3 (2/2)

1282 คำ
                คนอื่นอาจมีอารมณ์เสียบ้างเป็นบางครั้ง แต่สำหรับคุณไฟ…น้อยครั้งนักที่อีกฝ่ายจะอารมณ์ดี นิสัยของคุณเขาร้อนเหมือนอย่างชื่อนั่นแหละ                 “ร้องไห้ทำไม!”                 “เปล่าครับ” วาริชปฏิเสธพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าของคนใจร้าย                 “ก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นน้ำตา!” คุณไฟไม่ว่าเปล่า แต่อีกฝ่ายยังกระตุกข้อมือวาเพื่อจะให้เขาหันไปสบตากับเจ้าตัว                 “คุณไฟจะอะไรหนักหนา!” คราวนี้วาริชขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายพร้อมกับกระตุกข้อมือตัวเอง ให้หลุดออกจากการเกาะกุมของอีกคน “เขาชวนคุยผมก็ต้องคุยสิครับ จะให้เดินหนีอย่างที่คุณว่า มันใช้ได้ที่ไหน!”                 เป็นอีกครั้งที่เราทะเลาะกันและครั้งนี้มันก็รุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้งด้วย โดยปกติเวลาโดนดุวามักจะเป็นฝ่ายเงียบเสมอ เขาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคุณไฟ เนื่องจากคิดว่าเรื่องราวมันจะไม่จบเสียที แต่ในที่สุดวันนี้ความอดทนของวาก็สิ้นสุดลง             วินาทีนั้นวาคิดว่าหากจะถูกไล่ออกจริง ๆ  เขาก็จะไม่สนใจแล้ว             ความจริงคุณไฟจะไม่มีทางรู้เรื่องคุณไทระเลย เนื่องจากตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังเข้าฉากอยู่และตัวเขาเองก็ไม่คิดจะบอกอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะเขาคิดว่าไม่ใช่ธุระของคุณไฟ แต่ทว่าตอนที่กำลังจะเลิกกองถ่าย ระหว่างที่ทยอยแยกย้าย วาที่กำลังเดินกลับไปยังรถพร้อมกับคุณไฟก็ได้เจอกับคุณไทระเข้าพอดี                 เพราะเราเดินสวนกันด้วยความบังเอิญ นั่นจึงทำให้พระรองของเรื่องร่ำลาเขาตามมารยาท แต่ทว่าคุณไฟกลับไม่เข้าใจและหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้น                 “คุณไฟอย่าทำตัวไร้เหตุผลได้ไหมครับ” วาริชเอ่ยอย่างสุดจะทน หลังเห็นว่าคุณไฟยังไม่มีท่าทีสำนึกสักทีว่าที่อีกฝ่ายสั่งให้เขาทำ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง                 “นี่นายว่าฉันเหรอ? ฉันบอกแล้วไงให้ฟังคำสั่งฉันอย่างเดียว” ขณะที่พูดคุณไฟชี้หน้าวาไปด้วย น้ำเสียงและสายตาของอีกฝ่ายดูน่ากลัวยิ่งกว่าทุกครั้งและถ้านี่เป็นสถานการณ์ปกติ วาริชก็คงกลัวจนหัวหดแน่                 แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่… หลังจากถูกชี้หน้าเช่นนั้น วาผลักนิ้วชี้ของคุณไฟออกอย่างไม่เกรงกลัว เขาจ้องอีกฝ่ายกลับ ไม่มีการหลบตามองพื้นอีกแล้ว                 “อย่ามาชี้หน้าผม!” วาริชพูด                 “…..”                 “เรื่องอื่น….ผมอาจจะไม่เถียงแล้วก้มทำตามคำสั่งคุณอย่างเงียบ ๆ แต่เรื่องนี้ผมทำให้ไม่ได้จริง ๆ”                  “งั้นนายก็ลาออกไปสิ…..ถ้าทนไม่ได้ ไม่อยากเชื่อฟังคำสั่งฉัน นายก็แค่ลาออกไป” ในที่สุดคุณไฟก็งัดไม้ตายขึ้นมาพูด คราวนี้อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่วาสุดแสนจะเกลียดนัก                 รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าพระเอกมากความสามารถอย่างคุณไฟ อีกฝ่ายกำลังยิ้มหยันในวาราวกับตัวร้ายในละคร ซึ่งเขาสุดแสนจะเกลียดนัก                 “……”                 “ต่อจากนี้ไปนายต้องเจอมากกว่านี้อีก จำเอาไว้วาริช”                 “แล้วคุณไฟคิดว่าผมจะทนเหรอครับ” วาย้อนถาม เขาแค่นหัวเราะทั้งน้ำตาคลอเบ้า                 “…..”                 “ผมจะไม่ทนกับคุณอีกแล้ว รู้ไว้ด้วย!”                   ระหว่างทางกลับเข้ากรุงเทพ เราแทบไม่พูดกันสักประโยค นั่นจึงทำให้ความอึดอัดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณรถ ขนาดคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างคนขับรถยังพลอยรู้สึกไปด้วย                 ตลอดระยะเวลาการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ วาและคุณไฟเราต่างหันหน้าหนีไปคนละทาง วาก็เอาแต่นั่งกอดอก มองออกไปนอกหน้าต่างรถอยู่อย่างนั้น หลายครั้งที่เขาเห็นลุงคนขับรถมองวาผ่านกระจกหลังราวกับจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่วาก็ไม่คิดจะตอบอะไรไปและเมื่อรถมาจอดสนิทที่หน้าคอนโดหรู วาก็รีบลงจากรถทันที เพราะไม่อยากจะเสวนาอะไรกับคุณไฟแล้ว                 “วา จะไปไหน!” คุณไฟตะโกนเรียกและนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่วาได้ยิน ก่อนที่เขาจะปิดประตูรถแท็กซี่เพื่อเตรียมกลับห้องพักตัวเอง                 หลังหนีคุณไฟกลับมาห้องได้ วาก็ทิ้งตัวลงเตียงอย่างแรง ระหว่างที่นอนอยู่เขาก็ดีดดิ้นไปมา เพราะความโมโหและอาการเจ็บใจยังคงทำงานอยู่                 แม้ครั้งนี้วาจะขึ้นเสียงและปัดมือคุณไฟทิ้งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่เขาก็ไม่รู้สึกเลยว่าสิ่งที่ทำ มันเป็นเรื่องที่ผิด เพราะในเมื่อคุณไฟทำเกินไปแล้วทำไมวาจะต้องทนด้วย                 “เป็นไงเป็นกันว่ะ เหนื่อยแล้วเหมือนกัน” วาพูดกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบตะกร้าผ้าเตรียมเอาไปซัก                   ขณะที่กำลังยืนตากผ้าอยู่ริมระเบียงห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นั่นจึงทำให้วาต้องผละออกจากงานที่กำลังทำอยู่ เดินเข้าไปเช็กโทรศัพท์ที่ถูกชาร์จเอาไว้                 ทันทีที่เห็นว่ามันเบอร์โทรของพี่ว่าน ผู้จัดการส่วนตัวตัวจริงของคุณไฟ ผู้เป็นซึ่งเป็นญาติของเขา วาก็ถึงกับแค่นหัวเราะออกมา เพราะสิ่งที่เขาเดาไว้ มันไม่ได้ผิดเพี้ยนเลย นี่คุณไฟต้องโทรไปฟ้องพี่ว่านแน่                 [วันนี้แกทะเลาะกันกับคุณไฟเนี่ย สารภาพมาเลยนะ ได้ข่าวมาหนีกลับมาก่อนด้วย เขาเรียกไว้ก็ไม่ทัน] นั่นเป็นประโยคแรกที่พี่ว่านพูดกับวา หลังเขากดรับสาย                 “เหอะ! นี่คุณไฟเขาฟ้องพี่ว่านหมดเลยเหรอครับ เห็นเงียบ ๆ แบบนั้น แต่ทำไมนิสัยขี้ฟ้องนัก” ช่วงท้ายประโยควาริชเอ่ยเสียงแผ่ว คล้ายจะบ่นกับตัวเอง                 [จริง ๆ เขาไม่ได้ฟ้องหรอก แต่วันนี้พี่โทรไปหาเขาพอดีเลยถามหาแกด้วย คุณไฟเขาก็เลยเล่าให้ฟังว่าวันนี้เขามีปัญหากันวา แล้วนี่สรุปเป็นอะไรกัน ตอบพี่ได้ยัง?]                 “ก็ไม่มีอะไรครับ วาก็แค่ไม่อยากทนแล้ว คุณไฟเขาทำเกินไป…ก็แค่นั้น”                 [พูดงี้ แสดงว่าแกไม่สนใจเงินทองปากท้องตัวเองแล้วใช่ไหม?]                 “…..” คำพูดของพี่ว่าน ทำเอาวาริชเงียบไปครู่หนึ่ง                 [ว่าไง?]                 “ไม่ใช่ไม่สน” วาให้คำตอบผู้เป็นญาติ “แต่เดี๋ยววาจะไปสมัครเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อก็ได้ครับ อาจได้เงินน้อยกว่าตอนที่ทำงานกับคุณไฟ แต่คงไม่ทำให้เสียสุขภาพจิตเท่ากับตอนอยู่กับเขา”                 [เฮ้อ…สงสัยจะทะเลาะกันหนักจริงสินะ แล้วพี่จะเอายังไงต่อดีเนี่ย] พี่ว่านพูดต่อเสียงลำบากใจ                 “ก็เอาแบบนี้แหละครับพี่ว่าน เดี๋ยววาโทรไปบอกเขาเองว่าจะขอลาออก คุณไฟน่ะ…เขาคงไม่อะไรหรอก เพราะเมื่อกี้ตอนที่ทะเลาะกัน เขายังบอกผมเลยว่าถ้าทนไม่ไหว ก็ให้ลาออกไป เขาคงไม่มาแคร์กัน”                 [เขาประชดน่ะสิไม่ว่า เพราะเมื่อกี้คุณไฟเขาบอกเองว่าให้พี่ตามแกกลับไปทำงานกับเขาให้ได้ ไม่งั้นเขาจะไล่พี่ออกด้วย….]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม