกทาง และถอยออกไปยืนอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ดารินปฐมพยาบาล
ความเย็นของผ้าและกลิ่นหอมของยาหอมสมุนไพรที่จ่ออยู่ที่จมูก เพียงไม่นานปารวีก็ปรือตาลืมขึ้นมามอง หญิงสาวไล้สายตามองเพดานอย่างไม่คุ้นชิน
“ตื่นแล้วหรือครับ เป็นอย่างไรบ้าง แล้วคุณทำไมต้องเดินมาอย่างนี้ ผิวโดนแดดเผาเกรียมหมดแล้ว” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ปลายเท้าของคนป่วยถามเป็นชุด ทันทีที่หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าหญิงสาวที่โดนถามกลับกวาดสายตามองหาชายหนุ่มเจ้าของไร่และถามหาเขาเป็นประโยคแรก
“พ่อเลี้ยงไม่อยู่หรือคะ”
“พ่อเลี้ยงไปในไร่ คุณรวีมีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ หญิงสาวตรงหน้าควรจะนอนพักที่บ้านพักมากกว่ามาเป็นลมแดดอยู่ที่นี่ เพราะกว่าโรงงานจะเดินสายการผลิตก็เหลือเวลาอีกสองสามวัน
“เฮ้อ!” ถอนหายใจหนักหน่วงออกมา เขาคิดว่าเธอเป็นนางเอกหนังหนังอินเดียหรืออย่างไรกัน ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้...บ้าอำนาจ แถมยังปากร้ายชะมัด
หญิงสาวดันตัวลุกขึ้น “ขอบคุณนะคะ ฉันเป็นอะไรหรือคะ” แทนที่จะตอบคำถาม แต่ปารวีกลับถามกลับ
“คุณเป็นลมแดดอยู่ที่หน้าสำนักงานครับ” ชายหนุ่มตอบ และเมื่อเห็นหญิงสาวเหม่อและเงียบไปก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “คุณยังไม่ตอบผมเลย...มาตามหาธามส์ทำไม ผมคิดว่าคุณพักผ่อนอยู่ห้องเสียอีก เมื่อเช้าผมยังสั่งคนงานเอาอาหารไปให้เลย”
“ก็เจ้านายทาสของรวีไปทุบประตูเรียกตั้งแต่ตีสี่ สั่งให้ขนของขึ้นรถ แล้วยังให้เดินกลับไปเอาข้าวมาให้อีก...แถมยังโดนแกล้งให้เดินไปที่ท้ายไร่อีกรอบ ไม่เจอเขาก็เดินมานี่ละค่ะ” หญิงสาวตอบชายหนุ่มกระทบกระเทียบอีกคน พอนึกถึงเขาเธอก็อดโมโหไม่ได้ พลางใช้ผ้าเย็นซับรอยแดงลดความปวดแสบที่มือสลับกับต้นขา
“ขากับมือคุณไปโดนอะไรครับ ขอโทษนะครับ...มือแดงเถือกเลย” ก้องหล้าถามพร้อมกับขออนุญาตจับมือหญิงสาวและพลิกข้อมือขึ้นมาดูรอบบวมแดง
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก คุณก้องหล้ามีงานอะไรให้รวีทำไหมคะ ขืนให้เดินไปตามเจ้านายอีกรอบคงคลาดกันอีกครั้ง รวีคงเดินสำรวจรอบไร่ได้ภายในวันเดียว” หญิงสาวตอบกลับไปแบบติดตลก ทั้งที่กำลังเดือดกับเจ้าของคำสั่งสุดขีด แต่จะมาลงที่คนอื่นก็ใช่เรื่อง
“ไม่มีหรอกครับ คุณรวีกลับไปพักที่ห้องเถอะ เดี๋ยวผมหายาให้แล้วไปส่งนะ รอสักครู่” ชายหนุ่มไม่รอคำตอบ พูดจบเขาก็เดินออกไปจัดยาตามที่บอกทันที
หลังจากก้องหล้าไปส่งปารวีที่ห้องและกลับมานั่งทำงานต่อได้ไม่นาน คนต้นเรื่องก็กลับมา คำถามแรกที่ออกจากปากทำเอาคนฟังมั่นใจว่าเขาจงใจแกล้งน้องสาวของศัตรู
“ผู้ช่วยฉันไปอู้ที่ไหนเสียล่ะ”
“เป็นลมแดด ฉันเพิ่งไปส่งที่ห้องมา” คนตอบ...ตอบกลับโดยที่ไม่หันไปมองหน้า เขายังให้ความใส่ใจเอกสารกองพะเนิน
“ฮึ! สำออย! แค่มารยาคิดจะอ่อยผู้ชาย” ชายหนุ่มเจ้าของไร่บอกพร้อมกับกระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้
“นายก็เหลือเกินจริงๆ นะธามส์ ฉันไม่คิดว่านายจะไร้เหตุผลขนาดนี้”
“ไร้เหตุผลอะไร อย่าบอกว่านายหลงมารยาผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว นายลืมแล้วหรือไงว่าไอ้ปรินทร์ทำอะไรกับฉันกับรษาไว้บ้าง”
“แล้วนายยังไม่ลืมหรือไง” ก้องหล้าถามกลับ “เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นปี แล้วฉันก็เห็นว่าคุณปรินทร์รักน้องรษาจริงๆ”
“ฮึ!” พ่อเลี้ยงธามส์ดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปอย่างหงุดหงิด เก็บความไม่พอใจสะสมขึ้นไปอีก
ปังๆๆ
ย้ำรุ่งของวันใหม่...เจ้านายสุดโหดก็มาทุบห้องเหมือนเดิม ต่างเวลาจากวันก่อน คนที่ได้พักเต็มที่มาตั้งแต่หัวค่ำตื่นเต็มตา หลังจากทานยาลดไข้ดักไว้อย่างที่ก้องหล้าแนะนำ และมันก็ได้ผลดีเยี่ยม หากไม่ได้เขานำยามาให้เมื่อคืน วันนี้เธอมีทางลุกไม่ขึ้นแน่นอน
หญิงสาวปล่อยให้อีกคนยืนทุบห้องอยู่นาน ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดต้อนรับเขา ทั้งตึกเธอพักอยู่คนเดียวคงจะไม่รบกวนใครในเวลาอย่างนี้ คนข้างนอกยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดมากขึ้น เธอเป็นแค่ลูกจ้างยังกล้าท้าทายเขาขนาดนี้
ปังๆๆ ชายหนุ่มเพิ่มแรงทุบ พร้อมกับตะโกนสั่งคนข้างในอย่างหัวเสีย “เปิดเดี๋ยวนี้นะ” แต่ประตูห้องก็ปิดสนิทเหมือนเดิม
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เปิดประตูห้องออกมา แกล้งอ้าปากหวอป้องปากหาวเหมือนเพิ่งตื่นนอน
“มีอะไรคะ...คุณเจ้านาย” หญิงสาวที่เปิดประตูออกมายักไหล่ถาม
“จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง นี่มันกี่โมงแล้ว” ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดูอย่างหัวเสีย
“โฮะ! เมื่อวานคุณเพิ่งบอกเองว่าเริ่มงานตอนตีสี่ทุกวัน นี่ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองนาที”
หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่กริ่งเกรง เธอยังคงใส่กางเกงขาสั้น อวดเรียวขาขาวสวยอย่างที่เธอชอบใส่เป็นประจำ ยิ่งมาอยู่เมืองร้อนอย่างนี้ด้วยแล้ว กางเกงขายาวหรือการแต่งตัวมืดชิดก็ลืมมันไปได้เลย สำหรับผู้หญิงขี้ร้อนอย่างเธอ
คนมาใหม่ไล่สายตาโลมเลียมองการแต่งตัวของหญิงสาว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหมือนทุกครั้ง เมื่อผิวผ่องสะท้อนแสงไฟเห็นรอยแดงจางๆ ที่ขาของเธอ ชายหนุ่มก็อดถามออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่วายกระทบกระแทกเหมือนเดิม
“แล้วนั่นขาไปโดนอะไรมาอีกล่ะ หรือว่าไปอ่อยใครจนได้เรื่อง”
“กรุณาอย่ามาสนใจเรื่องขา รวมทั้งเรื่องส่วนตัวของดิฉัน ฉันจะอ่อย จะมั่วกับใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ที่สำคัญรู้ไว้เพียงว่า มันไม่มีคนอย่างคุณรวมอยู่ในลิสต์แน่นอน แล้วอีกอย่าง...มันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานสักนิด” หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับเจ้าของไร่อย่างท้าทาย ไม่พอใจที่เขาดูถูกเธอ