เผียะ!
“หยาบคาย จะต่อว่าหรือเหยียบย่ำฉันอย่างไรก็ได้ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์พาดพิงถึงบุพการีของฉัน...เพราะถึงท่านจะเป็นอย่างไร ท่านก็ไปอยู่ในโลกภพอื่นแล้ว นี่หรือสิ่งที่คนมีการศึกษาเขาทำกัน” หญิงสาวแผดเสียงตอบกลับเขาด้วยความโกรธ กำมือแน่น ปากสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่เธอระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้
เสี้ยววินาทีของความโกรธของชายหนุ่มที่โดนตบ วงแขนแกร่งแข็งแรงกระชากร่างของหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดทันที แขนยาวของเขาโอบรัดรอบเอวบางแนบแน่น หน้าอกนุ่มของหญิงสาวบดเบียดแนบชิดแผงอกกำยำของเขา อีกทั้งจมูกโด่งยังเคลียคลออยู่ข้างแก้ม แนบชิดใบหูของเธอไม่ห่าง ชายหนุ่มกดเสียงต่ำตอบกลับเธอไป
“หลายครั้งแล้วนะที่เธอตบฉัน แล้วฉันก็เคยบอกเธอไปแล้ว เธอจะไม่ได้ตบฉันฟรีๆ อีก” สิ้นเสียงที่ผ่านออกมาจากริมฝีปาก เขาขยับวงแขนรัดร่างบางแน่นขึ้น ยกตัวเธอขึ้นพร้อมกดริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ จูบลงโทษคนอวดเก่งที่กล้าตบเขา ทั้งที่เขาประกาศไปหลายครั้งว่าห้าม แต่เธอยังกล้าดีท้าทายคำพูดของเขา
จูบดุดันเอาแต่ใจ ปราศจากความอ่อนหวานวาบหวามใจรสจูบแรก แต่ทว่า...คนจูบ จากที่เขาจะแค่ต้องการลงโทษ มันกลับเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา มันฮึกเหิมลำพอง ที่เห็นหญิงสาวร่างบางเงอะงะเหมือนเป็นจูบแรก
จูบที่เขาหาเหตุผลลึกๆ ให้ตัวเองไม่ได้
พ่อเลี้ยงธามส์ย่ามใจ ลิงโลด จากดุดันกลับกลายเป็นหยอกเย้า อ่อนหวาน ชายหนุ่มพยายามสอดแทรกลิ้นอุ่นเข้าไปดูดชิมความหวาน เหมือนคนป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลกำลังขึ้นสูง ต้องการความหวานอย่างหื่นกระหายในเสี้ยววินาที และเขาเริ่มติดใจกับมัน จนมิอาจหยุดบทลงโทษนี้ได้
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งใจคิด เมื่อร่างบางในอ้อมกอดของเขา คนเก่งที่เขามอบบทลงโทษให้เมื่อครู่ คนที่เคยอวดเก่ง ปากดีกับเขา เธออ่อนระทวยทรุดฮวบลงกับพื้น
“ปารวี!” ชายหนุ่มถอนริมฝีปากร้องเรียกคนในอ้อมแขน โอบสองมือรั้งตัวเธอเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้สติ ชายหนุ่มกวาดสายตามองฝ่าความมืดรอบๆ ก่อนจะตวัดเจ้าของร่างหอมเข้าไว้ในอ้อมแขน ช้อนอุ้มขึ้น
รอยยิ้มหยักลึกที่มุมปากหนาบางๆ พร้อมกับก้าวยาวๆ พาร่างหญิงสาวเดินเลี่ยงเรือนพักพนักงาน กลับไปที่เรือนใหญ่ทันที
เวลาดึกมากป่านนี้แล้ว....แม่นิ่มกับใบบัวคงหลับไปแล้ว หรือถ้าเขาจะพากลับไปที่พักของเธอก็ใช่ที่ ถ้าเกิดพนักงานเห็นเข้าจะเอาเธอไปนินทาเสียหายได้ พ่อเลี้ยงธามส์ตัดสินใจอุ้มปารวีไปยังห้องนอนของเขา เขาค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม ยิ้มบางๆ กับคนตรงหน้า
‘หึ!...ทำเป็นปากเก่ง ก๋ากั่น อวดดี แค่จูบเดียวถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลยหรือสาวน้อย เมื่อก่อนก็เห็นเป็นสาวแสบซ่าใช่เล่น’ ชายหนุ่มนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เขาเพิ่งแน่ใจว่าเธอเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงขี้เมาในงานปาร์ตี้วันนั้น แน่นอนว่าความทรงจำในวันนั้นไม่ดีสักเท่าไร
พ่อเลี้ยงธามส์เดินไปหยิบผ้าชุบน้ำ เช็ดหน้าให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ตรงข้ามกับวาจาที่พ่นออกมาจากปากเมื่อครู่เหมือนคนละคน แม้ผ้าเย็นเฉียบที่เช็ดลงที่ใบหน้าหญิงสาว แต่คนเป็นลมกลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมากับเวลาที่ดึกขึ้นไปทุกที
ชายหนุ่มทอดตัวนั่งพิงหัวเตียงลดความเหนื่อยล้า นานข้ามชั่วโมงกับความเย็นของค่ำคืน เขาค่อยๆ แทรกตัวเข้าในผ้าห่ม
คนตั้งใจนั่งรอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีตอนที่ตัวเองเผลอรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด กลิ่นกายหอมกรุ่นที่ติดปลายจมูก เพียงกลิ่นเดียวที่เขาไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหน ทั้งที่เขาอยู่กับวงการน้ำหอมมาหลายปี
ชายหนุ่มยกคอมองคนหลับ เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัว เขาก็ทิ้งตัวลงนอนข้างหมอนข้างใบนุ่มหอมกรุ่น
ค่อนรุ่งเสียงนกกระจิบส่งเสียงเรียกนอกหน้าต่าง มือหนาควานหาเจ้าของกลิ่นกายหอมกรุ่น กลิ่นที่ยังตราตรึงติดปลายจมูก ร่างนุ่มนิ่มที่ทำให้เขาหลับฝันดีทั้งคืน จนเขาแทบไม่อยากตื่นขึ้นมา แต่เขาก็พบเพียงความเย็นวาบของผ้าปูที่นอนข้างๆ กาย ทิ้งไว้เพียงรอยบุ๋มและกลิ่นกายหอมกรุ่นที่หมอน เป็นความรู้สึกเดียวที่ทำให้เขาได้รู้ว่า...เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ฝันไป
ชายหนุ่มยกคอขึ้นมองเพื่อย้ำความแน่ใจ
‘ลุกไปตอนไหนนะ’ ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ ทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลย ทั้งที่เขาเป็นคนรู้สึกตัวเร็วเสมอ
พ่อเลี้ยงธามส์ถลกผ้าห่มออก เด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอน รีบเดินไปอาบน้ำแต่งตัว ที่แรกที่เขาจะไปในวันนี้ก็คือเรือนพักคนงาน อีกใจก็อยากรอที่บ้าน เพราะปารวีต้องมาทานข้าวเช้าทุกวัน แต่วันนี้เขาเดาได้เลยว่าเธอจะต้องหลบหน้าเขา
ชายหนุ่มคิดถึงคนเมื่อคืนอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เขาอยากขอโทษในสิ่งที่เขาพูดและทำกับเธอเมื่อวาน เธอคงจะเกลียดเขามากขึ้นกว่าเดิมมากกว่า
เพียงแค่ก้าวลงมาจากบ้าน พ่อเลี้ยงธามส์ก็ได้ยินเสียงหัวหน้าคนงานในโรงงานเรียกมาแต่ไกล
“พ่อเลี้ยงครับ พ่อเลี้ยง!”
“มีอะไรหรือถนอม มาแต่เช้าเชียว” พ่อเลี้ยงธามส์ถามอย่างอารมณ์ดี ผิดกับวันก่อนลิบลับ ที่ปั่นป่วนวุ่นวายราวกับพายุลง
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ ตู้เก็บหัวเชื้อน้ำหอมคนงานใหม่เซ็ตอุณหภูมิผิดครับพ่อเลี้ยง”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน แต่แค่วันเดียวยังไม่เป็นไรมาก”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะซิครับ ผมว่าพ่อเลี้ยงไปดูเองดีกว่าครับ” ถนอมบอกพร้อมกับเดินนำไปที่รถที่ยังติดเครื่องรอ
พ่อเลี้ยงธามส์วิ่งตามคนงานไปที่รถทันที โดยที่เขาลืมเรื่องของปารวีไปเสียสนิท
โรงงานน้ำหอมเชิงเขา
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน นายก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่าหัวเชื้อน้ำหอมต้องเก็บในอุณหภูมิเท่าไร แล้วมันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร” พ่อเลี้ยงธามส์ถามพนักงานเสียงเครียด ปัญหาที่เขาเจอมันหนักกว่าที่เขาคิดไว้ก่อนที่จะมาถึงโรงงานจริงๆ อย่างที่คนงานบอก
“ผมสาบานได้ครับพ่อเลี้ยง ว่าผมเซ็ตอุณหภูมิตามที่แจ้งไว้ในรายงานจริงๆ ผมรู้ดีว่าน้ำหอมต้องเก็บในอุณหภูมิเท่าไร” คนงานบอกอย่างหวาดๆ สายตาที่เขามองมามันแทบกลืนเขาได้
“ฉันถือว่านั่นเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ นะ” พ่อเลี้ยงธามส์ตอบกลับคนงานเสียงเรียบ ทว่าทรงอำนาจ แล้วหันไปสั่งผู้จัดการโรงงาน ด้วยน้ำเสียงไม่แพ้กัน แต่ทว่าแววตาของเขาตอนนี้...ไม่ได้ราบเรียบเหมือนน้ำเสียงของเขาเลยสักนิด มันพร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างให้วอดวายเป็นจุณ มันทำเอาทุกคนที่ได้เห็นถึงกับขนลุกซู่
“ก้อง!...แกลองเช็กรายงานจากเครื่องสิ ว่านานเท่าไรแล้วที่น้ำหอมทั้งหมดเก็บในอุณหภูมิเกือบห้าสิบองศาอย่างนี้ ถ้าอยู่ในเวลาไม่นานมากนัก คิดว่าไม่มีผลเสียหายมากเท่าไร เราพอที่จะแก้ไขได้” ก้องหล้าที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับทันที เขากับเพื่อนลืมเรื่องบาดหมางไปเสียสนิท คงเป็นจริงอย่างที่เพื่อนเขาว่า เขาน่าจะรู้ดีกว่าใคร ว่าก้องหล้าเป็นคนอย่างไร
“จากรายงานเครื่องถูกเซ็ตอุณหภูมิครั้งสุดท้ายตอนเที่ยงคืนสิบห้านาที” ก้องหล้าเงยหน้าขึ้นมาบอกเพื่อน หลังจากที่เขาเช็กเรียบร้อย พ่อเลี้ยงธามส์พยักหน้าเข้าใจ...คงจะไม่มีปัญหาอะไร เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง
“เวลานั้นโรงงานปิดแล้ว มีใครออกจากห้องพักเวลานั้นหรือเปล่า” เขาถามเสียงเข้ม กวาดสายตาคมกร้าวมองแต่ละคนอย่างคาดคั้น