“ยอมรับแล้วซิ” ชายหนุ่มเยาะเสียงขึ้นจมูก
“ค่ะ...สามวันที่เราเจอกัน ยังปากเสียเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิมนะ จะไปกันได้หรือยังคะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันอู้งานอีก!” ปารวีบอกเสียงสะบัดก่อนที่จะเดินออกไปก่อน เธอเดินเลยรถไปตามเส้นทางที่ไปเมื่อวาน ปล่อยให้คนถามยืนหัวเสียมองตามอย่างหงุดหงิดกับชุดที่เธอจะใส่ไปวันนี้
“นี่เธอ! อย่ามาด่าแล้วเดินหนีอย่างนี้นะ โถ่เว้ย!”
อีกคนที่เดินลงส้นปึงปังออกมาก็โมโหไม่แพ้กัน
“ผู้ชายปากคอมพอร์ทร้อย คอยดูเถอะ!...สักวันฉันจะทำให้จุกจนเห่าไม่ออก วันนี้ยิ้มกับชัยชนะไปก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มเดินไปกระชากหญิงสาวกลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง “มานี่”
“ปล่อยนะ...คุณจะทำอะไรฉัน” หญิงสาวสะบัดมือให้หลุด แต่ทว่าเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
“อย่าดิ้น...ไม่พาไปปล้ำหรอก แต่ถ้ายังพยศอยู่ก็ไม่แน่” ชายหนุ่มขู่...
“ฉันเจ็บ...แล้วคุณจะลากฉันไปไหน ไหนบอกว่ารีบ...แล้วจะมาว่าฉันอู้งานอีก”
“ใจคอจะไปในไร่ทั้งชุดอย่างนี้น่ะหรือ จะอ่อยคนทั้งไร่เลยหรือไง...ถ้าจะอ่อยจะยั่ว ก็เชิญที่อื่น ไม่ใช่ไร่ปกรัก” ชายหนุ่มบอกอย่างเดือดดาล เมื่อวานก็น่าจะรู้ผลไปแล้ว...ว่าอยู่ในไร่ทั้งชุดแบบนี้ไม่เหมาะสมนัก แดดก็แรงออกขนาดนั้น
“นั่นมันก็เรื่องของฉัน”
“อย่ามาเถียง...กลับไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม แววตาที่เขามองเธอแข็งกร้าวไม่แพ้น้ำเสียงสักนิด แม่รู้ว่าไม่เหมาะ แต่ความถือดีและอยากเอาชนะทำให้หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับ
“แต่ฉันพอใจจะสวมชุดนี้ ชุดนี้คงไม่ทำให้งานคุณเสียหาย”
“แต่ฉันสั่ง” ชายหนุ่มย้ำหนัก
หญิงสาวพ่นลมอย่างอ่อนใจ จำยอมบอกความจริง ดีกว่าจะยืนเถียงเขาอยู่อย่างนั้น “ฉันไม่มีชุดแบบที่คุณว่าหรอก คิดว่าต้องมาทำงานที่โรงงาน ก็มีแค่กระโปรงและถ้าจะออกไปในไร่ กางเกงแบบนี้น่าจะเหมาะมากกว่ากระโปรงที่ฉันมี คุณอยากได้คำตอบแบบนี้ใช่ไหม”
ชายหนุ่มไม่ตอบหรือถามอะไรต่อ เขาลากหญิงสาวที่ยังไม่ปล่อยมือไปที่รถ คนถูกลากไปลากมายิ่งแปลกใจไปกันใหญ่ เขาจะมาไม่ไหนกับเธอกันแน่
ชายหนุ่มขับรถมาถึงกลางไร่ พร้อมกับลากหญิงสาวลงมาอีกครั้ง ไร่กุหลาบยาวสุดลูกหูลูกตา ตั้งแต่เช้ามืดเธอต้องวิ่งตามแรงฉุดของเขาไปสั่งงานทั่วไร่ จนกระทั่งสายของวัน...ก็มาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ แปลงปลูกที่เธอยังไม่เคยได้เห็น
“แล้วโซนนี้ก็เป็นไร่กุหลาบเพื่อส่งโรงงาน เธอต้องมาดูแล ปรับปรุงผลิตผลกุหลาบแปลงนี้ และต้องพัฒนาและคัดสรรค์ดอกไม้เข้าโรงงานให้ได้คุณภาพและมาตรฐานที่สุด”
“แต่ฉันไม่เคยทำไร่...”
“ไม่เคย...ก็จะไม่เคยอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่ลอง แต่ถ้าถอดใจเสียก่อนที่จะผ่านทดลองงาน...ก็ไม่ว่านะ ผู้หญิงอย่างเธอคงหนีไม่พ้นงานสบาย” ชายหนุ่มเยาะ คำพูดของเขาเป็นเหมือนเกมแห่งศักดิ์ศรี
“ได้...แล้วคุณจะได้รู้จักคนอย่างฉัน”
“แล้ววันนี้...งานของเธอก็คือ เป็นผู้ช่วยนายปลั่งหัวหน้าคนงาน ลงแปลงปลูกและแยกความแตกต่างระหว่างกุหลาบแต่ละสายพันธุ์ ส่งรายงานเย็นนี้”
“หา!” หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ มองแปลงปลูกที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สลับกับต้นกล้านับพันที่วางเรียงราย
‘แกล้งกันชัดๆ มาทำน้ำหอม...ไม่ได้มาทำไร่สักหน่อย’
“คิดอยู่แล้ว...ว่าต้องทำไม่ได้” ชายหนุ่มว่าอีกครั้งเมื่อเห็นอาการเหวอเล็กๆ ของเธอ คนฟังพอได้ยินอย่างนั้นก็รีบแย่งแฟ้มในมือชายหนุ่มเดินเชิดหน้าลงไปในแปลงปลูกทันที
“ใครว่าละ...แค่นี้ลูกเจี๊ยบมาก” หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจ แต่พอพ้นจากชายหนุ่มเธอก็แอบเป่าลมออกจากปาก
หญิงสาวเดินตามหัวหน้าคนงานไปทั้งที่ไม่มีหมวกคลุมผม ทั้งนี้ก็เพราะอยากหลีกเลี่ยงการปะทะคารมกับชายหนุ่ม เธอไม่อยากต้องอารมณ์บูด ในบรรยากาศดีๆ แบบนี้ ถ้าไม่มีผู้ชายปากร้ายอย่างเขาสักคน เธอคงมีความสุขไม่น้อย
ทุกครั้งที่เจอ เธอจะต้องเจอวาจาถากถางแววตาดูหมิ่นอยู่ร่ำไป เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังอะไรเธอนักหน้า เธอไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรให้เขาโกรธก็ไม่รู้ เจอกันทีไรเป็นได้กัดจิกเหมือนไก่เจองูทุกทีสิน่า
หลังจากนั้นทั้งวัน เขาก็ไม่กลับมาเจอเธออีกเลย แม้แต่ข้าวเขาก็ไม่คิดจะใส่ใจถามเธอสักนิด พักเที่ยงเธอต้องตามคนงานไปทานข้าวที่โรงครัวของไร่ คนพามาไม่ได้คิดจะห่วงใยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะบอกหรือแนะนำก่อนไป
ช่วงบ่ายหญิงสาวกลับมาทำงานอีกครั้ง มีคนงานหนุ่มแวะมาทักทายเย้าแหย่ตามประสาตลอดทั้งวัน หญิงสาวเพียงยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้หรือพูดคุยกับใคร
กระทั่งเย็นย่ำพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปทุกที ขาและแขนของปารวีโดนหนามกุหลาบเกี่ยวเลือดซิบไปหลายที่ เธอคงจะแต่งตัวผิดกาลเทศะจริงๆ คงต้องขอให้ก้องหล้าพาเข้าเมืองไปหาซื้อชุดที่เหมาะสมสักวัน ทว่ายังดีที่คนงานยังมีน้ำใจ หาหมวกมาให้เธอได้พรางแดดบ้าง
“เฮ้อ” หญิงสาวยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ ยกแฟ้มขึ้นมาพัดให้ความเย็นกับตัวเอง เงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ อีกที เมื่อทำงานตามคำสั่งเสร็จ พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว หญิงสาวมองหาคนงานก็ไม่มีใครหลงเหลือสักคน คงจะเลิกงานและกลับกันไปหมดแล้ว
“เหลือเราคนเดียวหรือนี่”
หญิงสาวหันรีหันขวางหาทางกลับบ้านพัก เธอต้องรีบกลับก่อนที่แสงของวันจะหมดลง หญิงสาวก้าวเท้าเดินไปเร็วเท่าจังหวะความคิดของเธอ ระยะทางที่เดินบวกกับความเหนียวเหนอะหนะจากเรือนกายชุ่มเหงื่อ...ทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้นไปกว่าเดิม แฟ้มที่ถือมาถูกยกขึ้นพัดโบกให้ไอลมเย็นอีกครั้ง ยังดีที่พอแดดล่มลมตก ไอความร้อนแผดเผาเมื่อตอนกลางวันก็เลือนหายไปพร้อมกับแสงแห่งของวัน
“ไปอ่อยที่ไหนมาล่ะ ถึงได้กลับเอาป่านนี้...คงสนุกน่าดู เนื้อตัวถึงได้มอมแมม ถลอกปอกเปิกอย่างนี้”
ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงต้นไม่รออยู่ริมทางเดินทักขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเดินกลับมาคนเดียว...หลังจากล่วงเลยเวลาเลิกงานไปมากแล้ว เขาเองก็มายืนรออยู่ร่วมชั่วโมง
“ค่ะ สนุกมาก...ขาอ่อนจนแทบจะไม่มีแรงเดิน ขอบคุณนะคะที่ให้ฉันได้ทำงานกับผู้ชายหุ่นล่ำเกือบทั้งไร่” หญิงสาวตอบกลับ และเดินเลี่ยงออกไป
“เดี๋ยว!” ชายหนุ่มเรียกไว้ก่อน โมโหกับความถือดีของเธอ เหมือนหญิงสาวจะนึกขึ้นมาได้ เธอหันกลับมาพร้อมกับยัดแฟ้มใส่มือให้เขา
“นี่งานที่คุณสั่ง...หมดเวลางานของฉันแล้ว ถ้าจะสั่งอะไรก็รอวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”