1
สวัสดีค่ะคุณอา
คุณอาเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า กุ๊กสบายดีค่ะ ต้องขอโทษคุณอาด้วยนะคะที่ไม่ได้เขียนจดหมายมาหาคุณอาหลายเดือน ช่วงนี้กุ๊กยุ่งๆ ค่ะ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องการทำหนังสือเดินทาง แต่ดีหน่อยที่คุณอาช่วยเหลือเรื่องวีซ่า ไม่อย่างนั้นกุ๊กคงไม่ได้ไปหาคุณอาแน่ๆ เลยค่ะ
กุ๊กตื่นเต้นที่สุด เดือนหน้ากุ๊กก็จะได้เจอคุณอาแล้ว ไม่รู้ว่าคุณอายังจำกุ๊กได้หรือเปล่า เพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ตอนนั้นกุ๊กเรียนอยู่ม.6 มันก็สี่ปีแล้วนะคะที่เราไม่ได้เจอกัน กุ๊กคิดถึงคุณอามากๆ เลยค่ะ ทั้งตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอคุณอาและได้ไปเมืองนอกเป็นครั้งแรกในชีวิต
กุ๊กมีเรื่องยินดีจะบอกคุณอาด้วยนะคะ กุ๊กได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งค่ะ กุ๊กเก่งหรือเปล่าคะคุณอา กุ๊กเรียนเก่งอย่างนี้แล้วคุณอาจะให้อะไรเป็นของขวัญคะ อ้อ...อีกอย่างนึงที่กุ๊กจะอวดคุณอา ตอนนี้กุ๊กพูดภาษาอังกฤษเก่งขึ้นมากแล้วนะคะ อาจารย์ยังบอกเลยว่าฉายเดี่ยวได้แล้ว ทีนี้กุ๊กก็จะได้คุยกับคุณอาได้เสียที
กุ๊กรบกวนคุณอาแค่นี้นะคะ เดือนหน้าเจอกันค่ะคุณอา
รักคุณอาค่ะ
น้องกุ๊ก
โจนาธานอ่านเนื้อความในกระดาษจดหมายสีชมพูด้วยรอยยิ้ม จดหมายฉบับนี้ทิ้งห่างจากฉบับที่แล้วร่วมสามเดือน จะมีใครรู้หรือไม่ว่าคนอย่าง โจนาธาน แมคเคนซีจะเฝ้ารอจดหมายของสาวน้อยวัยละอ่อนนามว่า ณัฏฐลักษณ์ อัศวนันท์ หรือน้องกุ๊กทุกวัน ครั้นจะเขียนจดหมายไปหาเองก็ไม่ถนัดนัก เพราะโจนาธานไม่ถนัดเขียน ถนัดพูดซะมากกว่า
เขายกกระดาษจดหมายฉบับนั้นขึ้นสูง ก่อนจะมาแนบตรงปลายจมูกแล้วสูดดมกลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่เธอเทใส่ไว้ในซองจดหมายอย่างเช่นทุกครั้ง มันช่างชื่นใจเหลือเกิน กลิ่นแป้งยี่ห้อนี้ติดจมูก ติดอยู่ในจิตใจและความรู้สึกของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สูดดม ประหนึ่งว่าเขากำลังจุมพิตแก้มหอมๆ ของเจ้าของจดหมายก็ไม่ปาน
จดหมาย คือการสื่อสารระหว่างคนที่อยู่สหรัฐอเมริกากับคนที่อยู่เมืองไทย ณัฏฐลักษณ์ในเวลานั้นพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ไม่คล่องหรือจะพูดได้ว่า สื่อสารกับชาวต่างชาติไม่ได้เลย แม้ว่ามารดาของเธอจะได้สามีใหม่เป็นชาวอเมริกัน ทว่าแมทธิวพูดภาษาไทยได้ดีมาก จึงสื่อสารกับเธอเป็นภาษาไทยทุกคำ ณัฏฐลักษณ์จึงไม่ใส่ใจเรียนภาษาอังกฤษเท่าใดนัก
จนกระทั่งมารดากับพ่อเลี้ยงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในวันที่เดินทางไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด โจนาธานน้องชายแมทธิวรีบรุดมาเมืองไทยหลังจากทราบข่าวว่าพี่ชายได้รับอุบัติเหตุอาการสาหัส พอมาถึงคนที่กำลังใกล้จะเสียชีวิตพูดฝากฝังณัฏฐลักษณ์ที่แมทธิวรักไม่ต่างกับลูกไว้กับโจนาธาน พอน้องชายรับปากแมทธิวก็หมดลมหายใจ จากโลกนี้ไปอย่างไร้ความกังวล
ในเวลานั้นณัฏฐลักษณ์ในวัย 12 ปีเหมือนเรือที่ลอยคว้างกลางทะเล หาที่พึ่งไม่ได้ ทว่ายังดีที่เธอยังมีโจนาธาน อาหนุ่มที่เข้ามาดูแลทั้งเรื่องความเป็นอยู่และการเรียน แรกๆ ทั้งคู่แทบจะไม่คุยกันเลย เพราะสื่อสารกันคนละภาษา สนทนาผ่านล่ามเท่านั้น และในอีกหนึ่งเดือนต่อมา โจนาธานได้เดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากจัดการเรื่องหลานสาวนอกไส้เสร็จสิ้น
โจนาธานจะมาเยี่ยมณัฏฐลักษณ์ปีละสองครั้งนานหกปี เขาจึงมีความคิดว่า สมควรที่จะให้หญิงสาวเรียนภาษาอังกฤษได้แล้ว เขาจึงจ้างครูสอนภาษามาสอนเธอเป็นการส่วนตัว และนับตั้งแต่นั้น ณัฏฐลักษณ์เริ่มเขียนจดหมายมาหาตน เพราะถือว่าเป็นการฝึกปรือเรื่องการเขียนอ่านไปในตัว
“ชื่นใจจัง” คนที่สูดดมจดหมายพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพับจดหมายให้อยู่ในรูปเดิม สอดเก็บเข้าไปในซองจดหมายที่มีแป้งฝุ่นโรยอยู่ด้านใน จากนั้นก็ไปรวมเก็บไว้ในกล่องไม้ใต้โต๊ะทำงานที่มีจดหมายหลายสิบซองซ้อนทับในนั้น แล้วยังมีดอกกุหลาบแห้งหลายสิบดอกวางอยู่ในกล่องไม้กล่องนั้นด้วย เป็นดอกกุหลาบที่เขาและเธอช่วยกันปลูก
จากนี้ก็รอเวลาที่เขาและเธอจะได้พบกันครั้งแรกในรอบสี่ปี...
หนึ่งเดือนต่อมา
“จอนคะ จอน” เสียงร้องปานขาดใจดังลอดผ่านปากของสาวร้อนแรงแห่งปี โมนิก้า ฟรองซัวส์ นางแบบสาวลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศสที่นอนร่างสั่นสะเทือนอยู่ใต้ร่างหนาที่เคลื่อนไหวอย่างดุดัน ไม่ปรานีร่างสาวที่บิดเร้า ร้องเรียกหาความสุขไม่ขาดปาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง ส่งผลให้พายุอารมณ์ของโจนาธานสะดุดลงกลางคัน แต่ทว่าเขายังควบขี่เหนือร่างระหงเร็วรี่ หวังว่าตนเองจะเดินทางไปยังสวรรค์เบื้องบนเร็วๆ ทว่า...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด
“โธ่โว้ย!...อะไรนักหนาวะ”
เจ้าของห้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อตนเองตกสวรรค์เอาดื้อๆ ดึงร่างของตนเองออกห่างร่างอ่อนระทวยของคู่ขาสาว ก้าวลงจากเตียงก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับร่างล่อนจ้อนของตัวเอง
“มีอะไรไซลัส ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนมึงเจ็บตัวแน่”
โจนาธานพูดใส่หน้าเจ้าของมือที่เคาะประตู ส่งสายตาดุๆ ไม่พอใจให้ไซลัส แต่คนที่อยู่นอกห้องหาได้เกรงกลัว เพราะคิดว่าเรื่องที่ตนจะบอกเจ้านายขี้โมโหของตนนั้นนั้น สำคัญกับโจนาธานมาก
“คุณจอนต้องไปรับคุณกุ๊กที่สนามบินนะครับ ลืมหรือเปล่าครับคุณจอน” ไซลัสตอบเจ้านายหนุ่มสุดหล่อ
“ตายห่า...ลืมไปเลย” โจนาธานอุทานเสียงดัง หน้าตาตื่นตกใจ “นายไปรอข้างล่าง อีกยี่สิบนาทีฉันจะลงไป” เขารีบปิดประตูทันทีที่สั่งลูกน้องเสร็จ
“มีอะไรคะจอน” โมนิก้าลุกขึ้นนั่ง คว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย มองดูท่าทางรีบร้อนของเขาด้วยความสงสัย
“ฉันมีธุระด่วน เธอใส่เสื้อผ้าแล้วกลับบ้านไปได้เลย” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปในห้องน้ำรีบอาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัวกะจะให้เสร็จภายในสิบห้านาที
“คุณจะไปไหนคะจอน” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นโจนาธานแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
“ฉันต้องไปรับกุ๊กที่สนามบิน”
เขาตอบไปแต่งตัวไป เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในสมองของเธอทันที กุ๊กคือใคร มีความสำคัญอะไรที่โจนาธาน แมคเคนซีต้องไปรับด้วยตัวเอง
“ใครคะกุ๊ก” โมนิก้าย้อนถาม
“ไม่ใช่เรื่องของเธอที่จะต้องรู้ เธอแต่งตัวเสร็จแล้วก็กลับอพาร์ตเม้นต์ของเธอซะ” คนที่กำลังง่วนกับการแต่งตัวสั่งอีกครั้ง
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เจ้าของห้องก็เร่งฝีเท้าไปยังประตูห้อง เปิดออกกว้างแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องจมอยู่กับความสงสัยเพียงลำพัง
“ใครนะกุ๊ก” โมนิก้าพูดเหมือนถามตัวเอง กุ๊กเป็นใครกัน อาจจะเป็นลูกค้าคนสำคัญที่โจนาธานต้องดูแล หรืออาจจะเป็นหญิงคนใหม่ของเขาก็เป็นได้ เพราะเขาเปลี่ยนคู่ควง คู่นอนเป็นว่าเล่น ความอยากรู้บวกกับไม่ต้องการให้ตนเองกระเด็นออกมาจากตำแหน่งคู่ควงคนใหม่ของชายผู้โด่งดัง คิดได้ดังนั้นนางแบบสาวรีบเด้งตัวลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเร็วๆ ออกไปจากห้อง ตามหลังโจนาธานไปติดๆ งานนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่า กุ๊กคือใคร