Chapter 3 นางฟ้า

1830 คำ
Chapter 3 แสงแดดยามบ่ายคล้อยของวันยามเหมันต์ฤดู สาดส่องปกคลุมทั่วทั้งดอย หากเกิดแสงเงาสะท้อนแนวตามแปลงชาสีเขียวเข้ม อีกฟากของไร่เป็นแนวทิวแปลงดอกไม้เมืองหนาวสลับสีเบ่งบาน อวดแสงสีทองอร่ามตา ‘บ้านดุจเดือน’ เป็นจุดที่สามารถมองทิวทัศน์ได้โดยรอบกว้างสุดสายตา ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มตัดกับกลุ่มเมฆขาว ลอยเกลื่อนอยู่เบื้องบน บ้างเคลื่อนลอยต่ำลงมาปกคลุมสันเขาที่ยาวติดต่อกันไป ชายหนุ่มผิวขาว ใบหน้าคมเข้ม สูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย สวมหมวกปีกใบกว้างปิดบังอำพรางแสงกล้า สายตาคมดุจพญาเหยี่ยวที่จับจ้องมองใครก็ชวนให้หลงใหลได้ง่ายๆ หากวันนี้ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดเรย์แบนสีชา รับกับใบหน้าคมเจือไรหนวดเข้มของเขา ชายหนุ่มกำลังยืนคุมวิศวกรก่อสร้างโรงงานผลิตหัวน้ำหอม ความฝันที่เขาใช้เวลานานหลายปีไปร่ำเรียนและกลับมาสานต่อกิจการไร่ดอกไม้ของครอบครัว เขากวาดสายตามองรอบๆ เพื่อเช็กรายละเอียดด้วยตาอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปที่รถและเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งด้านคนขับ ออกรถพุ่งทะยานออกไป หลงเหลือไว้เพียงแนวฝุ่นแดงตลบเป็นทางยาว ท้ายไร่อีกฝั่งริมเขา คนงานจำนวนหนึ่งกำลังตัดแต่งกิ่งกุหลาบ รถโฟวิลของพ่อเลี้ยงธามส์แล่นมาจอด ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวออกขาวเหลืองอย่างคนเมืองเหนือกระโดดลงมาจากรถ ตรงดิ่งเข้ามาหากลุ่มคนงานทันที ถึงแม้จะต้องอยู่กลางแดด แต่ก็ไม่ทำให้เขาคล้ำลงไปแม้แต่น้อย เขาเดินดูการทำงานของคนงานไปเรื่อยๆ มาหยุดอยู่ที่ ‘ธนิน’ ผู้จัดการไร่หนุ่มใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ ผู้จัดการหนุ่มใหญ่กำลังตรวจคุณภาพดอกไม้ที่เก็บมาก่อนส่งให้ลูกค้า อีกฝั่งเป็นกุหลาบบางส่วนถูกยกขึ้นใส่รถไปแล้ว “เป็นอย่างไรบ้างครับอา” พ่อเลี้ยงธามส์ถามผู้สูงวัยกว่าที่กำลังวุ่นอยู่กับคนงาน ในมือถือแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ “พอดีมีออเดอร์เร่งน่ะ อาเลยสั่งคนงานตัดกุหลาบเพิ่มเยอะเหมือนกัน แล้วนี่ธามส์จะไปไหนหรือ” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ตอบกลับมาทั้งที่ไม่ละสายตาจากงานตรงหน้า “ผมจะแวะมาบอกอาว่าจะไปไร่โน้น” โร่โน้นที่หมายถึงคือไร่ฟ้าสีหมอกที่ทุกคนต่างรู้ดี ทั้งสองไร่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าที่บุกเบิกไร่มาด้วยกัน “มีอะไรหรือเปล่า” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ละสายตาจากแฟ้มงาน หันมามองชายหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ เอ่ยถามเสียงเรียบ “เปล่าครับ ผมแค่มีเรื่องจะคุยกับไหมนิดหน่อย เรื่องส่งออกเท่านั้นเอง” “อืม!...ว่าแต่โรงงานเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ไปถึงไหนแล้ว อาไม่ได้ข้ามไปฝั่งโน้นเลย ช่วงนี้งานในไร่ยุ่งเหลือเกิน” “โรงงานเกือบเสร็จแล้วครับ ก็เหลือเพียงรอใบอนุญาต ตอนนี้นายก้องก็ไปดูเครื่องจักร ที่จะนำเข้าจากฝรั่งเศส และกำลังติดตั้ง อีกไม่นานโรงงานคงเดินสายการผลิตได้ครับอา” “หลานคงยุ่งมากสินะ อาไม่ค่อยได้เห็นหน้าหลานเลย” “ครับ ช่วงนี้อานินคงต้องเหนื่อยหน่อยเหมือนเดิม ผมกลับมา...ก็ไม่ได้ลงมาช่วยดูงานในไร่เท่าไร แล้วยิ่งมาเพิ่มงานให้อีก แต่ผมจะหาคนมาช่วยทำเรื่องการตลาดและเอกสารนะครับ อาจะได้ไม่เหนื่อยมาก” “ไม่เป็นไรหรอกธามส์ อายอมเหนื่อย ไร่นี้พ่อของหลานรักมาก แล้วอาก็รักไร่แห่งนี้มากเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะ” “ครับ...ขอบคุณอามาก ผมไปก่อนนะครับ” โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตหัวเชื้อน้ำหอมของพ่อเลี้ยงธามส์ก้าวหน้าไปมาก เครื่องจักรที่สั่งนำเข้าจากฝรั่งเศสทยอยนำมาติดตั้ง เหลือเพียงใบอนุญาตการผลิตก็จะสามารถเปิดไลน์การผลิตได้ทันที ปารวีลากกระเป๋าออกมาหน้าโรงแรมอย่างจำยอม ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำตามคำขอร้องของพี่สะใภ้และพี่ชาย เป็นอย่างที่ชายหนุ่มปากเสียบอกไม่มีผิด หลังจากที่ชายหนุ่มเจ้าของไร่กลับไป พี่ชายก็เขามาขอร้องเธอ...พร้อมทั้งยกเหตุผลข้ออ้างต่างๆ นานามาอ้าง ซึ่งเธอก็ขัดไม่ได้เลยสักข้อ...ถ้าคิดจะช่วย ‘ถ้ารวีไม่ยอม รษาต้องไปช่วยงานที่ไร่ รวีจะไม่เห็นใจคนเพิ่งแต่งงานใหม่อย่างพี่เลยหรือไง’ ‘กี่ปีที่พี่ไม่มีความรัก หรือรวีไม่อยากเห็นพี่มีความสุข’ ‘พี่อยากให้เมียเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นกำลังใจใจการแก้ปัญหา ปัญหาสะสมที่โรงแรมมีเยอะเหลือเกินนะรวี’ ‘เราไปทำงานที่โรงงานน้ำหอม เป็นงานที่เราถนัดที่สุดไม่ใช่หรือ ถ้ารวีทำได้ดี พี่ก็จะได้อยู่กับเมียไง อย่าใจร้ายกับพี่นักเลยนะรวี’ และอีกหลายๆ เหตุผลที่พี่ชายหยิบยกขึ้นมาอ้าง... ปารวีนอนคิดสะระตะมาทั้งคืน อย่างน้อยนักเคมีที่ทำงานในโรงงานน้ำหอมระดับโลกอย่างเธอ การได้ทำงานในโรงงานน้ำหอมก็เหมาะกับเธอมากกว่าทำงานที่โรงแรมกับพี่ชายเป็นแน่ “รวีจะไปไหนหรือ...อย่าบอกพี่ว่าจะกลับฝรั่งเศสนะ” ปรินทร์ถามน้องสาวอย่างสงสัย แปลกใจไม่น้อยที่เห็นพนักงานกำลังยกกระเป๋าของปารวีขึ้นรถ เมื่อคืนตอนคุยกัน..เขาทั้งขอและอ้อนวอนเธอก็ค้านหัวชนฝา ผ่านแค่ข้ามคืนเธอก็ลากกระเป๋าออกมา คงจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ “รวีจะไปทำงานที่ไร่ปกรัก” หญิงสาวตอบกลับพี่ชายเสียงเรียบ “หา!...รวีว่าอะไรนะ? ไหนเมื่อคืนบอกจะไม่ไป” คนเป็นพี่ร้องตกใจทันทีที่รู้ว่าน้องสาวจะไปไหน “จะตกใจอะไรนักหนา แล้วตกลงจะให้ไปไหมล่ะ?...ถ้าถามอีกครั้ง...คราวนี้รวีเปลี่ยนเส้นทาง...เป็นบินกลับฝรั่งเศสนะ” คำตอบของน้องสาวยิ่งทำให้ปรินทร์ยิ้มออกมา เขารู้จักปารวีดีว่าเป็นคนที่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองเป็นที่สุด “รวีดูแลตัวเองด้วยนะ” คนเป็นพี่รีบอวยพร ก่อนที่น้องสาวจะเปลี่ยนใจจริงๆ เมื่อคืนเขาใช้เวลาอ้อนวอนอยู่เกือบชั่วโมงแต่น้องสาวก็ยังนิ่ง เมื่อผิดแผนที่วางเอาไว้ เขาก็หาทางออกไว้เผื่อและทำใจที่ต้องส่งเมียรักกลับไปทำงานที่ไร่ ก่อนหน้า...ปรินทร์โฆษณาความเก่งกาจของน้องสาวให้ภรรยาฟังเสียยกใหญ่ คนมีความสามารถที่ผ่านแบรนด์น้ำหอมระดับโลกมา หากได้มาช่วยพ่อเลี้ยงธามส์โรงงานก็จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้น เขาบอกอย่างมีแผน และรษาก็คล้อยตามจนวางแผนแอบส่งใบสมัครของปารวีไปที่ไร่ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายของตัวเองคงไม่ยอม หากอะไรที่ไม่เป็นขั้นตอนและมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น งานนี้เป็นการวางแผนที่มัดมือชกแบบในกติกา ปรินทร์เชื่อว่าจะเกลี้ยกล่อมน้องสาวได้ง่ายๆ แต่เมื่อคืนกลับทำให้สองสามีภรรยาแอบถอดใจ ที่ไร่แทนที่จะมีปัญหากลับยอมรับ แต่ปารวี...คนที่พี่ชายมั่นใจว่าจัดการได้กลับเป็นปัญหา ถึงตอนนี้สองสามีภรรยาก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หากปารวีทำงานได้ดีอย่างที่ปรินทร์บอก บางทีพ่อเลี้ยงธามส์อาจจะไม่ต้องการน้องสาวอีกต่อไป “ค่ะ” “จริง...ไปได้แล้ว ติดต่อกลับมาหาพี่บ้างก็แล้วกัน ถ้าเกิดพี่ว่างๆ จะแวะไปเยี่ยมที่ไร่กับรษา อีกไม่นานรษาก็ต้องไปทำงานที่ไร่เหมือนกัน” ปรินทร์ดันน้องสาวออกไปหน้าโรงแรม ที่มีรถของโรงแรมจอดรออยู่ “เอาไว้...รวีติดต่อกลับมาหาพี่เองดีกว่านะคะ” น้องสาวจำต้องเดินออกไปนอกโรงแรม ตามแรงผลักของพี่ชาย “รษาจะโทรไปแจ้งที่ไร่ให้ก่อนนะคะ” รษาบอกออกมา “อย่าลำบากเลยน้องรษา ยังไงก็ต้องเจออยู่ดี ใบสมัครงานของพี่ก็มีคนใจดีส่งให้แล้ว โพรไฟล์ของพี่คงไม่มีอะไรน่ากังขา” หญิงสาวตอบกลับพี่สะใภ้เรียบๆ แม้จะยอมช่วยเองอย่างเต็มใจ แต่พอรู้ว่ามีคนวางแผนไว้ก่อน เธอก็อดเคืองพี่ชายพี่สะใภ้ไม่ได้ รษาหน้าแหยไปนิด แม้น้องสามีจะไม่ได้ว่าอะไรตรงๆ แต่เธอกับสามีก็ทำไม่ถูกต้องจริงๆ ปรินทร์โอบไหล่ภรรยาบีบอย่างปลอบโยน ภายในสำนักงานของไร่ ปกรัก ชายหนุ่มสองคนสีหน้าเครียดขึงไม่แพ้กัน แต่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างในโต๊ะทำงานดูจะมีมากกว่า จากรอยย่นระหว่างคิ้วเป็นริ้วชัดเจน มันขมวดมุ่นผูกเป็นปมเหมือนความรู้สึกภายในใจของเจ้าของ หลายเรื่องที่ผ่านเข้ามาพักหลัง...มันแรงจนเขาแทบรับไม่ไหว แต่เขาก็ต้องเป็นผาหินแกร่งให้คนงานหลายร้อยได้ซุกลบภัย เป็นเกราะกำบัง เขาจะท้อแท้ไม่ได้ แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว พึ่บ! เอกสารปึกใหญ่ถูกทิ้งลงบนโต๊ะทำงานเต็มแรง สองหนุ่มต่างสถานะใช้เวลาร่วมกันหลายชั่วโมง แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ นี่ก็ใกล้จะเปิดโรงงานเดินสายการผลิตแล้ว พ่อเลี้ยงธามส์เอนหลังพิงเก้าอี้ปิดเปลือกตาลง ขับไล่เหนื่อยอ่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลากี่นาที มันก็ช่วยเขาได้มาก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาโหมงานหนักมากแทบไม่ได้พักผ่อน เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะมานั่งเสียใจ...ทั้งที่เพิ่งสูญเสียคนรักไป “สวัสดีค่ะ” ปารวีทักผู้ชายผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งจมกองเอกสารอยู่ ส่วนอีกคนนั่งพิงเก้าอี้เปลือกตาปิดสนิท ก้องหล้าตะลึงในความสวยของปารวี “นางฟ้า....” เขาเพ้อตาลอยตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนออกห่าง “คุณคะ...คุณ” ปารวีเรียกอีกครั้งเหมือนเตือนสติชายหนุ่มที่เอาแต่เพ้อตาลอยจ้องหน้าเธอ ก้องหล้าสะดุ้งเรียกสติของตัวเองกลับมา เพิ่งรู้ตัวว่าจ้องหน้าหญิงสาวนานเกินไปแล้ว “เอ่อ...ค..คะ...ครับ” “เอ่อ...ดิฉันจะมาทำงานที่ไร่ปกรักค่ะ” ปารวีแนะนำตัวเองและยกมือไหว้ก้องหล้าอีกครั้ง ทั้งที่อีกคนที่เธอรู้จักยังคงหลับตานิ่งไม่ไหวติงบนเก้าอี้ตัวเดิม “สวัสดีครับ...ผมชื่อก้องหล้าเป็นผู้จัดการในโรงงานครับ แล้วคุณ...เอ่อ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม