26
แอนโธนี่ไม่ทุกข์ร้อนจริงๆ ด้วย เพราะเวลานี้เขารู้สึกดีมากที่มีร่างเล็กนั่งคร่อมหน้าขาของตน มันทำให้เกิดความกระชุ่มกระชวยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเคยมีผู้หญิงมานั่งบนตักแล้วขับรถไปด้วยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มั่นใจว่าขับได้”
เธอวิเคราะห์ตามคำพูดของเขา ก่อนจะปล่อยเสียงที่แฝงไว้ซึ่งความไม่พอใจออกไป เมื่อคิดว่า เขาต้องเคยทำแบบที่ทำกับเธอมาก่อน คิดแล้วความไม่พอใจมันพุ่งสูงขึ้นไม่รู้ตัว
“เคยที่ไหนกันล่ะ นี่ครั้งแรกต่างหาก” เขารีบพูดแก้ตัว แต่เป็นคำแก้ตัวที่เป็นความจริง “เรามาพูดถึงแผนการของเราดีกว่านะ แผนของลุงมีอยู่ว่า...”
แอนโธนี่ใช้ช่วงเวลานี้วกกลับเข้าเรื่องสำคัญ บอกเล่าแผนการที่ตนคิดไว้ให้กับภัทรพรได้รับรู้ ซึ่งเธอเองก็นั่งฟังอย่างตั้งใจสลับกับบอกทางไปบ้านของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไปด้วย จนกระทั่งรถยนต์ของเขาจอดหน้าบ้านของภัทรพร แผนการของเขาก็ถูกเล่าจบพอดี
“แผนสุดยอดไปเลยลุง เด็ดมาก” ภัทรพรเอ่ยชื่นชม และเห็นดีเห็นงามกับแผนการของเขา
“อยู่แล้ว คนคิดแผนฉลาดออกอย่างนี้” ได้ทีพูดชมตัวเอง
“เอาล่ะในเมื่อรู้แผนการแล้ว และถึงบ้านเฟิร์นแล้ว ทีนี้ก็ปล่อยเฟิร์นได้แล้วค่ะ เฟิร์นจะได้พักผ่อนเสียที”
“โห ไม่น่าถึงเร็วเลย บ้านเธอน่าจะอยู่ไกลกว่านี้หน่อย”
ถึงแม้ว่าปากจะบ่นว่าเสียดาย แต่เขาก็จำต้องไขกุญแจมือปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ภัทรพรบิดแขนไปมาทันที เพื่อให้กล้ามเนื้อแขนได้ผ่อนคลาย บิดข้อมือทั้งข้างไปมา มองรอยแดงตรงข้อมือที่ทับซ้อนกันหลายจุด จากการที่เธอขยับมือไปมา เก็บความแค้นเล็กๆ ไว้ในใจ งานนี้เธอเอาคืนแน่
“เฟิร์นไปก่อนนะคะ” เธอทำท่าจะลุกจากตักหนา แต่ทว่ากลับถูกลำแขนใหญ่โอบรัดร่าง
“จูบลาลุงก่อนสิ ไม่งั้นไม่ให้ลงจากรถ”
คนเป็นต่อกว่ายื่นข้อเสนอที่สาวน้อยจอมแสบจำต้องทำตาม ปากเล็กนุ่มทาบทับลงบนริมฝีปากใหญ่เบาๆ มันจะได้จบๆ กันไป ทว่าคนตัวโตไม่ยอมให้เธอผละห่างปากเขาง่ายๆ บดจูบแทรกลิ้นเข้ามาหาความหวานเลิศรสยาวนาน จนร่างสาวอ่อนระทวย
“หวานจังปากของหลานลุง” เขาพูดหลังจากพอใจกับการหาน้ำตาลในปากเธอ คนที่ได้ยินและถูกจุมพิตยาวนานดวงหน้าเห่อร้อน เปล่งประกายสีชมพูระเรื่อชวนมองน่าพิสมัย
“เฟิร์นลงจากรถได้หรือยังคะ” เธอถามด้วยรอยยิ้มสดใส กระชากใจคนเห็นเหลือเกิน
“ลงได้แล้ว” เขาเปิดประตูด้านเข้าออกกว้าง เพื่อให้เธอก้าวลงจากรถตามปรารถนา ไม่คิดเหนี่ยวรั้งเธอไว้ เพราะเห็นว่าเวลานี้ดึกพอสมควรและพรุ่งนี้ภัทรพรต้องเดินทางไปทำธุระกับมารดา เธอสมควรเข้าบ้านไปพักผ่อน
ภัทรพรคว้ากระเป๋าเป้ของตนมาไว้ในมือ ก้าวลงจากรถไปยืนข้างประตูที่เปิดกว้าง โน้มตัวลงมาหาเจ้าของรถที่ยิ้มกว้าง เธอขยับหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา จนลมหายใจแทบจะเป่ารดกัน
“ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่มาส่ง” พูดจบก็ใช้ไรฟันกัดไปที่ปลายจมูกโด่งของแอนโธนี่เต็มแรงกัดไม่ปล่อยราวกับว่าตั้งใจจะกัดจมูกของเขาให้ขาด
“โอ๊ยๆๆๆ อ๊ากกก” เขาร้องลั่นรถ ดันใบหน้าสาวให้ออกห่างก่อนที่จมูกของเขาจะขาดติดปากเธอไป
เธอยอมปล่อยจมูกของเขาให้เป็นอิสระ แล้วขยับตัวหนีอย่างรวดเร็ว “ครั้งหน้าถ้าทำกับเฟิร์นแบบนี้อีกล่ะก็ จะกัดจมูกให้ขาด กัดหูให้แหว่ง กัดปากให้เบี้ยว จิกตาให้บอด เอาให้พิการไปเลยคอยดู”
สาวแสบซ่าปิดประตูรถหรูทันทีที่พูดจบ ก่อนจะรีบวิ่งไปยังประตูบ้านแล้วพาตัวเองเข้าไปในเขตบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แอนโธนี่จะออกมาจากรถเพื่อชำระความกับตน
“อูย!...” เขาเอามือคลำจมูก ลูบเบาๆ พร้อมกับสูดปากเจ็บไม่คิดว่าเธอจะแสบสันได้มากขนาดนี้ เขาคิดว่ากำหราบเธออยู่หมัดแล้ว กลับกลายเป็นว่าฤทธิ์เดชยังคงเหมือนเดิม ดีเท่าไหร่แล้วที่จมูกของเขาไม่ขาด
“เจออีกครั้งพ่อจะจับปล้ำทำเมียซะเลย อูย...ดีนะจมูกไม่ขาด”
ชายหนุ่มมองตามหลังร่างเล็กที่หายเข้าไปในบ้าน กล่าวอาฆาตแบบไม่จริงจัง พลางจับจมูกลูบไปมา ก่อนจะขับรถหรูออกห่างบ้านหลังงามของภัทรพร คิดในใจว่า ครั้งหน้าเจอกัน รับรอง...แจ่ม หลานรักของลุง
ผู้ชายหลายคนต่างมองสาวแรกแย้มแต่งกายด้วยชุดเดรสสีหวาน ที่โปรยยิ้มให้กับชายเหล่านั้นอย่างเป็นมิตร ทว่าชายทั้งหลายนั้นไม่กล้ายิ้มตอบ เนื่องจากกลัวชายร่างสูงที่แยกเขี้ยว ถลึงตาใส่พวกเขาจนกลัวหัวหด หลบสายตาหรือไม่ก็เดินหนีแทบไม่ทัน
“กุ๊กไปยิ้มให้พวกมันทำไมคะ คุณอาไม่ชอบนะ” แม้ว่าจะไม่พอใจแต่โจนาธานก็ไม่อาจทำเสียงแข็งใส่หลานสาวสุดสวยได้ น้ำเสียงที่ใช้ก็ยังคงนุ่มนวลเช่นเดิม
“ยิ้มสยามยังไงล่ะคะคุณอา เมืองไทยถือว่ารอยยิ้มเป็นสะพานแห่งมิตรภาพ เป็นสิ่งที่ให้กับคนทั้งโลกได้อย่างไม่มีวันหมด เป็นรอยยิ้มที่สร้างมิตรไม่ใช่ศัตรู กุ๊กไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลยค่ะคุณอา” ณัฏฐลักษณ์ให้เหตุผล
เหตุผลของณัฏฐลักษณ์ฟังขึ้น แต่ทว่าสำหรับคนขี้หึงจอมหวงฟังอะไรก็ไม่เข้าหูไปหมด “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณอาก็ไม่ชอบให้กุ๊กยิ้มให้ใครอยู่ดี”
โจนาธานพยายามหักห้ามอารมณ์ของตนเองเต็มที่ แม้ว่าภายในอกจะร้อนรุ่มแต่ก็ไม่กล้าพูดเสียงห้วนหรือพูดเสียงแข็งใส่เธอ ทว่าผู้ฟังรู้ดีว่าอาหนุ่มตกอยู่อารมณ์แบบใด เธอจึงเอาเสียงหวานแสนอ้อนเข้าสยบ