Chapter 5 สัญญาทาสชัดๆ

1952 คำ
Chapter 5 ก้องหล้าลอบกลืนน้ำลายลงคอ รีบฉวยจังหวะเปลี่ยนเรื่อง “เอาละคุณรวี เรามาทำความสะอาดกันต่อเถอะ คุณจะได้พักผ่อน” ก้องหล้าบอกตัดบทขึ้นมา ดูแล้วถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้คงเป็นเรื่องยาวแน่ๆ “แล้วใครบอก...ว่าคุณปารวีจะได้พักที่เรือนรับรอง มาทำงานไม่ได้มาเป็นแขกของไร่ แล้วต้องไปพักที่บ้านพักพนักงาน ในส่วนโรงงานเท่านั้น” พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดต่อเสียงเรียบ ‘เธอเลือกที่ละมาลงนรกเองนะ ขุมที่ฉันสร้างให้เธอโดยเฉพาะ... แต่วันนี้... เธอต้องชดใช้ให้สาสม...สาสมกับพี่ชายของเธอสร้างความเจ็บปวดอับอายให้ฉัน’ ‘ส่วนแก!...ไอ้ปรินทร์! ฉันจะเอาคืนแกให้สาสม จนแกจะต้องเจ็บปวดแทบกระอักเลือดเลยละ เพราะวันนี้...มันเป็นของฉันแล้ว วันที่ฉันรอมานาน...’ เขาคิดอย่างอาฆาตแค้น ก้องหล้าสูดลมเข้าปอด เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรัก ‘เอาแล้วไงคุณปารวี เส้นทางของคุณไม่ได้แค่ขรุขระแล้ว แต่มันโรยด้วยตะปูเรือใบเลยละ’ ก้องหล้าหันกลับไปค้านเพื่อน หวังจะช่วยเพื่อนใหม่ได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ให้เธอเผ่นกลับตั้งแต่วันแรก “แต่บ้านพักของเราเพิ่งจะสร้างเสร็จ และยังไม่มีใครเข้าพักเลยนะธามส์” ก้องหล้าค้าน แต่คนออกคำสั่งยืนกอดอกมองนิ่ง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิดที่สั่งหญิงสาวจะไปพักคนเดียว “แล้วไง” ธามส์เงยหน้าถามเสียงเข้ม สีหน้าของเขาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ “ฉันว่าให้คุณรวีพักที่เรือนรับรองแขกไปก่อนดีกว่า อีกสองสามวันมีพนักงานเริ่มเข้ามาพักค่อยให้เธอย้ายไปก็ได้นี่ ไหนๆ เราก็ทำความสะอาดเสร็จแล้วด้วย ไปที่บ้านพักต้องไปทำความสะอาดกันอีก” “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น กฎก็ต้องเป็นกฎ หรือถ้านายห่วงเขามากก็ไปทำความสะอาดให้เขาสิ หรือจะไปนอนเฝ้าก็ได้นะ ฉันว่าคุณปารวีคงชอบ...” พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดเหน็บทิ้งท้ายสองแง่สามง่าม ปารวีหันขวับมองหน้าเขาทันที ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ อย่าให้ถึงทีเธอบ้างก็แล้วกัน “คุณ!” “พอเถอะ...ทั้งสองคน” ก้องหล้าเบรกสงครามเอาไว้ มองสองคนสลับกันแล้วหยุดอยู่ที่เจ้าของไร่ เสนอทางออกให้ “ธามส์! ฉันว่าอย่างน้อยก็ให้เธอพักที่เรือนกับแม่นิ่มก็ได้ ที่บ้านพักพนักงานอยู่ห่างเรือนเกือบเป็นกิโล เธอจะไปพักคนเดียวได้อย่างไรกัน แกอย่าลืมสิว่าถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง” ก้องหล้าเสนอแกมขอร้องเพื่อนไปในตัว ทั้งที่รู้ว่าคำสั่งที่ออกจากปากเขาเป็นประกาศิต แต่ที่เขารู้จักเพื่อนคนนี้มา พ่อเลี้ยงธามส์ไม่เคยไม่มีเหตุผลแบบนี้สักครั้ง พ่อเลี้ยงหนุ่มยังยืนนิ่ง ไม่ตอบรับและปฏิเสธใดๆ “ไม่เป็นไรค่ะคุณก้อง รวีอยู่ได้ค่ะ แล้วที่ไหนล่ะคะที่จะให้ไปพัก รบกวนพาดิฉันไปด้วย จะได้พักเสียที แล้วก็กรุณาหยุดเรียกฉันว่าเด็กเส้นเสียที” ปารวีบอกก้องหล้าอย่างเกรงใจ หันไปเหน็บผู้ชายอีกคนด้วยโทนเสียงที่แตกต่างกันชัดเจน ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจหญิงสาวอยู่นิดๆ แหม!...ทีคุยกับก้องหล้าทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่พอหันมาคุยกับเขาแทบจะงาบคอ “ดี! ถ้าไม่ใช่เด็กเส้นจริงๆ ก็ต้องไปเซ็นสัญญาจ้างงานที่สำนักงานและรับรู้หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติเสียก่อนค่อยไปที่พัก คงไม่ปฏิเสธ” “ค่ะ” เธอตอบแบบประชด ลากกระเป๋าของตัวเองเดินกลับไปที่รถ ก้องหล้าเห็นก็รีบเดินมาช่วยยกกระเป๋าให้ปารวีอย่างรู้หน้าที่ มองตามพ่อเลี้ยงธามส์ที่เดินลิ่วๆ ไปอย่างงงๆ...ทำไมเพื่อนเขาใจดำได้ขนาดนี้วะ เวลาต่อมาไม่นาน...ที่สำนักงานของไร่ ปารวีเดินบ่นอุบออกมาหลังจากที่เซ็นสัญญาไปเรียบร้อย ตอนนั้น...เธอจรดปากกาอย่างไม่ลังเลสักนิด ผู้หญิงอย่างเธอถ้าไม่ผ่านงานที่นี่คงน่าอายเต็มทน เพราะงานที่เธอเคยผ่าน...มาเป็นโรงงานผลิตน้ำหอมที่มีชื่อเสียงระดับโลก “สัญญาทาสชัดๆ เคยมีใครเคยบอกเจ้านายคุณหรือเปล่า ว่านี่ไม่ใช่สมัยรัชกาลที่ห้า คนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งบ้าอำนาจ ไร้มารยาท เผด็จการ หยาบคายก็เท่านั้น” ปารวีบ่นอุบออกมาจากสำนักงาน หลังจากที่เซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว “คุณยังไม่หายโมโหไอ้ธามส์มันอีกหรือครับ ที่จริงมันเป็นคนสุภาพ สุขุม ลูกน้องในไร่รักมันทุกคนเลยนะ แต่ไม่รู้วันนี้มันเป็นอะไร สงสัยเหนื่อยและอกหักจนสมองกลับ...” ก้องหล้าบอกติดตลกหากแต่ยังรักษาหน้าของเพื่อนเอาไว้ คำพูดของก้องหล้า...ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเชื่ออย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้มันห่างกับคำนั้นลิบลับ “พอเถอะค่ะ...ยิ่งคุณพูดรวียิ่งรู้สึกว่ามันห่างไกลกับความเป็นจริงที่รวีเห็นวันนี้ นึกยังไง...ก็จินตนาการให้เห็นภาพตามไม่ออกเลยจริงๆ” คำพูดของปารวีทำเอาก้องหล้าหัวเราะออกมา “ช่วงนี้งานที่ไร่ค่อนข้างเยอะ ไหนจะเรื่องโรงงานที่จะเปิดอีกไม่กี่วันก็มีปัญหา เรื่องคนไม่พร้อมในบางตำแหน่งและยังคนรักเพิ่งขอเลิกไปแต่งงานกันคนอื่น ช่วงนี้ไอ้ธามส์มันก็เลยเครียดไม่ค่อยได้พักผ่อน” “อย่างว่า...นิสัยอย่างเจ้านายคุณ คงไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนทนได้ ดีแล้วที่เธอเลือกทางถูกก่อนที่จะรู้ว่านรกบนดินมีจริง” หญิงสาวไม่วายเหน็บคนบ้าอำนาจ ปากเสียเจ้าของไร่ “เหมือนเขาจะเป็นเจ้านายคุณด้วยนะ” ปารวียิ้มเจื่อนแบบไม่อยากจะยอมรับ แต่เธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้ “เขาเป็นคนดีมากคนหนึ่งนะครับ ผมเชื่อว่าพอคุณได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของมันคุณก็จะรู้สึกอย่างที่ผมบอก” ก้องหล้าเสริมต่อ “รวีว่าคงยากนะคะที่จะได้เห็นมุมนั้นของเขา ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่คุณก้องหล้ามาส่ง” “คุณอยู่ได้แน่นะครับ” ก้องหล้าถามย้ำอีกครั้ง ปารวีไล่สายตามองตึกสีขาวสะอาดตา ตึกสี่เหลี่ยมที่กั้นห้องเป็นห้องเล็กๆ เรียงราย เธอต้องมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้ อย่างนั้นจริงสินะ ก่อนที่จะหันกลับไปตอบคำถามคนมาส่ง “ขืนอยู่ไม่ได้เพื่อนคุณจะได้หาว่าฉันเป็นเด็กเส้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ดีแต่แต่งตัวอวดสวยยั่วผู้ชายไปวันๆ น่ะสิคะ” ปารวีประชดกลับทันที นึกถึงหน้าคนชอบดูถูกและมองเธออย่างเหยียดหยามทีไร เธอก็อารมณ์ขึ้นทุกที “ฮ่า ฮ่า ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักจะสนุกแล้วสิ ” ก้องหล้ายิ้มให้หญิงสาว “สนุกยังไงคะ” “ผมไม่เคยเห็นเพื่อนของผมเป็นแบบนี้มาก่อน แล้วคุณก็เก่งมากที่ทำให้มันดิ้นพล่านแบบนี้ เล่นเอาคนอย่างพ่อเลี้ยงธามส์ไปไม่เป็นเลยทีเดียว ผมไม่เคยเห็นมันจะโกรธ หรือใช้อารมณ์ไม่มีเหตุผลแบบนี้เลยสักครั้ง จะคอยดูตอนต่อไปนะครับ ผมคิดว่าน่าจะสนุกกว่านี้ ผมต้องขอตัวไปทำงานก่อน เย็นนี้เจอกันนะครับ” ปารวีมองตามหลังก้องหล้าไปด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวหันไปสนใจกับห้องใหม่ ที่ใหม่สมชื่อ ทั้งกลิ่นสีและรอยคราบสกปรกยังอยู่ครบ เหมือนพวกมันรอคอยต้อนรับเธอ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นอกจากที่หมอนกับนอนแบบพับราคาถูกกับผ้าห่มผืนบาง พัดลมติดผนังเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้เลวร้ายนัก เธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ถ้าไม่มีมันเธอคงแย่ ปารวีมองหาอุปกรณ์เริ่มทำความสะอาดห้องและจัดของต่อ “เฮ้อ! เสร็จเสียทีกับภารกิจทาสวันแรกของฉัน นี่ฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ เธอคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ...ปารวี ที่แกยอมทิ้งงานที่แกรัก แล้วมาทำอะไรแบบนี้...” จนเวลาล่วงเลยบ่ายคล้อย เธอลืมเสียสนิทว่ายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงหรือแม้แต่น้ำดื่มยังไม่ตกลงไปในท้อง ยังดีที่เธอหยิบขนมปังไส้แฮมชีสกับน้ำขวดเล็กติดมาจากโรงแรม หญิงสาวมองหาที่นั่งสำหรับตัวเองและหยิบอาหารเที่ยงของเธอขึ้นมาทาน หากแต่หญิงสาวจะหย่อนกายลงนั่งไม่ถึงชั่วโมง เสียงมัจจุราชก็แว่วดังเข้าเต็มโสตประสาทหู “งานของเธอที่ตกลงกันไว้ คือ...ต้องไปอยู่เป็นผู้ช่วยฉันไม่ใช่หรือ แล้วมาหลบอู้อย่างนี้จะได้งานหรือเปล่า หรืองานที่เธอทำได้ดี คือ...แค่มาอ่อยผู้ชายเท่านั้น” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ‘มาอีกแล้ว...เขาจะทำให้เธอประสาทเสียไปถึงไหน ใจคอจะไม่ให้เธอมีเวลาหายใจหายคอชื่นชมบรรยากาศรอบตัวบ้างเลยหรืออย่างไรกัน’ “นี่คุณฉันเพิ่งมาได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ทำความสะอาดจัดห้องเพิ่งเสร็จ ใจคอคุณจะไม่ให้ฉันพักบ้างเลยหรือไง” ปารวีตอบกลับทันที เธอเพิ่งได้พักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ “ในสัญญา...เธอต้องไปทำงานกับฉันทุกที่ แต่เดาว่าคุณคงจะไม่ชอบ เพราะคงอยากจะอ่อยผู้ชายในไร่ให้ห่างหูห่างตาเจ้านายที่รู้ทันมารยาของเธอให้มากที่สุด” “คุณไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายกับฉันแบบนี้นะ” “หรือที่ฉันพูดไม่ถูก แต่งตัวแบบนี้มีใครทำในไร่ที่ไหน ถ้าไม่ได้คิดมาอ่อยผู้ชาย ขอโทษ!...แต่งตัวแบบนี้คิดแบบอื่นไม่ได้จริงๆ ในสภาพของเธอ ไม่ต่างจาก...สักนิด” สายตากับคำพูดสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี เป็นใครก็ดูออก ว่าสิ่งที่เขาพูดกับการกระทำของเขา ไม่ได้แสแสร้งเลยสักนิด ช่างเป็นความจริงใจที่น่าตบที่สุด ท้ายประโยคเขาจงใจเว้นช่องให้เธอคิดเอง เพื่อเอาไว้ยั่วอารมณ์และกวนประสาทเธอ เผียะ! “อย่ามาลามปามฉันอีก” มือบางฟาดกระทบหน้าคมอย่างเต็มแรง แล้วปารวีเดินเข้าห้องทันที เธอปิดประตูกระแทกใส่หน้าเขาอย่างแรง ล็อกห้องอย่างแน่นหนา อารมณ์นั้นเธอไม่สนใจคำว่ามารยาทสักนิด คนอย่างเขาจะรักษามารยาทด้วยก็เปล่าประโยชน์ “ปัง...ปัง...แม่ตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ กล้าดีอย่างไรมาตบฉัน หา! แล้วกล้าดีอย่างไรมาปิดประตูใส่หน้าเจ้าของไร่”พ่อเลี้ยงธามส์ตบประตูด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครปิดประตูใส่หน้าเขามาก่อน “ไปตายซะ! จะไปลงนรกที่ไหนก็ไป” ปารวีตะโกนออกมาจากข้างใน แล้วก็เดินปึงปังไปล้มตัวลงนอนอย่างหงุดหงิด ไม่สนใจเสียงเคาะประตูที่ดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าปารวีไม่มีทีท่าจะยอมเปิดประตูออกมาง่ายๆ พ่อเลี้ยงธามส์เดินออกไปอย่างหัวเสีย “เธอท้าทายฉันเองนะ...ปารวี” ชายหนุ่มบอกอย่างคาดโทษ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม