Chapter 4 สาบานว่านั่นปากผู้ชาย

1829 คำ
Chapter 4 ปารวีหันมองพ่อเลี้ยงธามส์ที่คอพับอยู่บนเก้าอี้ ก้องหล้ายิ้มรับอย่างเป็นมิตร สายตาคมยังจับจ้องมองร่างบางของปารวีไม่วางตา แต่ปารวีมองอีกคนที่ยังคงอยู่ในท่าเดิม ทั้งที่เธอกับชายหนุ่มอีกคนก็พูดเสียงดังพอสมควร ก้องหล้ามองตามเธอก่อนที่จะบอกออกมา “ต้องขอโทษด้วยครับ...พ่อเลี้ยงคงเพลียมาก โหมงานหนักมาหลายวันไม่ได้พักผ่อน เลยเผลอหลับไป ว่าแต่พ่อเลี้ยงรับคุณมาในตำแหน่งอะไรหรือครับ ผมไม่เคยเห็นใบสมัครงานของคุณผ่านตาเลย” ก้องหล้ายังคงสงสัย เพราะเขาเป็นคนคัดใบสมัครและเลือกคนเอง สวยราวนางฟ้าอย่างนี้...ไม่เคยผ่านตาแน่นอน “เอ่อ..ปารวี ปภากุล หรือเรียกว่ารวีก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องตำแหน่งต้องถามพ่อเลี้ยงเองค่ะ ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาทำงานในตำแหน่งอะไร เห็นรษาบอกว่าอย่างนั้น” ปารวีบอกไปตามความจริง เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอต้องมาทำงานในตำแหน่งอะไร เพราะคนอ้อนวอนให้มาก็บอกไม่ได้เหมือนกัน “อ้อ...คุณรวีเป็นน้องสาวของคุณปรินทร์หรือเปล่าครับ นามสกุลนี้” “ใช่ค่ะ” “เชิญคุณรวีเอาของไปเก็บที่เรือนพักรับรองก่อนดีกว่าครับ ผมจะไปส่ง รอให้พ่อเลี้ยงตื่นแล้วค่อยมาคุยกัน เชิญทางนี้ครับ รถจอดอยู่ตรงโน้น” ก้องหล้าชี้ไปยังรถที่จอดอยู่และเดินนำหญิงสาวไป “คุณดาริน ถ้าพ่อเลี้ยงตื่นแล้วฝากคุณบอกว่าพ่อเลี้ยงว่าคุณปารวีมาแล้ว ตอนนี้ผมพาเธอไปพักที่เรือนรับรองนะ” ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะหันมาสั่งงานดารินก่อน เสร็จแล้วก้องหล้าก็มาช่วยปารวียกกระเป๋า แล้วเดินออกจากสำนักงานไปด้วยกัน หลังจากที่ก้องหล้าขับรถออกไป ปารวีผินหน้าออกนอกกระจกรถ มองออกไปในไร่กว้างใหญ่อย่างตื่นเต้น เธอมองทิวดอกไม้ในไร่ที่ยาวสุดลูกตาอย่างชื่นชม ดูตื่นตาตื่นใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาเห็นบรรยากาศ และสูดอากาศบริสุทธิ์ของเมืองไทย “ไร่กว้างมากขนาดนี้ ที่ไร่ทำกี่อย่างค่ะ...คุณก้องหล้า” ปารวีถามออกมา ทั้งที่สายตาก็ยังไม่ละออกจากทิวแปลงกุหลาบสลับสีตรงหน้า “ก็หลายอย่างนะครับ หลักๆ ก็มีไร่ชา ไร่ดอกไม้ตัดดอก ที่เราทั้งส่งขายในไทย และส่งออกที่คุณเห็นนั่นแหละ นอกจากนี้...ในอีกไม่กี่วัน เรากำลังจะเปิดโรงงานผลิตหัวน้ำหอม ช่วงนี้เราก็เลยค่อนข้างยุ่งพอสมควรครับ” ก้องหล้าหันมาตอบ เขามองหน้าหญิงสาวนั่งข้างๆ อย่างชื่นชม ปารวีเป็นผู้หญิงสวยคม รวมถึงการรู้จักแต่งตัวให้เข้ากับบุคลิกของเธอด้วยแล้ว มันยิ่งขับให้เธอดูสวยเฉี่ยวมากขึ้น “แสดงว่าที่ไร่นี้ต้องใหญ่มากนะคะ” ปารวีดูตื่นตามากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าที่ไร่ทำหลายอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคนปากเสียอย่างนายนั่นจะสามารถบริหารไร่กว้างใหญ่ขนาดนี้ได้เป็นอย่างดี และดูสวยมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก “ก็ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงรายเลยละครับ แล้วคุณรวีล่ะครับ เห็นอย่างนี้คิดว่าจะพออยู่ในไร่ได้ไหมครับ” “คิดว่าคงอยู่ได้นะคะ คือฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน” “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ หรือว่าที่นี่กันดารเกินไป” “ไม่หรอกค่ะ ฉันอยู่ง่ายกินง่าย ที่สำคัญชอบอากาศที่นี่มากด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ากับคนที่นี่ได้หรือเปล่า เอ่อฉันหมายถึง กลัวเจ้านายไม่ชอบน่ะค่ะ” “ค่อยยังชั่วหน่อย ผมนึกว่าคุณรวีจะไม่ชอบที่นี่ซะอีก เห็นคนเมืองส่วนใหญ่อยู่แบบนี้ไม่คอยได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงสวยอย่างคุณรวีด้วยแล้ว...” “ทำไมหรือคะ รวีเกิดที่นี่ก็จริง แต่โตที่เมืองนอกเกือบยี่สิบปี รวีไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลยหลังจากนั้น แต่รวีก็ชอบความสงบ อากาศบริสุทธิ์ เห็นสวยขนาดนี้ถ้าไม่ชอบก็แปลกแล้วละค่ะ” ปารวีเล่าแววตาเป็นประกาย “คุณรวีมาจากเมืองนอกหรือครับ” “ค่ะ รวีโตและเรียนที่ฝรั่งเศส เพิ่งจะกลับมาเมืองไทยได้ไม่กี่วัน” ปารวีตอบ แล้วเปิดกระจกรถออก โผล่หน้าและยื่นมือออกมาสัมผัสลมเย็นๆ และสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก “ไร่สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุย แววตาและน้ำเสียงของเธอเปล่งประกายให้ความรู้สึกชื่นชมกับความงามตรงหน้าอย่างที่ปากบอก ชายหนุ่มพลอยยิ้มออกมาเพราะความสดใสของเธอไปด้วย เรือนรับรองแขก ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากรถไปก่อน เขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักรับรองของไร่ บ้านพักบนเนินหลังเล็กน่ารัก แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้ต้อนรับแขกบ่อยมากนัก “ผมไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจะให้คุณรวีพักที่ไหน คุณพักที่นี่ก่อนนะครับ แต่บ้านหลังนี้ไม่มีคนมาพักนานพอสมควร อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมาพัก แล้วพ่อเลี้ยงธามส์ไม่ได้บอกว่าคุณจะมาเริ่มงานวันนี้ ก็เลยยังไม่ได้ให้คนมาทำความสะอาดหรือเตรียมห้องพักไว้ให้ คุณรวีพออยู่ได้นะครับ เดี๋ยวผมช่วยทำความสะอาด” “ไม่เป็นไรค่ะคุณก้องหล้า แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว รวีขอทำเองดีกว่าค่ะ” ปารวีบอกอย่างเกรงใจ ตอนอยู่เมืองนอกเธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตอนแรกทั้งสามคนแม่ลูกลำบากกันมาก เพราะแม่ของเธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่อของเธอสักครั้ง หลังจากที่ทั้งสามชีวิตเดินทางไปอยู่ที่ฝรั่งเศส มีเพียงเงินเดือนจากงานร้านอาหารของแม่เท่านั้นที่ดูแลคนทั้งสาม เพราะฉะนั้นเธอกับพี่ชายก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบา “ช่วยกันทำแหละดีแล้วครับ จะได้เสร็จเร็วๆ” ก้องหล้ายังไม่ยอมแพ้ ตอนแรกหญิงสาวไม่ยอมท่าเดียว แต่ที่สุดหญิงสาวก็จำนนด้วยเหตุผลที่ปวงที่ชายหนุ่มหยิบยกมาอ้าง เธอยอมให้เขาช่วย และเธอก็รู้ว่าตัดสินใจถูก บ้านพักที่ไม่มีคนพักมานาน การทำความสะอาดเป็นงานหินอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์เพื่อจัดการฝุ่นสะสม บรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยที่สองหนุ่มสาวช่วยกันทำงานบ้านยามว่าง ก้องหล้าเป็นผู้ชายสุภาพ เขาดูอบอุ่นและเป็นกันเองมาก ทำให้ปารวีเข้ากับเขาได้ง่าย เพราะเธอเองก็เป็นที่คนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายเหมือนกัน เวลาผ่านไป...จากที่แค่พูดคุยและช่วยทำความสะอาดห้อง ก็เกิดการหยอกล้อจนเกิดเสียงหัวเราะสดใสออกจากปากบางของปารวี กับก้องหล้าเองถึงแม้จะเหนื่อยแต่เขากลับรู้สึกมีความสุข อย่างนี้เขาเรียกจะว่ารักแรกพบได้หรือเปล่านะ “มาเร็วดีนี่!...ว่าแต่มายังไม่ถึงชั่วโมงอ่อยเหยื่อได้แล้วหรือ เรื่องแบบนี้ละเก่งไม่มีใครเกิน” เสียงเข้มถากถางจากประตูบ้านทำให้สองหนุ่มสาวหยุดชะงัก ตาสองคู่มองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่ เขายืนไขว้เท้าพิงกรอบประตูอยู่อย่างสบาย แต่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก “พ่อเลี้ยง!” ปารวีร้องเสียงหลงโมโหจัด เลือดในกายพร้อมกันฉีดพล่านขึ้นบนใบหน้าแดงก่ำ อีกแล้วนะ...เขากล้าดีอย่างไรมาว่าเธอเสียๆ หายๆ เธอมาเพื่อช่วยเขาแท้ๆ ก่อนหน้าไม่เคยมีใครดูถูกหรือแสดงกิริยาแบบนี้กับเธอมาก่อนเลยสักครั้ง...นอกจากเขาคนเดียว “ไอ้ธามส์! แกพูดแรงไปหรือเปล่าวะ” ก้องหล้าติงเพื่อน รู้สึกตกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนเขาพูดแบบนี้กับแขก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว “นี่มันยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ รู้ทั้งรู้ว่าว่าต้องมาทำงานที่ไร่ ดูแต่งเนื้อแต่งตัว...ทำเหมือนอาชีพที่ต้องนั่งในตู้กระจกเวลาทำงาน จะสั้นไปถึงไหนแม่คุณ!” เขายังพูดจาดูถูกถากถางต่อ ไม่ได้คิดสักนิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ‘ผู้ชายอะไรปากร้ายเป็นที่สุด เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น’ “อ้อ! ฉันลืมไปเธอคงเคยชินกับชีวิตแบบนั้นที่เมืองนอก...ก็เลยยังปรับตัวไม่ทัน” ไม่เพียงแต่วาจาถากถางเจ็บแสบ แต่สายตาคู่นั้นที่มองเธอตั้งแต่หัวจดเท้า เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ เล็บมือยาวของเธอจิกเนื้อในอุ้งมือแทบห้อเลือด ‘สาบานว่านั่นปากผู้ชาย’ หญิงสาวสบถในลำคอ “นี่คุณ!...มันจะมากไปแล้วนะ ฉันจะแต่งตัวแบบไหน...มันไปหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบ” ปารวีตอบกลับ ริมฝีปากอิ่มของเธอสั่นระริกด้วยความโมโห เขากล้าดีอย่างไรถึงได้ดูถูกเธอมากขนาดนี้ เธอจะแต่งตัวอย่างไรทำไมเขาต้องมายุ่งด้วย “ไม่มากไปหรอก...เธอยังมีเวลา ตัดสินใจได้อีกนะ ฉันจะให้เธอเซ็นสัญญาทำงานทดลองงานกับเราสี่เดือน แต่ถ้าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อก็กลับไปซะ ที่ไร่ปกรักไม่ได้มีให้เด็กเส้นมาเดินโฉบไปโฉบมา” ชายหนุ่มเข่นเสียงต่ำตอบกลับมา สายตาคมของเขายังมองปารวีอย่างเหยียดหยามเหมือนเดิม ก้องหล้าเป็นคนเดียวที่มึนงง เขามองหน้าสองคนกลับไปกลับมาอย่างไม่เข้าใจ เห็นสาดคำพูดแสบร้อนเข้าหากันตั้งแต่นาทีแรกที่เจอ เขาก็พอเดาเรื่องราวต่อไปได้รางๆ เพราะ รู้นิสัยของเพื่อนเป็นอย่างดี ผู้ชายอย่างธามส์ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำด้วย คำพูดของเขาเด็ดขาดและเป็นประกาศิตที่คนในไร่ต้องทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่...เขากลับเห็นหญิงสาวยืนเชิดหน้าต่อปากต่อคำอย่างไม่มีใครยอมใคร และที่มากมายไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวศัตรูเบอร์ต้นๆ ของธามส์ ปกรัก ชะตากรรมของเธอที่ไร่แห่งนี้คงจะไม่สวยหรูเท่าใดนัก “ไม่! คนอย่างฉันเดินหน้าแล้วไม่เคยถอยหลัง ฉันจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด แล้วคุณจะได้รู้ว่าคนอย่างปารวี ไม่เคยมีใครหน้าไหนมาดูถูกเหยียดหยามได้ แล้วก็จะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด” ปารวีจ้องหน้าพ่อเลี้ยงธามส์ไม่ละสายตา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม