พนักงานทุกคนประสานมือไว้ที่หน้าตัก ก้มหน้าลงราวกับนัดกัน มีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ
“ว่าไง!” พ่อเลี้ยงธามส์คำรามลั่น
เมธาวีวิ่งหน้าตื่นเข้ามาที่โรงงาน พ่อเลี้ยงธามส์เหลือบหางตาไปมองอย่างไม่พอใจ พื้นที่ตรงนี้เวลานี้ไม่ใช่ของเมธาวี
“มีธุระอะไรที่นี่ เมธาวี” เขาถามเสียงเข้ม แววตาที่ทอดมองก็ไม่แพ้น้ำเสียง
พอเห็นหน้าพ่อเลี้ยงธามส์เคร่งเครียดเมธาวีก็อึกอัก แต่เธอก็พยายามเอาหน้ากับพ่อเลี้ยงธามส์
“คือเมนี่ได้ยินคนงานพูดกันว่าโรงงานมีปัญหา”
“แล้วมันเกี่ยวกับเธออย่างไร” เขาถามเสียงเข้มอีกครั้ง ไม่ได้ไว้หน้าว่าเธอเป็นเพื่อนของน้องสาวสักนิด
“ด้านหน้าโรงงานเขากำลังจับกลุ่มคุยกันว่าใครออกนอกบ้านพักเมื่อคืน” เมธาวีบอกเสียงอ่อย
“แล้วไง”
“คือ เมนี่ไม่รู้จะบอกพี่ธามส์หรือเปล่า”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว มีอะไรก็ว่ามาเมธาวี ไม่ต้องมาอ้ำๆ อึ้งๆ ฉันไม่มีเวลาว่างมากพอ และเธอก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้” พ่อเลี้ยงธามส์บอกเสียงเข้มกึ่งตำหนิ เมื่อเห็นว่าเมธาวีมีอาการเหมือนลังเล
ก้องหล้ามองหน้าเมธาวีเหมือนไม่ค่อยไว้ใจ เพราะเรื่องนี้เพิ่งจะรู้กันแค่ไม่กี่คน แล้วเมธาวีก็มาเร็วเกินกว่าคนนอกความรับผิดชอบจะรู้
“เมื่อคืนพนักงานที่บ้านพักบอกว่าคุณปารวีไม่อยู่ที่ห้อง เพิ่งจะกลับตอนรุ่งสางนี่เอง เมนี่ว่าเธอน่าสงสัยที่สุด เพราะเธอโดนพ่อเลี้ยงแกล้งหลายอย่างแล้วยังเป็นน้องสาวของคุณปรินทร์ด้วย เธออาจจะแก้แค้นก็ได้” เมธาวีบอกยาว
“งั้นหรือ”
“ดูเหมือนเธอจะลำดับเหตุการณ์และเข้าใจความคิดละเอียดมากเลยนะ”
ก้องหล้าจ้องหน้าเมธาวีเขม็ง ปกติเขาก็ไม่ชอบความนิสัยปรุงแต่งจนเกินงามต่อหน้าพ่อเลี้ยงของเธอเต็มที ยิ่งมาเจอในเรื่องที่เธอพยายามที่จะบอก การกล่าวร้ายคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานเขายิ่งไม่ชอบใจ แต่เมธาวีหน้าเชิดหาแนวร่วมต่ออย่างท้าทาย
“หรือว่าคุณก้องจะบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้ และคุณจะยืนยันที่อยู่ของเธอได้คะ เธอจะได้ บริสุทธิ์”
เมธาวีเชิดหน้ามองก้องหล้า ลืมว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าพ่อเลี้ยง ต้องสร้างภาพอ่อนหวาน “เมนี่เห็นว่าเธอสนิทกับคุณมากกว่าใครหรอกนะคะ เห็นวันก่อนไปด้วยกันมายันเช้า ทุกคนที่ไร่ก็รู้ดีว่าคุณปารวีไม่ค่อยชอบหน้าพ่อเลี้ยงธามส์ แล้วยิ่งงานที่เธอเคยทำมาก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ ก็สามารถยืนยันได้ดี ว่าเธอเป็นคนเดียวที่รู้จุดอ่อนของน้ำหอม”
เมธาวีพูดให้ปารวีดูแย่ในสายตาพ่อเลี้ยงธามส์ เธอรู้ว่าเขาเดือดดาลมากแค่ไหน เมื่อรู้ว่าปารวีกับก้องหล้าหายไปด้วยกันทั้งคืนจนถึงขั้นชกต่อย
แต่เมธาวีไม่รู้เลยว่าสายตาพ่อเลี้ยงธามส์ตอนนี้ เขามองเธอแทบจะเผาไหม้เป็นจุณ เวลานี้เขาอยากตะโกนบอกทุกคนว่าเขานี่แหละที่สามารถยืนยันเวลาและตำแหน่งของเธอได้ดีกว่าใคร ในเมื่อคนที่เธอพูดถึง เขานอนกอดทั้งคืน กลิ่นกายยังติดปลายจมูกอยู่เลย
สิ่งที่เมธาวีพูดออกมาเป็นข้อมูลได้บางส่วน นอกจากเจ้าของไร่กับนักเคมีเพิ่งจบ ปารวีเป็นคนที่รู้เรื่องน้ำหอมดีที่สุด และเธอก็ต่อปากต่อคำกับเจ้าของไร่อย่างไม่กริ่งเกรง เชื่อได้ไม่ยากหากเธอจะทำจริงๆ
พนักงานในโรงงานต่างพยักหน้าเห็นด้วย คล้อยตามสิ่งที่เมธาวีพูด แต่คนเดียวที่จะตัดสินกลับยืนนิ่ง
เสียงของทุกคนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เมธาวีชูคอที่ทุกคนเห็นด้วยกับเธอ พ่อเลี้ยงหนุ่มจำต้องยกมือขึ้นห้าม
“เอาละทุกคน...พอก่อน”
ธามส์กวาดสายตามองทุกคน “เหตุการณ์วันนี้ถือว่าเป็นบทเรียน เพื่อที่ต่อไปเราต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้น ผมคิดว่าต้องมีคนปองร้ายกับเรา...ผมจะจัดการเอง แยกย้ายกับไปทำงานได้แล้ว ถ้ามีอะไรผมจะแจ้งให้ทุกคนทราบอีกที”
พ่อเลี้ยงหนุ่มแจงกับพนักงานเสียงเรียบ ระงับเหตุการณ์ที่เริ่มจะบานปลาย
“ครับ” พนักงานชายบอกพร้อมกันและทยอยเดินออกไป เหลือแต่เมธาวี
“เธอด้วย เมธาวี” ก้องหล้าบอกเมธาวีหันกลับมาหาพ่อเลี้ยงหนุ่มที่เงียบไป
ในใจก็อดเป็นห่วงปารวีไม่ได้ กลัวว่าเพื่อนของเขาจะคล้อยตามคำพูดของเมธาวี จนพาลไปลงที่ปารวีเหมือนอย่างทุกครั้ง เพราะรู้ดีว่าพ่อเลี้ยงธามส์ไม่ค่อยชอบปารวี เขาคอยหาเรื่องชวนทะเลาะและต่อว่าเธอตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน
“แกคงไม่ได้คิดว่าเป็นคุณรวี เหมือนอย่างที่เมธาวีว่าหรอกนะธามส์” หลังจากทุกคนออกไปหมดแล้วก้องหล้าก็ถามขึ้น
“ทำไม หรือว่าแกเป็นห่วงเขามาก จนกลัวว่าฉันจะทำอะไรลงไปอีกอย่างนั้นหรือ” คนพูดข่มอารมณ์เดือดดาลไว้เต็มที่ เขาไม่รู้ว่า...ความรู้สึกหวงแหนมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่รู้ตอนนี้ เขาไม่อยากให้มีใครสักคนที่ได้รับรอยยิ้มจากเธอ
“ฉันคิดถูกหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่หรอก...แกก็รู้ว่า ฉันไม่กล่าวหาใครลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานไม่ต้องห่วงหรอก”
“ฉันดีใจจะที่ได้ยินแกพูดออกมาแบบนี้ แต่ในใจแกก็คิด...ใช่หรือเปล่าล่ะ”
“ดูเหมือนแกจะห่วงเขามากจริงๆ นะ แกสองคนรักกันหรือ” พ่อเลี้ยงธามส์ถามไปตามที่ใจอยากรู้
แต่พอเห็นเพื่อนหน้าตึงขึ้นมามองหน้าอย่างไม่พอใจ พ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบแก้คำพูดทันที เขาจำได้ดี...ที่ก้องหล้าประเคนหมัดชกหน้าเขาวันนั้น...เขาก็เห็นดาววิ้งๆ ปากเคี้ยวข้าวไม่สะดวกอยู่หลายวัน
“เอ่อ...ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องที่แกหายไปกันวันนั้นหรอกนะ แต่หมายถึงทุกเรื่องที่ผ่านมา”
“ตัวฉัน...ตอบได้เต็มปากว่าใช่ว่ะ แต่เธอนี่สิ!”
“ทำไม”
“เธอเป็นคนเข้ากับคนได้ง่าย และรู้จักวิธีเข้าหาคน อ่อนน้อม อ่อนโยนและชอบช่วยเหลือคนอื่น ฉันว่าผู้หญิงอย่างเธอคงไม่อยู่เป็นโสดมาได้จนป่านนี้”
พ่อเลี้ยงหนุ่มพยักหน้าแบบรับรู้ ก้องหล้าเสริมต่อ “แต่ฉันก็ยืนยันได้ ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดแล้วว่าเขาปาวๆ หรอกนะ” ก้องหล้าช่วยสำทับอีกแรง ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพอจะรู้ว่าปารวีเป็นคนอย่างไร
“อ่อ...แล้วเรื่องวันนั้น ถ้ามันจะทำให้แกมองคุณรวีดีขึ้น ฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ให้แกรู้ คุณรวี...ก็แค่ขอร้องให้ฉันไปส่งที่โรงแรม เพราะเธอต้องไปทำธุระสำคัญกับพี่ชายและซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะกับงานในไร่ แต่พอเสร็จธุระ คุณปรินทร์ก็เห็นว่าดึกมาก กลัวว่าขับรถกลับมาจะเป็นอันตราย เขาก็เลยเปิดห้องที่โรงแรมให้ฉันนอน ถ้าแกยอมฟังดีๆ ไม่มีอคติ ก็รู้เรื่องไปแล้ว”
“อืม” เจ้าของไร่ครางรับรู้
“แล้วอีกอย่าง...แกก็ควรไปขอโทษคุณรวีเสียด้วย ที่แกพูดมันแรงไป ทั้งต่อว่าถากถาง แต่เธอยังทนปากหมาๆ ของแกและทำงานต่อได้ ถ้าแกยังไม่สำนึกอีก ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับแกแล้ว”
“เออๆ ไม่ต้องพูดมากไปทำงานได้แล้ว” เจ้าของไร่ไล่ส่งเพื่อนกลบเกลื่อน เขารู้ว่าเขาต้องขอโทษเธอ แต่ความปากหนักท่ามากของเขานี้สิ มันเป็นปัญหา ว่าเขาไปเยอะ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร